มัลดีฟส์ ประหยัดและถูกสุดๆ ต้องทำอย่างไรบ้าง?

มัลดีฟส์ - Maldives เกาะสวาทหาดสวรรค์ในฝันของคนไทยหลายๆคนนั้น ไม่ได้แพงจนเกืนเอื้อม แต่ก็ไม่ได้ถูกจนจะกัดฟันกันไปได้ง่ายๆเช่นกัน สำหรับมนุษย์เงินเดือนแล้ว มันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ตรงคำว่า "ก้ำกึ่ง" ว่าจะไปดีหรือไม่ไปดี คือจะเก็บเงินไป มันก็ไหว แต่มันก็ไม่ถูกขนาดที่จะเสียเงินขนาดนั้นเพื่อไปเที่ยวไม่กี่วันอยู่ดี
ดังนั้น การไปเที่ยวมัลดีฟส์นั้น ถ้ากดราคาให้ถูกสุดๆเท่าที่จะทำได้ ก็ควรจะทำครับ!! ซึ่งสิ่งที่ต้องพิจารณามีดังนี้ครับ

1. เป็นสมาชิก Flyerbonus ของ Bangkok Airways
เป็นที่รู้กันนะครับ ว่าสายการบินที่บินตรงจากไทยไปมัลดีฟส์นั้น ก็คือสายการบิน Bangkok Airways ครับ ดังนั้นหากเราสมัครสมาชิกกับ Bangkok Airways เอาไว้ เวลามีโปรโมชั่นอะไรต่อมิอะไร เค้าก็จะส่งมาทางเมลของเราครับ เพื่อให้เราได้ "ตั๋วเครื่องบินที่ถูก" สุดๆมานั่นเอง
อย่างเช่นตามภาพครับ ตั๋วเครื่องบินราคา 14,500 บาท จัดว่าถูกมากแล้วครับ ราคาปกติจะอยู่ที่ 20,000-22,500 บาทครับ
อีกวิธีก็คือกดไลค์เพจของ Bangkok Airways ทาง Facebook แล้วก็รับข่าวข้อมูลทั้งหมดให้เตือนทาง Facebook เราก็ดีครับ
วิธีนี้จะทำให้เราไม่พลาดตั๋วเครื่องบินราคาถูกจาก Bangkok Airways
อย่างไรก็ตาม หากไม่ซีเรียสเรื่องเวลาสำหรับการบิน อาจจะเลือกเดินทางกับ Srilankan Airlines ก็ได้ครับ (แต่ผมว่ารอโปร Bangkok Airways ดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลาเดินทางมากนัก และอีกอย่าง ราคาเค้าก็ไม่ได้ถูกกว่าโปรของ Bangkok Airways หรอกครับ)
โดยสมัครสมาชิกได้ที่ http://www.bangkokair.com/flyerbonus/home หรือตาม Facebook ได้ที่ https://th-th.facebook.com/FlyBangkokAir ครับผม

2. เลือกรีสอร์ทโรงแรมที่อยู่ในเขต North Male Atoll หรือ South Male Atoll
มัลดีฟส์นั้นเป็นประเทศหมู่เกาะครับ มีเกาะกระจัดกระจายกว้างขวางไปในทะเล ... ในตอนแรกที่เราเดินทางจากกทม.ไปมัลดีฟส์ เราจะไปลงที่เกาะที่เป็นเมืองหลวงก่อน (ชื่อว่า Male อ่านว่ามาเล่) ซึ่งจากเกาะที่เป็นเมืองหลวงไปยังรีสอร์ทที่เราพักนั้น มันมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นด้วยครับ!! และค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้ถูกเลย!! ไม่ว่าจะค่าเครื่องบินน้ำ Seaplane หรือค่าเรือเร็ว Speed Boat ดังนั้น ถ้าเราเลือกพักรีสอร์ทที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงมาเล่มากนัก เราก็จะประหยัดค่าเดินทางตรงส่วนนี้ไปได้ (ถ้าเลือกรีสอร์ทไกลๆ บางทีค่าใช้จ่ายแพงกว่าตั๋วเครื่องบินกรุงเทพฯ-มัลดีฟส์ ด้วยนะครับ)
ลองดูรูปครับ นี่คือภาพประเทศมัลดีฟส์ทั้งหมดครับ แต่ที่วงกลมไว้ คือส่วนของ North Male Atoll กับ South Male Atoll ซึ่งอยู่ไม่ไกลเมืองหลวงมาเล่ครับ
เป็นภาพจาก Google Map ครับ ... ซึ่งจาก Google Map เราจะซูมไปดูว่ารีสอร์ทไหนอยู่ในเขตดังกล่าวก็ได้เช่นกัน
หรืออีกวิธีก็คือเสิร์ชจากเวบจองโรงแรมรีสอร์ทอย่างอโกด้าก็ได้ครับ แล้วก็กรองพื้นที่โรงแรมรีสอร์ทให้อยู่เฉพาะในส่วนของ North Male Atoll หรือ South Male Atoll ครับ

3. เลือกช่วงเวลาที่ไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยวในมัลดีฟส์ พร้อมๆกับตรวจสภาพอากาศ
ฤดูกาลท่องเที่ยวในมัลดีฟส์นั้น ราคาที่พักจะแพง แต่นอกฤดูกาลท่องเที่ยว จะถูกครับ ... แต่บางคนอาจจะบอกว่า อ้าว ถ้าทำอย่างนี้ ก็หมายความว่าจะยอมได้ราคาถูก แต่ต้องเจอฝนฟ้าคะนองหรือ? ... ดังนั้นเราต้องทำควบคู่ไปกับการเช็คสภาพอากาศครับ และให้เล็งปลายหรือต้นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (ซึ่งจะติดกับฤดูกาลท่องเที่ยวและอากาศมีแนวโน้มดีสูงมากๆ)
โดยฤดูกาลท่องเที่ยว ก็ตามนี้ครับ
- High Season in Maldives ไฮซีซั่นในมัลดีฟส์คือเดือน ธันวาคม ถึง เดือนเมษายน
- Low Season in Maldives โลว์ซีซั่นในมัลดีฟส์คือเดือน พฤษภาคม ถึง เดือนพฤศจิกายน
แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงเมษายนนั้นเค้าว่าสวยสุดๆ ดังนั้น อาจจะลองเช็คสภาพอากาศต้นเดือนพฤษภาคม หรือต้นเดือนพฤศจิกายน แล้วไปช่วงนี้ก็ได้ครับ เพราะเป็นช่วงที่ราคาถูก แต่มีโอกาสเจอน้ำใสๆสวยๆสูงครับ
ปล. วิธีนี้ บางทีอาจจะสวนทางกับข้อแรก เรื่องการจองตั๋วครับ บางทีตั๋วราคาถูก มันก็โปรยมาในช่วงที่เป็นโลว์ซีซั่นน่ะครับ บางทีก็ต้องเลือกเอา บวกลบกันดูครับ ตรงนี้ผมช่วยไม่ได้แล้ว ^ ^"

4. อย่าพัก Overwater Bungalow
เป็นวิธีที่ไม่อยากแนะนำเลยจริงๆ นั่นก็คือ "ไม่พักบ้านบังกะโลกลางน้ำ" แต่มาพักบ้านติดหาดแทน ... ราคามันต่างกันมากครับ มากโขเลยล่ะ บ้านติดหาด อาจจะคืนละ 6,000 บาท แต่บ้านกลางน้ำ ราคาอาจจะดีดไปถึง 15,000 บาทต่อคืนได้ ทั้งๆที่รีสอร์ทเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ที่ผมบอกว่าไม่อยากแนะนำ ก็เพราะว่าเมื่อคุณตัดสินใจที่จะไปมัลดีฟส์แล้ว ก็ควรจะให้ "สุด" ไปเลย ไม่ต้องซ่อม ... ซึ่งบังกะโลกลางน้ำ เป็นไฮไลท์สำคัญที่ควรจะพักครับ
ลองดูรูปสิครับ ... จะไปพักทำไมบนฝั่ง
และจากห้องพักนั้น คุณลงน้ำได้เลยเพราะว่ามีบันไดต่อลงน้ำให้ครับ เจ๋งมากๆ นี่แหละคือจุดเด่นของ Water Villa
ปล. ภาพมาจากคลิปวิดีโอใน Youtube ตามลิงค์นี้ครับ http://www.youtube.com/watch?v=EkYJpFSVfWk ไปดูคลิปเต็มๆได้ ซึ่งในคลิปเป็นรีสอร์ท Mirihi Island ครับ
...
เมื่อคุณดูคลิปแล้ว คุณบอกว่าทิ้ง Water villa ได้ ... ลงน้ำก็ลงจากหน้าหาดก็ได้ ทำไมต้องลงจากบ้าน ... หรือวิวบ้านกลางน้ำหรือบังกะโลกลางน้ำ เราก็ถ่ายรูปด้วยเฉยๆก็ได้ แค่นี้ก็ได้อารมณ์มัลดีฟส์แล้ว ... ก็โอเคเลยครับ คุณจะประหยัดไปได้เยอะเลย (แต่โดยส่วนตัวผมแล้ว ผมยังคงยอมเสียเงินค่าที่พักตรงนี้อยู่ครับ ไหนๆไปแล้ว ต้องให้สุดๆ แล้วประหยัดเฉพาะในสิ่งที่ประหยัดได้)

5. เลือกที่พักที่ไม่ใช่ All Inclusive แล้วพกของกินไปด้วย
ที่พักของ Maldives นั้น เค้าจะมีระบุไว้ด้วย ว่าห้องพักของคุณเป็นประเภทไหน ซึ่งจะแบ่งได้ตามนี้ครับ
- Half Board มีมื้อเช้ากับมื้อเย็น มื้อกลางวันจ่ายเอง และไม่รวมน้ำ
- Full Board มีอาหาร 3 มื้อ แต่ไม่รวมน้ำนะ
- All Inclusive รวมหมดทั้งอาหารและน้ำทุกมื้อ
ซึ่งราคา All Inclusive จะแพงกว่าครับ แพงกว่ามากเลยล่ะ ... ดังนั้นถ้าเราเลือก Half Board แล้วกินมาม่า + พกขวดน้ำเป็นลิตรๆไปหลายลิตรไปกินเอง ... ก็จะถูกลงเยอะครับ (คือที่นั่นราคาน้ำจะแพงแรงมากๆ)
อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของ All Inclusive จริงๆก็คือ การได้ดื่มไวน์หรือแอลกอฮอล์ต่างๆไม่อั้นครับ ถ้าคุณเป็นนักดื่ม คุณอาจจะเลือก All Inclusive ก็ได้ แต่ถ้าคุณไม่ใช่นักดื่ม บางทีการเลือก Half Board หรือ Full Board แล้วไปซื้อน้ำกินอย่างเดียว ไม่สั่งเครื่องดื่มอื่นๆ ก็ยังคงถูกกว่า All Inclusive อยู่ดีครับ
ปล. นโยบาย Half board, All inclusive, Full board ของแต่ละรีสอร์ทจะต่างกันครับ อาจจะไม่เป็นตามที่ผมเขียนเสมอไป ต้องดูตรงนี้ด้วยครับ

หลักๆในการช่วยประหยัดราคาการท่องเที่ยวมัลดีฟส์ ก็มีเท่านี้แหละครับที่พอจะนึกออก
ถ้านึกอะไรออกอีก ก็จะมาโพสต์เพิ่มเติมครับ ... แม้จะทำตามทั้งหมดนี้แล้ว ราคายังแพงอยู่หลายหมื่น แต่ผมว่าก็ยังถูกกว่าไม่ทำล่ะนะครับ ^ ^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น