พ่อแม่หลายๆคนตอนนี้อาจจะกำลังประสบปัญหา "ลูกติดเกมส์" กันอยู่
ซึ่งส่วนใหญ่มักจะกุมขมับ ว่าจะทำอย่างไรดีหนอ? -*-
กระผมนั้น ขอยอมรับว่าเป็นอดีตเด็กติดเกมส์มาก่อน ขอมาแสดงทัศนะที่ค่อนข้างจะเป็นส่วนตั๊วส่วนตัวมากๆดังนี้ครับ (ไม่ต้องเชื่อก็ได้นะครับ แค่เสนอความเห็นเท่านั้นจ้า)
คุณเคยสังเกตไหม? ว่าเด็กบางคนติดเกมงอมแงม เรียกได้ว่าทักษะในการเล่นเกมอยู่ในระดับเทพ แต่เรียนเก่ง นิสัยก็ไม่ได้ก้าวร้าวหรือเสียไปแต่อย่างใด แล้วก็ไม่ได้เรียนเก่งเพราะหัวดี แต่ก็เรียนเก่งเพราะขยันอ่านหนังสือควบคู่ไปกับความเป็นเด็กบ้าเกมไปด้วย
แต่เด็กติดเกมบางคน ไม่ได้ติดแค่เกมหรอกครับ อบายมุขอะไรเข้ามาก็พร้อมจะติดทั้งนั้น ไม่ว่าจะเหล้า หรือสิ่งบันเทิงอื่นๆ
เด็กบางคนเกมไม่ติด แต่อย่างอื่นที่ไม่ดี ติดครบทุกอย่าง -*-
เด็กบางคนไม่ติดเกม ไม่ติดอะไรเลยที่ไม่ดีไม่งาม แต่ก็เรียนไม่เก่งไปยังไง
เด็กบางคนไม่ติดเกม ไม่ติดอะไรเลยที่ไม่ดีไม่งาม แต่เรียนเก่งมากๆ ขยันมากๆ นิสัยดี ดูแล้วอนาคตไกล
...
ที่พล่ามมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้จะบอกหรอกครับ ว่าเกมไม่เกี่ยว หรือเกมเป็นสิ่งดีงาม ^ ^"
เพียงแต่บอกเพื่อให้พ่อแม่เบาใจ ไม่ร้อนใจจนเกินไป เพราะถ้าร้อนใจจนเกินไปนัก วิธีการที่ใช้กับลูกมักจะไม่ใช่วิธีการที่ดีเท่าไหร่ เช่น หักดิบ งดการเล่นเกมไปเลย เป็นต้น
เพราะเด็กที่ติดเกมนั้น อยู่ๆอดเล่นเกมนั้น คิดหรือว่าหลังจากนั้นเด็กคนนั้นจะตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือ และ "ลืมเกม" ที่พ่อแม่บอกให้เลิกออกไปจากหัวสมองได้? ... ไม่มีทาง!!
การให้เด็กที่ชอบเล่นเกมเลิกเล่น ก็เหมือนกับการบังคับผู้ใหญ่ที่ติดละครให้เลิกดูละครตอนเย็นหรือหลังข่าว
เหมือนการบังคับผู้ใหญ่ที่ติดการดูหนังฮอลลีวูด ให้เลิกดูหนัง
เหมือนการบังคับให้ผู้ใหญ่ที่ติดช้อปปิ้ง ให้เลิกช้อป
เหมือนการบังคับให้ผู้ใหญ่ที่ติดการไปนั่งดริ้ง ต้องเลิกไป
เหมือนการบังคับให้ผู้ใหญ่ที่ติดการดูข่าว อ่านหนังสือพิมพ์ ต้องเลิกอ่านหนังสือพิมพ์
...
ดังนั้นการหักดิบ ไม่ใช่วิธีที่ดีแน่นอนครับ (แม้คุณจะมองว่าการติดหนังสือพิมพ์มีประโยชน์ก็ตาม แต่ความรู้สึกจากการที่ต้องอดทำในสิ่งที่ชอบนั้นมันลงแดงไม่ต่างกันหรอกครับ)
ดังนั้น ทางที่ดีทีสุดคือ "ต้องไม่ให้ลูกคนไปเผลอติดเกม" เด็ดขาด ^ ^"
แต่ถ้าติดไปแล้ว การหักดิบ ผิดพลาดแน่นอน!! เพราะเด็กจะกระวนกระวาย คิดถึงเกม ไม่เป็นอันอ่านหนังสือหรอกครับ และเด็กก็ต้องไปแอบเล่น ต่อให้หลุดรอดสายตาพ่อแม่ไปเล่นเกมแค่เดือนละครั้งก็เหอะ ซึ่งยิ่งนานๆทีได้เล่นเท่าไหร่ ก็ยิ่งโหยหาเท่านั้น ^ ^"
ส่วนตัวผมนั้น วิธีการแก้ไขที่ดีที่สุดก็คือ แย่งลูกเล่นเกมเลยครับ 555+
พูดง่ายๆคือเ่ล่นกับลูกนั่นเอง โดยเฉพาะเกมที่ "เล่นด้วยกันได้"
เกมที่เล่นด้วยกันพร้อมๆกัน ส่วนใหญ่มักจะเป็นเกมสร้างสรรค์(ไม่สร้างสรรค์ก็มี เลือกนิด) ซึ่งเกมแนวสร้างสรรค์นี้ จะสนุกก็ต่อเมื่อ "เล่นพร้อมๆกับคนอื่น" แต่ถ้าเล่นคนเดียว จะสนุกสู้เกมโหดๆมันส์ๆหรือเกมออนไลน์ไม่ได้
แต่เมื่อใดก็ตามที่เล่นกันหลายๆคนแบบแฟมิลี่เกม จะสนุกกว่าเกมแนวเล่นคนเดียวที่ติดงอมแงมหน้าคอม และนั่นจะกลายเป็นสิ่งบันเทิงสำหรับครอบครัวครับ เมื่อใดก็ตามที่ไม่มีใครเล่นด้วย ก็จะไม่ค่อยอยากเล่น ทำให้พอจะคุมการเล่นได้โดยระบบออโต้ ^ ^
...
หลังจากลูกชอบเล่นเกมแนวแฟมิลี่กับพ่อแม่หรือพี่น้อง
จากนั้นก็เริ่มใส่กิจกรรมอื่นๆลงไป เช่น ไปเที่ยวทะเลกันทั้งครอบครัว ไปเที่ยวสวนสนุกกันทั้งครอบครัว ไปทานข้าวเย็นร้านอร่อยๆ หรือไปเดินห้างสนุกสนาน ให้กลมกลืนไปกับการเล่นเกมครับ
แล้วเด็กจะเริ่มปรับตัวและสนุกสนานกับการทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นแทนครับ นานๆทีคุณอาจจะซื้อเกมใหม่มาให้ลูกด้วยตนเอง โดยเกมนั้นเป็นเกมเพลินๆเล่นได้ทั้งครอบครัวแนวเดิมๆได้ยิ่งดีครับ ... เด็กกลุ่มนี้จะแอนตี้เกมแนวรุนแรงไปเองโดยออโต้ด้วยครับ
ข้อดีที่ได้เพิ่มเติมคือความสัมพันธ์ในครอบครัวก็ดีขึ้นด้วย และัเกมแนวที่เล่นก็จะเป็นการลับสมองและไม่ติดงอมแงมมาก ^ ^
ถ้าจะให้แนะนำว่าเกมแนวไหนล่ะ? ผมแนะนำเกมในเครื่องเล่นเกม Wii ครับ จะเหมาะกับการเล่นแบบเพลิดเพลินแบบครัวเรือน(แต่บางเกมก็ไม่ดีนะ ต้องเลือกอยู่ดี)
ไม่แนะนำเกมคอมพิวเตอร์, Playstation หรือ XBOX (เกมดีๆก็มี แต่ไม่ดีก็เยอะ แยกยาก)
...
สุดท้าย ต้องอย่าลืมชวนลูกไปเล่นสนุกอย่างอื่นครับ อย่างที่ผมบอกแหละ ไปเที่ยวทั้งครอบครัวเป็นต้น
ถ้าหักดิบแล้วคุณไม่ชวนลูกทำอย่างอื่น เด็กจะหันไปหากลุ่มเพื่อนเพื่อสร้างความบันเทิงทันที ได้เพื่อนดี ก็ดีไป แต่ถ้าเพื่อนไม่ดี แย่แน่ๆ -*-
ก็เป็นเพียงหนึ่งในความเห็นส่วนตัวนะครับ
สุดท้ายถ้าพ่อแม่คิดว่า การหักดิบ ดีที่สุด ผมก็ไม่ห้ามครับ แต่พ่อแม่ต้องหากิจกรรมสนุกอย่างอื่นให้ลูกทำแทนครับ ไม่ใช่การบังคับให้เด็กอ่านหนังสืออย่างเดียว ควรมีกิจกรรมสนุกๆ ผสมผสานไปกับการอ่านหนังสือด้วยครับ ^ ^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น