หลายๆคนอาจจะกำลังหัวเสีย ว่ากล้องตัวเองไม่ดีเอาซะเลย ถ่ายภาพออกมาเบลอบ้าง ถ่ายรูปคนกำลังเคลื่อนไหวแล้วหยุดการเคลื่อนไหวเช่นการเดินการวิ่งก็ไม่ได้ โดยเฉพาะภาพ "กระโดด" ที่ฮิตๆกันนั้น ก็่ถ่ายออกมาดีบ้างเบลอบ้าง ทำไมกันหนอ? ทำไม ทำไม และ ทำม้ายยยยยยยยย!!
...
บางคนอาจจะคิดด้วยว่า ถ้าเป็นแบบนี้ ซื้อกล้องใหม่(แม่ม)เลยดีมั้ย?
ก็ขอมาอธิบายหลักการคร่าวๆก่อนครับ ว่าส่วนใหญ่คนที่เผชิญปัญหารูปเบลอนั้น "กล้องไม่ได้ผิด"
แต่คนถ่ายไม่รู้หลักการถ่ายรูปเองครับ (พอบอกอย่างนี้แล้ว อย่าเพิ่งเบือนหน้าหนีครับ รับรองว่าจะอธิบายให้มือใหม่เข้าใจได้ง่ายทุกเพศทุกวัย ^ ^")
ดังนั้น ถ้าคุณใช้กล้องคอมแพคตัวละ 5,000 บาทอยู่ ... แล้วคุณคิดว่ากล้องคุณไม่ดีพอ เลยเลื่อนขั้น ไปซื้อ DSLR ราคา 20,000 บาทมาแทน ด้วยความหวังว่า "รูปจะหายเบลอ" ... ขอบอกว่า "คิดผิดถนัด!!" เผลอๆ เบลอกว่าเดิมด้วยซ้ำไป ^ ^"
รูปเบลอนั้น มีต้นเหตุมาจาก 3 ประการ
1. โฟกัสไม่ตรง รูปก็เลยเบลอ
บางคนเวลาถ่ายรูป เหมือนคนสมัย"โบราณ"มาใช้กล้องครับ กดชัตเตอร์เลยทีเดียวเน้นๆ!! -*-
ไม่รู้จักการโฟกัสครึ่งจังหวะ -*-
(ใครเป็นแบบนี้ หรือพูดง่ายๆว่าไม่รู้จักโฟกัสครึ่งจังหวะ รีบไปปรึกษาคนใกล้ตัวก่อนเลย ว่าโฟกัสภาพเค้าทำกันยังไง -*-)
คนกลุ่มนี้จะมีปัญหาเวลามาใช้กล้องระดับแพงขึ้น เช่น DSLR เพราะความชัดตื้นของภาพมันต่างกันมาก เบลอได้ง่ายมาก ดังนั้นถ้าเรื่อง(ง่ายๆ)แค่นี้ยังไม่เข้าใจล่ะก็ ยิ่งใช้กล้องแพงขึ้นยิ่งอนาถามากขึ้นครับ -*-
2. มือสั่น ภาพก็เลยเบลอ (จริงหรือ?)
ปัจจุบัน กล้องมีกันสั่นมากมายแทบทุกรุ่นครับ แต่ขอบอกตามตรงครับ ว่าปัญหาหลักจากการถ่ายรูปเบลอเพราะภาพสั่นไหวนั้นไม่ใช่ปัญหาจากมือสั่น!!
บางคนอาจจะงง ว่าไม่ใช่ มือสั่น ... มันยังไง?
ขอบอกว่าเรื่องมือสั่น มนุษย์ทุกคนเป็นอยู่แล้วครับ ^ ^ (ถ้าไม่ได้สั่นแบบเป็นโรคพาร์กินสันล่ะก็นะ)
แต่เมื่อใดกันหนอ? ที่มือสั่น มันจะส่งผลต่อการถ่ายรูป?????
...
ขอบอกว่าที่ทุกๆครั้งที่คุณถ่ายรูปน่ะ มือคุณสั่นเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลงหรอกครับ แต่บางภาพที่มันเบลอนั้น ไม่ใช่เพราะมือสั่นมากขึ้นกว่าปกติ
แต่เป็นเพราะ "ความเร็วชัตเตอร์ของกล้องต่ำกว่าปกติ" ต่างหาก!!
เวลาแห่งการเก็บภาพ ก็เสมือนกับเวลาที่กล้องลืมตาขึ้นมามองดูภาพครับ
ก่อนหน้านั้นให้จินตนาการว่ากล้องหลับตาเสมอๆ เมื่อใดที่มันจะเก็บภาพ มันจะลืมตาขึ้นมารับภาพ แล้วก็หลับตาต่อครับ
... ถ้าลืมตานานนนนนนนนน เช่น ลืมตา 2 วินาที แล้วค่อยหลับตาต่อ แปลว่า ความเร็วชัตเตอร์ "ต่ำ"
... ถ้าลืมตาเร็วมากๆ เช่น ลืมตา 1/1000 วินาที แล้วค่อยหลับตาต่อ แปลว่า ความเร็วชัตเตอร์ "สูง"
...
จากนั้นให้นึกภาพต่อครับ ว่าถ้าลืมตา 1/1000 วินาที ต่อให้คุณเขย่ากล้องแล้วถ่ายรูป ยังไงภาพก็ไม่เบลอครับ!! เพราะมันลืมตาไวมาก!! ภาพที่มองเห็นยังไม่ทันขยับไปไหน ก็หลับตาซะก่อนแล้ว ภาพก็เลยออกมาไม่เบลอนั่นเอง
แต่ถ้าลืมตานานถึง 2 วินาที แค่มือสั่นเบาๆ ภาพมันขยับจากจุดรับภาพเดิมนิดๆ แค่นี้ภาพก็ออกมาเบลอแล้วจ้า ^ ^
...
ถ้าอ่านตรงนี้เข้าใจแล้ว ให้อ่านต่อที่ข้อ 3 ครับ เป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกันชัดเจนครับ
3. แสงไม่พอ ภาพก็เลยเบลอ
ถ้าอ่านข้อสองมาเข้าใจแล้ว ก็ต่อกันเรื่องแสงเลยครับ
การรับภาพของกล้องนั้น ก็เหมือนกับการรับภาพในดวงตาของมนุษย์ครับ
แสงสะท้อนผ่านเลนส์ตาเข้าเรติน่า ก็เสมือน แสงสะท้อนผ่านเลนส์กล้องเข้าเซนเซอร์รับภาพ
ดังนั้น ถ้าแสงน้อยๆ ภาพก็ต้อง "มืด" กว่า แสงมากๆ ... แล้วมันไปเกี่ยวกับเรื่องเบลอยังไง???
...
ให้ย้อนกลับไปที่เรื่องการลืมตาครับ
กล้องนั้น ถ้าลืมตาเร็วๆ หรือความเร็วชัตเตอร์สูงๆนั้น แสงก็เข้ามายังเซนเซอร์แป๊บเดียวเอง!!
แต่ถ้าลืมตานานๆ หรือความเร็วชัตเตอร์ต่ำๆนั้น แสงก็จะเข้ามายังเซนเซอร์นานมากๆ!!
ดังนั้น การตั้งความเร็วชัตเตอร์ต่ำ ก็จะได้แสงเยอะกว่า ความเร็วชัตเตอร์สูง!!
และ การตั้งความเร็วชัตเตอร์สูง ก็จะได้แสงน้อยกว่า ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ!!
...
ดังนั้น ถ้าในสภาวะ "แสงน้อย" กล้องที่ตั้งระบบออโต้ มันจะคำนวนและตั้งให้ความเร็วชัตเตอร์ "ต่ำ" นั่นเองครับ!!
เพราะถ้าตั้งความเร็วชัตเตอร์สูงๆ แสงจะไม่พอเอา ภาพจะมืด!! เผลอๆออกมาดำทั้งภาพด้วยซ้ำไป!!
ซึ่งสภาวะแสงน้อยนั้น หลายๆคนก็น่าจะนึกออกว่าตอนไหนแสงน้อย นั่นก็คือตอนกลางคืนนั่นเอง
แต่แสงที่คนเข้าใจผิดและคิดว่าแสงเยอะคือ แสงจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์!! (คุณอาจจะคิดว่าแสงเยอะ เพราะตาคุณมองเห็นได้ชัด แต่กล้องไม่เก่งเท่าตามนุษย์จ้า อย่างนี้เรียกว่าแสงน้อย) ดังนั้น ถ่ายรูปในตัวอาคาร ความเร็วชัตเตอร์มักจะไม่ค่อยสูงมาก อาจจะอยู่ที่ 1/15 หรือ 1/10 วินาที เท่านั้น ภาพเบลอได้ครับ
...
...
...
จากข้อ 2-3 ก็สรุปได้ว่า ต่อให้คุณซื้อกล้อง DSLR หลัก 2-3 หมื่นมาใช้ หรือต่อให้เป็น DSLR หลักแสน!!
ถ้าคุณตั้งกล้องออโต้ แล้วไปถ่ายในที่แสงน้อยๆ กล้องมันก็จะตั้งความเร็วชัตเตอร์มาให้ "ต่ำๆ" ไม่ต่างจากกล้องคอมแพคตัวเล็กๆราคา 5 พันบาทเลย!! ^ ^"
...
...
...
แต่คุณอาจจะเถียงในใจว่า "อ้าว บางทีฉันก็ถ่ายไม่เบลอนะ คนกระโดด จับภาพค้างกลางอากาศได้เลย" "แล้วทำไมบางที ถ่ายเบลอล่ะ"
... แสดงว่าไม่เ้ข้าใจเรื่องที่ผมอธิบายในข้อ 2-3 ไปอ่านใหม่ครับ ^ ^" (ถ้าคุณถ่ายภาพคนกระโดดกลางแดดจ้า กล้องมันจะอ่านว่าแสงเยอะ ความเร็วชัตเตอร์ปาไป 1/1000 - 1/4000 ด้วยซ้ำ แต่ถ้าคุณถ่ายภาพคนกระโดดในตัวอาคาร กล้องมันจะตั้งความเร็วชัตเตอร์เหลือแค่ 1/30 ซึ่งหยุดภาพคนกระโดด หรือเดินไปเดินมาได้ไม่ทันครับ ^ ^ ... กล้องแพงก็ไม่ต่างกัน)
...
จากนี้ คุณก็อาจจะเถียงในใจอีกว่า "แล้วทำไมคนอื่นที่ใช้กล้องแพงๆ ถ่ายไม่เบลอล่ะ!!"
คำตอบก็คือ เค้ารู้หลักการถ่ายรูปนั่นเอง ซึ่งคุณก็ทำได้ ดังนี้!!
1. ใช้แฟลช
แสงไม่พอ ก็เติมแสงสิครับ!! "แฟลช" ไง แค่นี้ก็ภาพไม่เบลอแล้วครับ ^ ^
แต่ข้อเสียคือภาพจะแข็งๆ ขาวๆโพลนๆ ไม่สวยงาม ... ซึ่งประเด็นนี้คนถ่ายภาพเก่งๆ เค้ามีเทคนิคการใช้แฟลชให้ออกมาสวยได้ครับ อันนี้ต้องศึกษากันต่อไปจ้า
2. ใช้ขาตั้งกล้อง
กรณีนี้จะช่วยให้ถ่ายภาพไม่เบลอในที่กลางคืนได้ แม้ความเร็วชัตเตอร์จะต่ำเตี้ยเรี่ยเหวครับ เพราะยังไงๆ มันก็ไม่ใช่มือมนุษย์ ไม่สั่นแน่ๆ!! แต่กรณีนี้จะใช้จับภาพเคลื่อนไหว ให้หยุดอยู่กับที่ไม่ได้ครับ
3. ใช้เลนส์ที่มีรูรับแสงกว้าง
กรณีนี้ ขอเปรียบเทียบกับรูม่านตาของมนุษย์ครับ
สังเกตุไหม? ว่าเวลาคุณนั่งอยู่ในที่ที่มีแสงไฟสว่างๆในเวลากลางคืน แล้วอยู่ๆไฟดับ!! คุณจะไม่เห็นอะไรเลย!!
แต่เวลาผ่านไปพักหนึ่ง ตาคุณจะเริ่มปรับตัว เห็นอะไรต่อมิอะไรเพิ่มเติมขึ้นมาได้บ้าง
นั่นก็เพราะรูม่านตาของคุณปรับตัว ด้วยการขยายรูม่านตาให้กว้างขึ้นไงล่ะครับ
เลนส์เองก็เช่นกัน บางรุ่นรูรับแสงกลางๆ บางรุ่นแคบๆ บางรุ่นกว้างมากๆ
... ซึ่งกรณีนี้ การซื้อของแพงขึ้น ถือว่าได้ผลครับ ^ ^ (แต่กล้อง DSLR ปกตินั้น เลนส์ที่แถมมาไม่สว่างมากนะครับ ต้องซื้อเลนส์เพิ่มเอา)
4. ตั้งค่า ISO สูงๆ
ค่า ISO ก็คือความไวต่อแสงครับ ประมาณว่าถ้า ISO สูงๆยิ่งไวแสงมาก ถ้า ISO น้อยๆก็จะไม่ค่อยไวแสง
ซึ่งคำว่า ไวแสงสูงก็คือ แม้แสงจะน้อย ก็เพียงพอต่อการมองเห็นนั่นเองครับ
ดังนั้น การตั้ง ISO สูงๆจะช่วยให้ความเร็วชัตเตอร์สูงขึ้นได้โดยภาพไม่มืดครับ แต่จะแลกมาด้วยคุณภาพของภาพที่ "ต่ำลง" เป็นข้อแลกเปลี่ยน ^ ^"
5. ใช้กล้องแพงๆ เลนส์แพงๆ แฟลชแพงๆ
อ่านข้อ 5. แล้วคุณอาจจะอุทาน "อ้าว!!" คำโต และเคืองผมนิดๆ เพราะผมบอกมาตั้งแต่แรกว่าซื้อกล้องแพงไปก็เปล่าประโยชน์
แต่นั่นหมายความว่า "คุณซื้อกล้องแพงโดยไม่รู้อะไรเลย" สักแต่ว่าซื้อกล้องแพง แต่ไม่คิดจะศึกษานั่นเองครับ
ยกตัวอย่างเรื่อง ISO ในข้อ 4 ... ถ้ากล้องถูกๆ จะตั้ง ISO ได้ไม่สูงมาก แถมตั้งสูงๆไป ภาพก็ออกมาแย่ รับแทบไม่ได้
แต่กล้องแพงๆนั้น ตั้ง ISO ได้สูงกว่า แถมการถ่าย ISO ในค่าสูงๆนั้น ภาพก็ยังดูดีโอเคอยู่ด้วยล่ะครับ
... แต่ถ้าคุณซื้อกล้องแพง แต่ตั้ง ISO ไม่เป็น ไงๆก็ไม่มีประโยชน์นั่นเอง ^ ^"
อีกกรณีก็คือเลนส์แพงๆครับ พูดง่ายๆก็คือ เลนส์ที่มีรูรับแสงกว้าง ตามที่ิอธิบายในข้อ 3 ครับ (กล้องคอมแพครุ่นแพงๆบางรุ่น ก็ติดเลนส์รูรับแสงกว้างๆมาด้วยนะครับ เช่น Olympus XZ-1 หรือ Samsung EX1)
ส่วนแฟลชแพงๆก็จะช่วยให้ถ่ายได้สวยกว่าแฟลชติดหัวกล้องกิ๊กก๊อก แต่ต้องมีเทคนิคนิดหน่อยครับ อันนี้ต้องไปศึกษาอีกเยอะ เพราะตากล้องหลายๆคน ยังต้องฝึกฝนและศึกษาเรื่องแฟลชกันอยู่เลย ^ ^"
...
...
ก็คิดว่า ผมคงไม่ต้องสรุปนะครับ
ถ้าเข้าใจกันแล้ว ก็จะเข้าใจเรื่องทำไมถ่ายมาภาพเบลอจัง!! (ถ่ายในที่แสงน้อย มักเป็นเรื่องที่เจอกันเป็นหลัก)
ถ้าจะถ่ายไม่ให้เบลอต้องทำยังไง ก็คงจะได้คำตอบแล้วนะครับ ^ ^
ว้าวๆๆ ชอบการวิเคราะห์มากเลยค่ะ เปรียบเทียบกับการมองได้เจ๋งดี
ตอบลบสรุปว่าถ่ายๆ ไปเถอะ กดชัตเตอร์ถี่ๆ มันต้องมีรูปดีๆ บ้างล่ะ 55