ผลสอบ IELTS ออกแล้ว คะแนนบ่งบอกมากๆ ^ ^

ผลสอบ IELTS ออกแล้ว หลังจากที่ผมได้เล่า ประสบการณ์สอบ IELTS กับ IDP ไปแล้ว (ตามไปอ่าน ประสบการสอบ IELTS ได้ที่นี่ครับ)
ตอนนี้คะแนนก็ออกแล้ว ก็ขอมาเล่ากันนิดหน่อย

ผลคะแนนตามนี้ครับ
- Listening : 6.0
- Reading : 7.5
- Writing : 5.0
- Speaking : 5.5
คะแนนรวม Overall 6.0

บอกไว้ก่อนว่านี่คือการสอบ IELTS ครั้งแรก ไม่เคยไปเรียน หรือติวอะไรที่สถาบันไหนเลย ก็ได้แต่ฝึกทำข้อสอบ IELTS ของ Cambridge อยู่บ้างประมาณ 3 สัปดาห์ก่อนสอบ (อยู่ๆก็รู้ตัวว่าต้องสอบแบบกระชั้นมากๆ -*-)
ดังนั้น คะแนนที่เห็น จึงบ่งบอก "ประสบการณ์ด้านภาษา" ได้ชัดมากๆ สื่อถึงมาตรฐานของข้อสอบได้เป็นอย่างดี ^ ^"

Lifestyle ของผมก็ประมาณนี้ครับ
- ชอบเล่นเกม RPG เวอร์ชั่น ENG มาตั้งแต่ม.ต้น ภาษาญี่ปุ่นไม่สน จะหา ENG มาเล่น แล้วจะไม่ดู Walkthrough เด็ดขาด
- ทุกสัปดาห์ จะต้องอ่านการ์ตูนตอนใหม่ล่าสุดที่ translated เป็นภาษาอังกฤษแล้วมาอ่านจากเวบต่างๆ ทำแบบนี้มาได้ประมาณ 5-7 ปีแล้วครับ
- ชอบฟังเพลงสากล
- ดูหนัง ชอบฟังเสียง ENG และ Subtitle ไทยเสมอ (หนังญี่ปุ่นหรือเกาหลี ก็ฟังเสียงต่างประเทศทั้งหมด แล้วอ่านซับเอา)
- เวบไซต์ที่ชอบเข้าไปอ่านบ่อยๆ มักจะเป็นเวบ ENG

จาก Lifestyle นั้น จุดมุ่งหมายไม่ได้คิดจะรู้ภาษาอังกฤษหรือเพื่อฝึกภาษาเลยแม้แต่น้อย
แต่ทำไปเพื่อ entertain ตัวเองล้วนๆ ^ ^
- ด้านเกม RPG การเล่นสไตล์นี้ ไม่ดู Walkthrough และพยายามสนเรื่องราวมากกว่านั้น จะทำให้เกม RPG สนุกขึ้นมาก บางคนชอบเล่นสไตล์วางแผน เก็บ Item ผสมคาถาให้เทพๆ ... แต่ผมว่าเล่นแบบเอาเนื้อเรื่อง และอินกับเรื่อง จะสนุกกว่าเยอะ เพราะ RPG หลายๆเกมวางพล็อตดีมากๆ เหมือนนิยายหนาๆเล่มหนึ่งเลยทีเดียว
- จริงๆก็มีเวบแปลไทยอยู่บ้างครับ แต่ลองอ่านแล้วแปลไม่ค่อยดี ไม่ใช่ว่าเค้าแปลผิดนะ แต่การใช้ศัพท์ใช้แสง มัน "อ่านไม่สนุก" อ่าน ENG สนุกกว่าเยอะครับ ... ป่าวกระแดะนะ แต่เรื่องจริง ไม่เชื่อลองดูได้ เหมือนคนที่แปลญี่ปุ่นเป็น ENG เค้าจะเชี่ยวชาญการใช้คำให้อินกับเนื้อเรื่องได้ดีกว่าน่ะครับ (อย่างนารุโตะ ถ้าอ่านของลิขสิทธิ์ Viz media จะแปลญี่ปุ่นไปอังกฤษได้เทพไปอีกขั้นครับ)
- ชอบฟังเพลงสากล อันนี้ก็เป็นความชอบส่วนตัวเท่านั้นเอง เพราะทำนองเพลงมันตรงหูมากกว่า ไม่เคยคิดเลยว่าฟังเพลงเพื่อฝึกภาษา
- ดูหนังก็ต้อง Subtitle เท่านั้น เพราะว่าเสียงพากย์กับเสียงต้นฉบับ มันสื่ออารมณ์ต่างกันมาก จะเห็นชัดในกลุ่มการ์ตูนญี่ปุ่นครับ การ์ตูนอนิเมชั่นญี่ปุ่นจะพากย์เหมือนพากย์หนัง แต่พอมาประเทศไทย พากย์แบบต้องดัดเสียงการ์ตูนๆ หมดอารมณ์มากๆครับ
- เวบไซต์ที่เข้าส่วนใหญ่เป็นเวบ ENG เพราะ Lifestyle มันผลักดันให้ต้องเข้าเวบ ENG เนื่องจากข้อมูลต่างๆเวบ ENG จะมีเยอะกว่า ... ยกตัวอย่างเช่น ผมชอบเพลงสากล เวลาจะค้นข้อมูลเกี่ยวกับเพลง ก็คงเป็นส่วนน้อยที่จะเข้าเวบภาษาไทย

สรุป จาก Lifestyle
1. ประสบการณ์การอ่าน ผมเยอะมาก แถมเป็นการอ่านแบบว่า ศัพท์ไหนไม่รู้ก็ข้ามด้วยนะครับ ไม่ได้มานั่งเปิดดิกแปลมันให้รู้ทั้งหมด ผลคือ Reading 7.5
2. การเขียน ผมเขียนบ่อยเหมือนกัน นั่นก็คือการส่ง SMS ภาษาอังกฤษสั้นๆ แต่เป็นประโยคง่ายๆ ไม่เคยตรวจสอบความถูกต้องของตัวเองเลย ผลคือ Writing 5.0 แย่ที่สุด
3. Speaking นั้นมีประสบการณ์น้อยสุด (จะให้ชั้นไปหา native speaker ที่ไหนมาคุยด้วยล่ะ) แต่ผลจากการอ่านการ์ตูนส่งผลให้เอาตัวรอดมาได้ที่ 5.5
4. การชอบฟังเพลงหลายแนวและเป็นเพลงสากล ช่วยให้เอาตัวรอดด้าน Listening มาได้ที่ 6.0 ส่วนหนังไม่ค่อยช่วย เพราะเป็น Sub ไทย เหอๆๆ (คิดว่าถ้าตัวเองดูหนัง Sub ENG ประจำ น่าจะเก่ง Listening มากกว่านี้)

เมื่อสัปดาห์ก่อน ทาง British Council เค้าจัดสัมมนาฟรีที่เชอราตันสุขุมวิท ก็ไปฟังเค้าด้วย
มีอาจารย์ต่างชาติ พูดเรื่อง Reading ว่าควรอ่านบ่อยๆ แต่อย่าไปอ่านนิยาย หรือการ์ตูน ควรอ่านให้หลากหลาย
แต่ส่วนตัวเห็นต่างครับ อ่านการ์ตูนหรือนิยายได้ครับ แต่ควรจะ "อ่านให้หลายแนว" ... ไม่ใช่ว่าอ่านนิยาย ก็มีแต่นิยายรัก รัก รัก มีแต่นิยายรักอย่างเดียว เท่านั้นเองครับ
ถ้าคุณอ่านนิยายไซไฟ อ่านนิยายวิทยาศาสตร์ อ่านนิยายรัก อ่านนิยายย้อนยุคพีเรียดประวัติศาสตร์ อ่านนิยายฆาตรกรรมสีบสวนสอบสวน ... อ่านหลายๆแนวแบบนี้ ผมว่าช่วยได้ครับ
ขนาดผมเอง อ่านแต่การ์ตูนนะ แต่การ์ตูนที่ตาม ENG ประจำทั้งที่จบแล้วและยังไม่จบ ก็ยกตัวอย่างเช่น Death Note, Bakuman สองเรื่องนี้ศัพท์เยอะนะครับ ไม่ไก่กา Hunter X Hunter ก็จะมีศัพท์เยอะๆสลับกับเนื้อเรื่องบู๊ๆ หรือ Onepiece เองก็ได้เยอะ (แต่ผมว่า Naruto กับ Bleach ไม่ค่อยช่วยมาก) แล้วก็มีอีกหลายเรื่องครับ ที่ผมอ่าน
อ้อ แล้วข้อดีของการ์ตูนก็คือ ช่วยให้เราเดา Context ได้เก่ง เพราะรูปภาพมันจะมาพร้อมประโยค ทำให้เรารู้คำเองโดยไม่ต้องไปเปิดพจนานุกรม (ผมอ่านการ์ตูนเอาสนุก เจอคำไม่รู้ ผมก็ไม่เปิดดูร้อก ว่าแปลว่าอะไร)
ผมก็เลยคิดว่า ขนาดผมอ่านเอาสนุก(การ์ตูนอย่างเดียวนะ นิยายไม่อ่าน) ยังได้ Reading มา 7.5
แต่ถ้าอ่านเอาจริงจัง มีหรือจะไม่มีประโยชน์ ^ ^
(ตอนแรกคิดว่าได้ 7.5 มาฟลุคๆ แต่ตอนไปฟังบรรยาย แล้วเค้าให้ลองทำดูสั้นๆ ใช้เวลาอ่านสั้นมากๆ ผมก็ตอบถูกหมดทั้ง 3 ข้อที่เค้าให้ลองทำนะ ก็คงไม่ฟลุคหรอกมั้ง)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น