เสียมเรียบ (Siem Reap) คือจังหวัดๆหนึ่งของประเทศกัมพูชา ที่เรียกได้ว่า เป็นจังหวัดแห่งการท่องเที่ยวที่เป็นเสาหลักของประเทศกัมพูชาก็ว่าได้ครับ
อย่างประเทศไทยก็มีกรุงเทพฯ, เชียงใหม่, ภูเก็ต, พัทยา ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆในประเทศ ... แต่กับเสียมเรียบแล้ว น่าจะไม่มีจังหวัดอื่นมากินแล้วครับ ที่นี่เป็นย่านหลักๆของกัมพูชาที่จะมาดูดเงินนักท่องเที่ยวอย่างแท้จริงครับ (จริงๆแล้วกัมพูชายังมีทะเลที่สวยมากๆพอๆกับย่านเกาะช้างเกาะกูดด้วยนะครับ แต่ยังไม่บูมมากในตอนนี้ครับ)
ดังนั้น หากใครคิดจะไปเที่ยวกัมพูชา แต่ดันไม่เคยไปเสียมเรียบมาก่อน ต้องไปที่นี่ก่อนเลยครับ ^ ^
เสียมเรียบนั้น เป็นจังหวัดที่อยู่ห่างจากเขตชายแดนอำเภออรัญญประเทศ จังหวัดสระแก้ว(ตรงนั้นมีตลาดโรงเกลืออยู่) เพียง 145 กม.ครับ ดังนั้น หากคนไทยจะเดินทางไปเที่ยวที่นั่นก็ไม่ยากเย็นแต่อย่างใด
นอกจากนั้นก็มีสายการบินต่างๆ เปิดให้บริการเดินทางไปเมืองเสียมเรียบแล้วด้วย ที่ง่ายๆเลยก็ของ Bangkok Airways นั่นเองครับ มีให้บริการเที่ยวบินไปกลับ กทม. - เสียมเรียบอยู่ด้วย ^ ^
ส่วนใครชอบนั่งรถตู้ ก็ขึ้นได้ที่ท่ารถตู้ กทม.-ตลาดโรงเกลือ ได้เลยครับ ^ ^
และในอนาคต การเดินทางไปเมืองเสียมเรียบโดย "รถไฟ" ก็กำลังจะเกิดขึ้นครับ (อีก 2-3 ปีข้างหน้านี้เอง ไม่นานครับ ทางฝั่งกัมพูชาสร้างทางรถไฟไปได้เยอะแล้ว) โดยสามารถนั่งรถไฟจากกทม.ไปเสียมเรียบได้เลย!! (แต่คาดว่าคงมีการเปลี่ยนขบวนที่เขตชายแดนอรัญญประเทศ คงไม่ยิงตรงกทม.-เสียมเรียบเลยหรอกมั้ง)
...
และไม่กี่วันมานี้ ผมเองก็เพิ่งได้มีโอกาสไปยลเมืองเสียมเรียบนี้เป็นครั้งแรกครับ ไปกับกลุ่มทัวร์ซึ่งมีไกด์ชาวกัมพูชาพาชมและบรรยายไปด้วย
ว่าแล้วก็เลยขอแชร์คร่าวๆหน่อยแล้วกัน ว่าเสียมเรียบมีอะไรบ้าง จะพยายามรวบรัดให้อ่านจบไวๆ แต่ได้ข้อมูลหลักๆครบๆนะครับ
จุดเด่นหลักๆของเมืองเสียมเรียบที่เป็นจุดขายก็คือ "นครวัด" (Angkor Wat) มรดกโลกที่ได้เข้ารอบสุดท้ายการเสนอชื่อของ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ด้วยครับ แม้จะไม่ได้ถูกนำไปเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ แต่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งใน 21 สิ่งมหัศจรรย์ที่ถูกหยิบยกเอาไปพิจารณาถึงความมหัศจรรย์ของมัน
นครวัดนั้น เป็นวัดฮินดูครับ ยิ่งใหญ่อลังการ ... ตอนที่ผมไปเที่ยวนั้น ไกด์จัดโปรแกรมให้ท้วร์ตอนเช้าครับ ไม่ร้อน เดินสบายๆ แต่ข้อเสียอย่างรุนแรงของการเที่ยวปราสาทนครวัดตอนเช้านั้น ก็คือ "ถ่ายรูปนครวัด ย้อนแสง" นั่นเอง -*- ... ดังนั้นถ้าได้ไปนครวัดตอนเช้าๆ ไม่ต้องรีบถ่ายรูปมากครับ เข้าไปถ่ายรูปด้านในก่อนได้เลยครับ กลับมาค่อยถ่ายก่อนกลับ จะถ่ายได้ง่ายขึ้นเยอะครับ ^ ^
นอกจากนครวัดแล้ว ก็ต้องนครธม (Angkor Thom) นั่นเอง คนไทยคุ้นเคยกันดีกับชื่อของ นครวัดนครธม ... สองที่นี้อยู่ใกล้ๆกันเลยครับ
ในนครธมนั้น จะใหญ่กว่านครวัดครับ เดินดูไม่ได้แน่ๆ ปกติเลยต้องนั่งรถไปชมปราสาทในนครธมอีกที ซึ่งปราสาทที่น่าสนใจก็ได้แก่ปราสาทตาพรหม ซึ่งจุดเด่นของปราสาทตาพรหมก็คือต้นสำโรงที่ขึ้นงอกทับตัวปราสาทในหลายๆจุด ครับ
จากรูป จะเห็นว่าต้นไม้ขนาดแบบนี้ ไม่ใช่แค่หลักสิบปีแน่ๆ แต่ต้องเป็นหลักร้อยปี ... ดังนั้น ตัวปราสาท มันต้องเก่ากว่านั้นอีกเยอะ
ซึ่งปราสาทตาพรหมนี้ เคยได้ประกอบฉากในภาพยนตร์เรื่อง Tomb Raider ด้วยครับ
...
นอกจากปราสาทตาพรหมแล้ว ปราสาทอีกปราสาทที่เด่นๆก็คือ ปราสาทบายน (Bayon) นั่นเองครับ ... คาดว่าหลายๆคนคงจะคุ้นเคยกับหน้าตาแกะสลักหน้าคนแบบนี้แน่ๆ
และนี่ก็คือบายนครับ (เห็นบ่อยในเกมเนอะ ^ ^)
...
และไม่ไกลจากกันมากนัก ก็จะมีปราสาทที่มีชื่อว่า พนมบาเค็ง (Phnom Bakheng) ที่นี่จะตั้งอยู่บนเนินเขาที่ต้องเดินขึ้นไปชมครับ ใครขาไม่ดี คงต้องชวดโปรแกรมนี้สถานเดียว เพราะเดินไกลเหมือนกัน(แต่ไม่วิเวกครับ นักท่องเที่ยวเดินกันตลอดทาง)
พอขึ้นไปด้านบนก็จะได้วิวแบบนี้
จากบนปราสาทพนมบาเค็งนี้ สามารถมองเห็นนครวัดได้ด้วยนะครับ ^ ^ แล้วก็มองเห็นบารายตะวันตกด้วย ... โดยปกติ ถ้าท้องฟ้าเปิดที่นี่จะเป็นจุดที่ชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยมากๆ
ปราสาท 3 ปราสาทที่่กล่าวมาทั้งหมดนั้น จะอยู่ใกล้ๆกันครับ เดินทางจากแต่ละที่ไปแต่ละที่ได้สบายๆครับ
ยกเว้นอยู่ปราสาทนึงที่น่าสนใจมากเช่นกันแต่จะอยู่ไกลมาอีก 60 กิโลเมตร ชื่อว่า บันทายสรี (Banteay Srei) ครับ
ปราสาทนี้มีขนาดเล็กครับ ไม่ได้ใหญ่โตโอฬารแต่อย่างใด แต่ปราสาทบันทายสรีนี้จะมีงานแกะสลักที่สวยงามและอยู่ในสภาพที่ดีมากๆอยู่น่ะครับ สภาพดีกว่าที่นครวัดนครธมอีกครับ จึงไม่ควรพลาดที่นี่ครับ
...
สำหรับเรื่องปราสาทๆนั้น ผมก็ได้ไปแค่นี้ครับ แต่จริงๆในเสียมเรียบยังมีปราสาทอีกมากมายเป็นร้อยปราสาทครับ(ไม่ได้โม้นะครับ ถ้ารวมเล็กใหญ่ เกินร้อยครับ แต่ผมจำตัวเลขไม่ได้)
แต่ก่อนที่จะไปเที่ยวปราสาทนั้น แนะนำว่าควรไปทำบัตรผ่านทางเที่ยวปราสาทก่อน เพราะในปราสาทแต่ละจุดจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจบัตรผ่านทางก่อนครับ โดยเราทำใบผ่านทางใบเดียว เที่ยวได้ทุกปราสาทครับ ราคาก็ 20 เหรียญหรือประมาณ 650 บาทนั่นเอง (ไม่มีใบนี้ เค้าไม่ให้เที่ยวนะครับ)
อันนี้เป็นภาพจุดทำบัตรครับ
ขอบอกไว้ก่อน ว่าต่อให้ไปเที่ยววันธรรมดา จันทร์-ศุกร์ คนก็เยอะอยู่ดีครับ ถ้าเที่ยววันหยุดเสาร์อาทิตย์จะแน่นกว่าในรูป หากเป็นช่วง High Season ไกด์บอกว่าแม้แต่ในตัวปราสาทที่ไปเดินๆเที่ยวกันนี่ล่ะ คนจะเยอะจนเบียดกันจนน่ารำคาญเลยเชียวแหละ ... ซึ่งก็น่าจะจริง เพราะผมไปเที่ยววันธรรมดา แต่บริเวณปราสาทต่างๆนั้น มีคนทุกที่เลย ไม่ว่าจะซอยเล็กซอยน้อยที่ไหน
นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวแบบปราสาทๆแล้ว ก็มีโตนเลสาป ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเอเซียครับ จะมีเรือนำเที่ยว พาท่านไปชมเวิ้งสุดลูกหูลูกตาประหนึ่งทะเลของที่โตนเลสาปครับ
โดยปลายทางของการพาเรือไปนั้น จะไปเจอกับหมู่บ้านของชาวเวียดนามครับ บริเวณนั้นก็มีของขายอยู่บ้างเหมือนกัน
สำหรับขาช้อป ก็ขอบอกว่าในเสียมเรียบมีห้างสรรพสินค้าอยู่ด้วย แต่เอาน่า ห้างๆน่ะ ไปเที่ยวในกทม.ดีกว่า
มาช้อปที่เสียมเรียบทั้งที ก็ต้องตลาดเก่า หรือ Old Market ที่มีชื่อเรียกว่า Psah Chas Market (ซาห์จาส) ครับ
ที่ตลาดนี้จะมีของฝากของที่ระลึกมากมายครับ (แล้วก็มีตลาดสดที่ชาวเสียมเรียบมาซื้อของกันมากมายด้วย) สำหรับราคานั้น ขอบอกว่าเท่าๆกับที่สถานที่ท่องเที่ยวครับ ในเสียมเรียบไม่มีจุดที่ขายถูกขายแพงกว่ากัน ขึ้นอยู่กับฝีมือการต่อรองครับ ดังนั้น ถ้าคุณจะซื้อของฝากที่มีขายตามสถานที่ท่องเที่ยวก็ทำได้ ขอเพียงว่าต่อราคาให้ได้แล้วกัน โดยปกติต่อราคาไปเลยครับ 25% ของสินค้าที่เราอยากได้ ... อย่าทำหน้าทำตาอยากได้มาก เพราะคนขายฉลาดไม่เบา ไม่งั้นไม่ลดให้ ... แต่ถ้าเห็นว่าอยากได้จริงๆ บางทีคงต้องยอมครับ บางคนไม่ยอมซื้อเพราะคิดว่าแพง แต่กลับบ้านมาคิดดู ราคาก็ไม่ได้แพงกว่าของในไทยนี่นา ทำไมไม่ซื้อก็มี ยกตัวอย่างเช่นรองเท้่า เจอราคา 200 บาท ก็บ่นว่าแพง (เพราะคิดว่าของขายในกัมพูชาน่าจะถูกกว่านั้น) แต่พอกลับมาไทยแล้วก็เสียดาย เพราะราคา 200 นั้นก็ไม่ใช่ราคาที่แพงเว่อร์อะไรเลยสำหรับรองเท้าในประเทศไทย เป็นต้น
...
สำหรับเรื่องแหล่งท่องเที่ยว เด่นๆคร่าวๆก็เท่านี้ครับ
ขอบรรยายลักษณะเมืองเสียมเรียบกันบ้าง
เมืองเสียมเรียบนั้น "สวย" กว่าที่คิดครับ จากการก่อสร้างอาคารของย่านโรงแรม ถนนหนทาง การจัดสวนแล้ว เมืองนี้สวยมากๆเปี่ยมมนต์ขลังจริงๆครับ (แต่ย่านรกๆ รถเยอะๆ สองข้างทางมีแต่อาคารพาณิช ก็มีอยู่เช่นกัน ^ ^")
สิ่งปลูกสร้างหลายๆอย่าง บางทีมองไปมองมา ยังกะวัดแน่ะ -*-
ดังเช่น โรงแรมที่ชื่อว่า Smiling Hotel แห่งนี้
หรือจะเป็นห้างหรืออาคารขายสินค้าบางแห่ง ยังมีดีไซน์แบบนี้เลยครับ
ส่วนอาหารการกินนั้น ก็คือปาเต ที่เป็นเมนูเด่นของที่นี่ครับ เป็นขนมปังฝรั่งเศสที่ใส่ใส้นั่นๆนี่ๆครับ ไม่เคยกินก็ลองดูครับ ส่วนใหญ่มาในรูปรถเข็น ซึ่งแต่ละเจ้ารสชาติไม่เหมือนกันนะครับ มันขึ้นกับว่าจะเอาอะไรเป็นใส้ ใส้ปลากระป๋องยังมีเลย แต่ตามปกติแล้วจะเป็นใส้หมูแดงครับ ^ ^ รสชาติไม่ต่างจากที่จินตนาการมากนัก
แต่สำหรับร้านอาหารดีๆหน่อยนั้น หลักๆเลยเป็นภัตตาคารแบบบุฟเฟ่ต์ครับ ตอนผมไปเที่ยว ได้ไปกินบุฟเฟ่ต์ของภัตตาคารที่ไม่ซ้ำที่กันถึง 5 มื้่อเลย
อาหารในภัตตาคารที่เป็นแบบบุฟเฟ่ต์นั้น รสชาติโดยเฉลี่ยจัดว่าดีมากๆครับ อร่อยเลยแหละ แต่ทางผู้จัดทัวร์จะบอกว่า อาหารส่วนใหญ่จืด แต่โดยส่วนตัวว่าไม่จริงครับ จริงๆต้องบอกว่าเมนูแซ่บๆมีไม่มากก็เท่านั้นเองครับ อาหารรสชาติดีครับ ขึ้นกับว่าเมนูอะไร เพียงแต่อาจจะมีคนที่ชอบเค็มๆ ติดน้ำปลาจริงๆเท่านั้น ที่จะบ่นว่าอาหารจืดน่ะครับ (คณะทัวร์ที่ผมไปกันนั้น ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าไม่จืดครับ อร่อย มีไม่กี่เมนูที่จืด)
...
และทีเด็ดตามภัตตาคารอาหารบุฟเฟ่ต์ที่มีเหมือนกันทุกๆที่ก็คือรำอัปสรา (Apsara Dance) ครับ
ถ้าไปทานอาหารช่วงเย็นๆ พอค่ำนิดๆ จะมีโชว์รำต่างๆให้ดู โดยทีเด็ดก็คือรำอัปสรา (อัปสราแปลว่านางฟ้าครับ)
ลักษณะของการร่ายรำก็แบบไทยๆแหละครับ สำหรับคนไทยไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอะไรมากสำหรับรำประเภทนี้ แต่ก็ดูเพลินดีครับ ^ ^
สรุปคร่าวๆของเมืองเสียมเรียบกัมพูชาก็มีเท่านี้ครับ
เพิ่มเติมนิดนึงสำหรับประเด็นทางการเมือง (คันปากอยากพูด) ... หลายๆคนเกลียดประเทศกัมพูชาหรือเขมรนี่มาก จากประเด็นปราสาทเขาพรหมวิหาร หรือจากคนที่เกลียดทักษิณ พอรู้ว่าฮุนเซนกับทักษิณแอบมีนอกมีในกัน ก็พาลเกลียดกัมพูชาทั้งประเทศไปเลย บอกว่าประเทศนี้ให้ตายก็ไม่ไป เกลียดพวกเขมรเข้าเส้น และดูถูกคนเขมรอย่างมาก
แต่จริงๆแล้ว ประชาชนชาวกัมพูชานี่ไม่เกี่ยวเลยครับ แล้วเค้าก็ไม่ได้อยากห้ำหั่นรบราฆ่าฟันอะไรกับคนไทยด้วย นิสัยส่วนใหญ่ก็นิสัยคนไทยนี่แหละครับ หน้าตาก็คนไทย
มีแต่ปัญหาจากแกนนำประเทศนี่แหละครับ ทหารกัมพูชาที่สู้รบกับเรา ก็เพราะนักการเมืองสั่งทั้งนั้น โดยภาพรวมของคนเขมรจริงๆ ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเราหรอกนะครับ เพราะพวกเค้าผ่านนรกจากผู้นำประเทศกันมาหลายปีแล้ว ใครจำสมัยพลพตหรือเขมรแดงได้ ก็จะรู้ครับ ว่าจริงๆแล้วประชาชนในประเทศกัมพูชานั้น ต้องผ่านอะไรมาบ้าง จนกว่าจะมีวันนี้ได้
ถ้าจะเกลียดก็เกลียดเป็นคนๆ เป็นรายหัวไปดีกว่า ^ ^
...
สำหรับคนที่เกลียดทักษิณ คุณก็คงไม่ชอบใช่ไหมล่ะ ถ้ามีคนต่างชาติเกลียดคุณ เพราะเค้าบอกว่าไม่ชอบประเทศที่ทักษิณอยู่ก็เลยพาลเกลียดคนไทยอย่างคุณไปด้วย ทั้งๆที่คุณก็เกลียดทักษิณมากๆเช่นกัน ... คงพอจะนึกภาพออกเนอะ ^ ^
ส่วนคนที่รักฝั่งทักษิณ ก็คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับประเทศนี้มากเท่าไหร่ เว้นกรณีการรบรากันกับประเทศเราเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องของนักการเมืองและแกนนำทั้งนั้นครับ ไม่เกี่ยวกับประชาชนเลยจริงๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น