Nikon D4 กับ Nikon D800 ... อะไรดีกว่ากัน?

สำหรับเหล่าตากล้องสายนิคอนนั้น การเปิดตัว Nikon D4 กับ Nikon D800 นั้น ถือเป็นเรื่องฮือฮาประจำปีเรื่องหนึ่งเลยล่ะครับ
เพราะเป็นการส่งยักษ์ใหญ่ของสาย DSLR FX Format สองตัวออกมาชนกันอย่างจัง!! ของกล้องค่ายนิคอนกันเอง
จริงๆแล้ว กล้องทั้งสองรุ่น น่าจะต่างชั้นกันอย่างชัดเจน เมื่อดูจากราคา ... โดย Nikon D800 ราคาประมาณ 9 หมื่น เฉียดแสน ส่วน Nikon D4 นั้นมีราคาเกือบ 2 แสนบาทเลยทีเดียว
ดูจากราคาก็เหมือนกับว่า Nikon D4 นี่แหละ คือกล้องระดับสุดยอดที่สุดของ DSLR FX Format ของ Nikon
แต่ทว่า จำนวน Pixel ในเซนเซอร์ที่ระดับฟูลเฟรมเหมือนกันของกล้องทั้งสองตัวนั้น Nikon D800 กลับได้ Pixel ที่เยอะกว่ามาก!!
โดย Nikon D800 มีพิกเซล 36.3 ล้านพิกเซล
ส่วน Nikon D4 มีพิกเซล 16 ล้านพิกเซล?
... แน่นอน ว่าเรื่องพิกเซลมันไม่ค่อยส่งผลหลักหรอกครับ สำหรับไฟล์ภาพ แต่พิกเซลที่มากกว่ากันเกินครึ่ง!! นั้น มันก็แหม~~ ดูน่ากังขามากกว่าอ่ะนะ (16 x 2 = 32 ... ยังไม่เท่า 36.3 ของ D800 เลย)
... แล้วเจ้าสองรุ่นนี้ ราคากลับต่างกันประมาณ 1 แสนบาทเลยนะครับ -*-
ราคา D4 ตัวเดียว ซื้อ D800 ได้ถึง 2 ตัว!! ... แล้วยังงี้ จะยอมลงทุนซื้อ D4 ดีหรือ?

แต่แน่นอนครับ สำหรับเหล่าตากล้องระดับโปรจริงๆ เค้าจะแยกออกครับ ว่าอะไรคือสิ่งที่จำเป็นจริงๆสำหรับกล้องระดับโปร และอะไรที่ทำให้ D4 คู่ควรกับราคาที่แพงกว่า D800 ถึงประมาณ 100,000 บาท ^ ^"
... แต่ผมนั้น ... 555+ แยกไม่ออก ^ ^"
เรื่องการกันฝนกันฝุ่นนั้น ทาง D800 ก็มีซีลเหมือนกัน
... สรุปแล้ว ผมก็ไม่รู้อยู่ดี เพราะผมก็ไม่ได้เป็นตากล้องเก่งๆแต่อย่างใด ^ ^
ใครรู้ ช่วยตอบให้หายข้องใจทีครับ
ส่วนตัวเข้าใจว่าออพชั่นต่างๆของ D4 ที่มากกว่า เอื้อต่อการเก็บภาพในระดับโปรมากกว่า ... เพียงแต่ D800 จะทำได้แย่มากจนถึงขนาดต้องไปเพิ่มเงินอีกเป็นแสน เพื่อตอบสนองความต้องการที่ D800 ให้ไม่ได้เชียวหรือ? ส่วนตัวรู้สึกว่าแค่ D7000 ไฟล์ภาพก็สุดยอดแล้วอ่ะครับ ^ ^"

(เท่าที่เสิร์ชๆข้อมูลดู เห็นบอกว่า Nikon D4 เหมาะกับการออกไปถ่ายรูปสดๆ ลุยๆ ส่วน D800 เหมาะกับการถ่ายในสตูหรูๆน่ะครับ แต่โดยส่วนตัวก็ยังไม่เมคเซนส์อยู่ดี)

23 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ8 มีนาคม 2555 เวลา 06:09

    ผมเองก็คิดเหมือนคุณ
    จาก มือสมัครเล่น

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ10 มีนาคม 2555 เวลา 11:44

    ถ้าให้ตอบแบบที่บรรดาช่างภาพ(ทำตัวเป็น)มือโปรบางท่านตอบ คิดว่าหลายท่านอ่านแล้วคงปวดหัว พวกเอฟสตบ สต็อฟ ระยะโด๊ฟๆเดฟๆ โอย!!เหนือชั้นจริงๆ5555..ขอตอบแบบให้เข้าใจง่ายๆแบบคนธรรมดาสามัญอ่านแล้วเข้าใจง่ายๆเลยก็คือ กล้อง 2 ตัวแตกต่างกันตรงที่การใช้งาน ตัวแพงใช้งานได้ครอบคลุมแต่ละสถานการณ์ได้ดีกว่า ภาพออกมามีความคมชัดมากกว่า ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก จรวดจะบินเร็วแค่ไหน แมลงจะตัวเล็กบินเร็วยังไงก็จับภาพได้ทัน หรืออยากจะแอบถ่ายแฟนในที่มีแสงสว่างน้อยถึงมืดมากก็ยังทำได้ ภาพออกมายังกะว่าถ่ายตอนกลางวัน หรือหากอยากถ่ายภาพแบบเป็นชุดๆรัวแบบปืนกล แช๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆภายใน 1 วินาที ไอ้เจ้าตัวแพงก็สามารถถ่ายภาพได้จำนวนภาพที่มากกว่าเจ้าตัวถูก ถ้าคุณมีกล้องโปรพวกนี้อยู่ในมือ แล้วคุณถ่ายภาพหรือตั้งระบบต่างๆของกล้องพอจะเป็นบ้าง ทั้งระบบถ่ายอัตโนมัติหรือการปรับตั้งค่าต่างๆด้วยตัวเอง รับรองภาพที่ออกมาสุดยอดแน่ๆ และหลายๆท่านคงเข้าใจความหมายของคำว่ากล้องโปรผิดคิดว่าเป็นกล้องของช่างภาพมือโปร มืออาชีพ คนมีกล้องแบบนี้ต้องเก่งโคตรอะไรอย่างนั้น จริงๆความหมายก็ตรงตัวคือเป็นกล้องระดับโปรเฟสนอล เป็นกล้องระดับเทพ สุดยอดของกล้อง ตอบสนองทุกความต้องการของคนถ่ายอะไรทำนองนั้น ซึ่งความหมายของช่างภาพมือโปรก็คือ ไม่ว่าจะมีกล้องชนิดไหน แบบใดอยู่ในมือ ไม่ว่าจะต้องถ่ายภาพในสถานการณ์แบบไหน ภาพที่ถ่ายออกมาเกือบทุกภาพจะต้องสวยสุดยอด องค์ประกอบครบครัน สีสันสดใส เร้าใจสุดๆ นั่นแหล่ะเขาถึงจะเรียกว่าเป็น ช่างภาพมืออาชีพ!!!!
    จาก OTTO ใช้มืออาชีพเป็นช่างภาพ?????

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ11 มีนาคม 2555 เวลา 15:48

    ตามความเห็นส่วนตัวเท่าที่เคยถ่ายภาพมาหลายประเภท ผมคิดว่าที่เขาออกแบบให้ D4 มีความละเอียดแค่ 16 meg แล้วเคลมว่าเหมาะกับการใช้งาน outdoor ผมว่า make sense นะครับ โดยเฉพาะพวกช่างภาพ นสพ. นิตยสาร กีฬา หรือแม้กระทั่งถ่ายธรรมชาติ+สัตว์ป่า อาจไม่จำเป็นต้องใช้เซ็นเซอร์ที่มีความละเอียดสูงๆ มากนัก งานเหล่านี้ความละเอียด 16 meg ก็เหลือเฟือแล้ว ยังมีเรื่องของ memory กับการส่งข้อมูลภาพกลับให้ต้นสังกัด โดยเฉพาะสายงานข่าวกับกีฬาจะเห็นได้ชัดเจนมาก ขนาดไฟล์ที่น้อยกว่าย่อมกินเนื้อที่ของ mem น้อยกว่า แล้วยังจัดส่งภาพคืนให้สนง.ได้เร็วกว่า(มาก)อีกด้วย อันที่จริงงานพวกนี้ใช้เซนเซอร์ความละเอียดแค่ 10 meg ถ่าย jpeg ได้ขนาดไฟล์ประมาณ 5 meg ก็เกินพอแล้วครับ ขยายได้เต็มหน้า A4 โดยคุณภาพของภาพยังยอดเยี่ยมและเกรนไม่แตกครับ
    ดังนั้น คุณสมบัติของกล้องพวกนี้คือ อึด บึกบึน ทนไม้ทนมือ ฉลาดว่องไวเป็นกรด(ทั้งชัตเตอร์และโปรเซสเซอร์) มากกว่าจะหรูหรา ละเมียดละไม นุ่มนวลอย่างกล้องอีกประเภทครับ

    ถ้าจะให้เทียบง่ายๆ กับรถยนต์ คงประมาณ Land Rover Discovery กับ Benz C/E-Class หรือ BMW Series 3 นะครับ ^^

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ17 มีนาคม 2555 เวลา 13:47

    ถ้าคุณเป็นตากล้องที่รับงานหรือทำงานทางด้านนี้จะรู้และแยกออกคับว่ามันทำงานง่ายขึ้นเยอะด้วยความสามารถของกล้อง สุดท้ายแล้วก้อยู่ที่ใครจะเลือกและชอบแบบไหน ตรงกับความต้องการหรือจำเป็นกับการทำงานของในแต่ละคน อย่างที่คุณบอก D7000 ไฟล์ก้สุดยอดแล้ว แต่ในบางครั้งถ้าเป็นช่างภาพโดยอาชีพจริงๆเจอแต่ละสถานะการมันไม่พอ ถ้าเป็นเอ้าท์ดอร์ D90 ไฟล์ก้เจ๋งหรือรุ่นเล็กกว่านั้นก้แจ๋วหมด แต่ถ้าเจองานอินดอร์เช่นงานแต่งหรือเจอในที่มืดๆเข้าไป SB900 ผมสับจนหลอดไหม้มา2หลอดแล้วเพราะเวลาทำงานพิธีการไม่หยุดรอตากล้องนั่นคือเหตุผลที่ต้องลงทุนถ้าพอมีแรงกำลังเพื่องานต่อไป แต่คุณบอกว่าไม่ได้เป็นอาชีพ D7000 ก้ตอบสนองได้ก้ถูก แต่ถ้ามีตังอยากลองของแพงนั่นก้อีกเรื่องนึงสำหรับคนอยากลองคับ ส่วน D800 ไฟล์ 36ล้าน คิดดีๆ ถ่ายไฟล์ RAW ทีไม่ต้องซื้อเมม 64G เลยหรอคับสำหรับคนทำงานถ่ายภาพ D800 100000 เมม64G 90MB 18000 กริปก้เป็นตัวใหม่เกิน8000แน่ๆแฟรชอีก
    แบตแฟรชอีก สมมุติว่าถ่ายRAWมาสัก 1000 รูป คอมสเปคไม่แรงมีแฮงค์กันบ้างละทีนี้ ของแบบนี้ต้องคิดหลายตลบเลยทีเดียว 36ล้าน นี่ปริ้นท์แปะตึกได้เลย สุดท้ายแล้วการที่เราจะเลือกกล้องอะไรอยู่ที่ความจำเป็นและความต้องการในแต่ละคนแต่ละอาชีพคับแชร์ๆกันไปได้ความรู้คับ ^^

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ17 มีนาคม 2555 เวลา 13:55

    อ่อ...ขอต่ออีกนิดคับ D800 มี 2ตัวคือ D800กับD800-E ตัวEเค้าเอาเซ็นเซอร์อะไรซักอย่างออกไปเหมาะสำหรับคนที่ถ่าย landscape เอาเซ็นเซอร์ตัวนี้ออกแล้วจะทำให้ดีเทลหรือความคมชัดลดน้อยลง เอาเซ็นเซอร์ออก แต่กลับแพงกว่า 10000 บาท ทำไมไม่ถูกกว่าผมก้งงเหมือนกันไปที่งานพนักงานก้ตอบผมว่าก้ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมแพงกว่า ลองหาๆกันดูนะคับ ^^

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ17 มีนาคม 2555 เวลา 14:05

    (เพิ่งเห็นวงเล็บ) ไฟล์สูงๆส่วนใหญ่ใช้ในงานสตูเพราะต้องการความละเอียดมากอย่างเช่นการถ่ายแฟชั่นเพราะต้องเอารูปมาทำอีกหลายตลบและอีกอย่างถ่ายงานแบบนี้ถ่ายทีไม่เยอะเท่าไหร่ เหมือน D3x ทำมาเพื่อใช้ในสตูเห็นๆเพราะผมไม่เคยเจอใครใช้ตามงานนอกเลย เห็นแต่ D3s แต่ก้นะ D3x 270000++ กับ D3s ตอนนี้เหลือ 155900 ประมาณนั้น

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ20 มีนาคม 2555 เวลา 23:50

    ^_^ เพิ่มเติมครับ หลายๆอย่างที่ D4 มีเหนือกว่า โดยเฉพาะ ที่โดดเด่นคือเรื่องของ ISO หรือการถ่ายภาพในที่แสงน้อย ซึ่งตอนนี้ D3 ก็ทำได้อย่างเทพโดยสามารถนำ File ไปใช้งานได้เลยในที่แสงน้อยโดยใส่ ISO ที่สูงกว่า 32000
    แต่ถ้า D90-D7000 ลองใส่ ISO ขนาดนั้นแล้วคาดว่าจะยุ่ง งได้แค่เอาไว้ดูเล่นกันหละมัง
    ซ฿่ง ISO นี่แหละที่ได้มากกว่า D800 มากกกกกก โข

    อีกเรื่อง 800 กับ 800E นั้นต่างกันตรงที่ E จะเอา เบลอ Filter ออกหรือ Filter ที่ทำให้เบลอออก แต่นั่นคือทางอุดมคติครับ ซึ่งจริงๆนั้นไม่ได้เอาออก แต่ดความเบลอลง ซึ่งนั้นทำให้ D800E มีความคมที่คมกว่า D800 Standard ครับ ^___^ แต่ก็มีข้อเสียตรงที่คมมากๆ เวลาถ่ายภาพที่เป็นลายเสท้อลายทาง หน้าจอแสดงผลมันจะแสดงภาพออกมาเหมือนเว้นลายทางนั้นทับซ้อนกัน แต่ถ้า Zoom เข้าไปดู มันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ

    สรุป D800E จะคมกว่า เหมาะกับ Landscape และพวกถ่าย Object ครับ ส่วน D800 จะเหมาะกับการถ่ายคนครัย

    ทิ้งท้าย
    การได้ภาพที่คมกว่าย่อมได้เปรียบครับ เพราะการได้ภาพคมทำให้เบลอและนวลคุณภาพของภาพจะไม่ค่อยเสียเท่าการทำภาพเบลอนวลมาทำห้คมครับ
    ดังนั้นเลือกคมไว้ก่อนครับ

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ20 มีนาคม 2555 เวลา 23:52

    ส่วนตัวผมนั้นถ้ารวยโคตร ก็ยอมรับว่าอยากได้ D4 เพราะคุณสมบัติครบครัน แต่ผมไม่ชอบน้ำหนักครับ ซึ่งก็ทำให้ผมยังคงคิดว่าจะเอา D4 หรือ D800

    ตอบลบ
  9. ไม่ระบุชื่อ20 มีนาคม 2555 เวลา 23:56

    ^_^ เพิ่มเติมครับ หลายๆอย่างที่ D4 มีเหนือกว่า โดยเฉพาะ ที่โดดเด่นคือเรื่องของ ISO หรือการถ่ายภาพในที่แสงน้อย ซึ่งตอนนี้ D3 ก็ทำได้อย่างเทพโดยสามารถนำ File ไปใช้งานได้เลยในที่แสงน้อยโดยใส่ ISO ที่สูงกว่า 32000
    แต่ถ้า D90-D7000 ลองใส่ ISO ขนาดนั้นแล้วคาดว่าจะยุ่ง งได้แค่เอาไว้ดูเล่นกันหละมัง
    ซ฿่ง ISO นี่แหละที่ได้มากกว่า D800 มากกกกกก โข

    อีกเรื่อง 800 กับ 800E นั้นต่างกันตรงที่ E จะเอา เบลอ Filter ออกหรือ Filter ที่ทำให้เบลอออก แต่นั่นคือทางอุดมคติครับ ซึ่งจริงๆนั้นไม่ได้เอาออก แต่ดความเบลอลง ซึ่งนั้นทำให้ D800E มีความคมที่คมกว่า D800 Standard ครับ ^___^ แต่ก็มีข้อเสียตรงที่คมมากๆ เวลาถ่ายภาพที่เป็นลายเสท้อลายทาง หน้าจอแสดงผลมันจะแสดงภาพออกมาเหมือนเว้นลายทางนั้นทับซ้อนกัน แต่ถ้า Zoom เข้าไปดู มันก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ

    สรุป D800E จะคมกว่า เหมาะกับ Landscape และพวกถ่าย Object ครับ ส่วน D800 จะเหมาะกับการถ่ายคนครัย

    ทิ้งท้าย
    การได้ภาพที่คมกว่าย่อมได้เปรียบครับ เพราะการได้ภาพคมทำให้เบลอและนวลคุณภาพของภาพจะไม่ค่อยเสียเท่าการทำภาพเบลอนวลมาทำห้คมครับ
    ดังนั้นเลือกคมไว้ก่อนครับ

    ส่วนตัวผมนั้นถ้ารวยโคตร ก็ยอมรับว่าอยากได้ D4 เพราะคุณสมบัติครบครัน แต่ผมไม่ชอบน้ำหนักครับ ซึ่งก็ทำให้ผมยังคงคิดว่าจะเอา D4 หรือ D800

    ตอบลบ
  10. ผมว่ากล้องสองตัวนี้เค้าออกมาใช้งานต่างกัน นะครับ ... ลองตีโจทย์ให้แตกครับ ทำไมกล้องสูงกว่าจะต้อง พิกเซล น้อยกว่า ... การบีบอัดไฟล์ มันมีผลต่อ Noise นะครับ Nikon คำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย ... และผมคิดว่า Nikon คงไม่ทำ D4 ออกมาขนาดไฟล์ 36 ล้านแล้วดัน ISO ได้ถึง 2 แสน หรอกครับ ถ้าทำได้ แม่งก็คงไม่ใช่ราคา สองแสนหรอกครับ ... ในขณะเดียวกันที่ D800 ทำได้ที่ 36 ล้าน ... แต่คุณภาพไฟล์ยังไม่หนีจาก D700 นั่นเป็นเพราะ D800 ปรับปรุงการบีบอัดไฟล์ให้ดีขึ้น ภาพจึงละเอียดขึ้นใน Sensor เท่าเดิม ... หัวใจหลักของการพัฒนาอยู่ที่ Expeed 3 ครับ ฝากไว้เท่านี้ครับ

    ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  11. ไม่ระบุชื่อMar 17, 2012 01:55 PM
    อ่อ...ขอต่ออีกนิดคับ D800 มี 2ตัวคือ D800กับD800-E ตัวEเค้าเอาเซ็นเซอร์อะไรซักอย่างออกไปเหมาะสำหรับคนที่ถ่าย landscape เอาเซ็นเซอร์ตัวนี้ออกแล้วจะทำให้ดีเทลหรือความคมชัดลดน้อยลง เอาเซ็นเซอร์ออก แต่กลับแพงกว่า 10000 บาท ทำไมไม่ถูกกว่าผมก้งงเหมือนกันไปที่งานพนักงานก้ตอบผมว่าก้ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมแพงกว่า ลองหาๆกันดูนะคับ ^^


    คุณคงเข้าใจผิดอย่าง มหันต์ เลยครับ ... ในส่วนของ Nikon D800E นั้น มีการเอา anti-aliasing filter ออกซึ่งจะส่งผลให้แสงเข้าสู่ sensor โดยตรงทำให้ภาพที่ได้มีความละเอียดมากขึ้น เหมาะสำหรับการนำไปถ่ายวิวที่ต้องการรายละเอียดสูง เข้าใจใหม่นะครับ ไม่ใช่ความคมชัดน้อยลง ... ความละเอียดน้อยลง แต่ให้แสง เข้ามาสู่ Sensor โดยตรง และเค้าไม่ได้เอาออก แต่เค้าเอา Filter อย่างอื่นใส่แทน ... ในงาน Photofair มี RBJ ไปอธิบายไว้เรียบร้อยแล้วครับ โครงสร้างของ D800E กับ D800 ...แต่อยู่ที่คนใช้งานครับ ว่าต้องการความคมชัดแค่ไหน เอา Anti Aliasing Filter ออก มันก็มีผลเสียอยู่ ใน รายละเอียดที่ เป็น Pattern ... จะดูออกครับ ลองหาข้อมูลเพิื่่มเติมดูครับ ผมพูดไม่หมดแน่ๆ

    ตอบลบ
  12. ถูกต้องเรื่องนึกงก็คือมันถูกสร้างขึ้นมาให้ใช้งานแยกประเภทชัดเจนครับ D800 เป็นไลน์ที่จะขยับให้ชนกับมีเดียมฟอร์แมท สำหรับงานสตูดิโอที่ต้องการไฟล์เนี้ยบๆเพื่อรีทัช แต่หากเอามาใช้งานภาคสนามแล้วล่ะก็ มันจะแสดงประสิทธิภาพได้ไม่เท่า D4 ครับ ถ้ามีโอกาสเทสผมอยากให้ไปเทส Tracking Focus ซึ่งตัวมันพัฒนาได้ดีกว่า D3 กับ D3s แบบเทียบไม่ติด เรื่องพิกเซลนั้น ดูจากสปีดในการบัฟไฟล์ 11 เฟรมต่อวิ 16.2 ล้านนี่ก็มหาศาลแล้วครับ (ผมทำงานหนังสือ ภาพที่ลง 5Mb นี่ก็เหลือแหล่แล้ว)...ถ้าถามว่าเรื่องน้อยซ์เป็นไง ลองคิดดูนะครับ ชิปรุ่นเดียวกัน Expeed3 ขนาดเซ็นเซอร์เท่ากัน แต่อัดพิกเซลเข้าไปเยอะๆนี่ ดัน ISO สูงๆ มาเต็มแน่นอนครับ

    ตอบลบ
  13. ไม่ระบุชื่อ11 เมษายน 2555 เวลา 20:47

    สรุปก็คือ ยังไม่เห็นมีคำตอบว่า D4 ดีกว่าตรงไหน

    ตอบลบ
  14. ไม่ระบุชื่อ26 เมษายน 2555 เวลา 02:31

    ยังไม่เคยจับทั้งสองตัว จับแต่ 700 และ7000 มันยังไม่มีข้อใหนที่ตอบสนองฝีมือเราไม่ได้ แล้ว D4และD800 มันจะให้เรามากกว่าจริงเหรอ มากจนเห็นได้ชัดเจนว่า ถ่ายตุ๊กกี้ออกมาเหมือนญาญ่า หรือไง ผมว่าคนออกแบบและทำแต่ละรุ่นคงทุ่มสุดฝีมืออยู่แล้ว ราคาห่างกัน หลายเท่าตัว ภาพมันออกมาหลายเท่าตัวด้วยหรือเปล่า ลองจัดแสงดีๆในบรรยากาศเดียวกัน ราคาที่ห่างกันเป็นแสน อาจจะเป็นแค่คำขู่ก็ได้

    ตอบลบ
  15. ไม่ระบุชื่อ25 พฤษภาคม 2555 เวลา 22:49

    เสริมเรื่อง d800e ครับ จากที่ผมเข้าใจ ไม่ใช่ sensor ที่เอาออกครับ แต่เป็น filter anti allias ที่ตัว ccd ซึ่งปกติทำหน้าที่แก้ไข สี เพื่อให้ ccd รับแสงโดยตรง ทำให้ภาพคมชัดขึ้น แต่ยังมีฟิลเตอตัดแสง อยู่ครับความคมชัดจะเท่าเดิม 800e เหมาะสำหรับถ่าย landscape ครับ ส่วน d4 ดีกว่าตรง function การใช้งาน และ เมื่อคิดราคาอุปกรณ์เสริม ของ d800 รวมแล้ว หรือ d4 น่าจะดีกว่าสำหรับการใช้งานที่คล่องตัวกว่า ท่าไม่คำนึงถึง จำนวน pixel ครับ

    ตอบลบ
  16. ประเทศเรามัน เป็นระบบ นายทุนเป็นใหญ่ ภาษีบ้าบอ ในต่างประเทศ กล้องตกรุ่น ราคามือสอง ไม่ถีงครึ่ง เด็กนักเรี่ยน พ่อก็ซื่้อให้ได้ เลย ทุกอย่าง ถ้าเอาจริงไปเรียน ก็ เปิดกว้าง เห็นเยอะ นี้่ถ้าบ้านเราไม่มีเน็ท ไม่มีดิจิตอล แบบพวกข่างภาพในสมัยก่อน ยืดกันน่าดู แต่สำหรับผม พอมีกล้องดิจิตอล คุ้มมาก ๆ เมื่อก่อนรับงาน ใช้ฟิลม์ ต้องมีเงินค่า ฟิลม์ + ล้าง ตำสุด 10 ม้วน ต่อวัน อีเว้นท์ ดังๆ ต้องส่ง สามเล่ม กล้อง สามตัว ฟิลม์ ไม่ตำกว่า 3 ม้วนต่อกล้อง เท่าไรละ 10 วันก็ได้ค่ากล้อง แล้วสมัย นั้น ผ่านไป 20 ปี ค่าตัว น้องๆ ก็ยังพอๆกับเมื่อก่อน บอกได้เลยว่า งงงงง เพราะ อะไรไม่รู้เหมือนกัน ใครจะแก้ได้ ในต่างประเทศ เค้าเอา สก็อยเทปปิดพวก ยี่ห้อ กับ รุ่น เพราะมันไปรบก่วน รก ภาพคอื่น มันสะท้อนแสงไฟมาเข้ากล้องด้วย ผู้ใหญ่วงการถ่ายภาพบ้านเราก็ไม่ทำตัวเป็นตัวอย่าง แต่งแดงๆสว่างๆ เดินไปเดินมาหน้ากล้อง เซ้งจริง มันเป็นอย่างงีละบ้านเรา ก็ได้แต่บ่นๆๆ ฮ้าๆๆ

    ตอบลบ
  17. แม่ง หัวข้อถาม D4 ดีกว่า D800 ยังไง ตอบควยไร กันก็ไม่รู้ บางคนก็โชว์พาว ว่าเก่ง แต่แม่งก็ไม่ตรงคำถาม แม่ง ห็นมีแต่ คุยอวด กัน คนต้องการรู้จริงๆ ยังไม่ใด้คำถามลย ง่าย ทำมาหาแดก กันทุกคน มึงเก่งมึงรวย โชว์กล้อง อย่าทำลยว๊ะ นั่งอ่านพวกมึงอย่างเดียว กู ก็มึนแล้ว (ดี๋ยว แม่งทนไม่ใด้ ลบ โพสกูอีก ทนไม่ใด้พูดหยาบคาย) ฝีมีอแน่ๆ ลงมาถ่าย ข่าวที่ปัตตานี กันมั่งซิเฮ้ย อยากรู้ว่า ใด้ยินเสียงปืนใกล้ๆ แล้วทำข่าวถ่ายภาพ ดูมือมึงจะสั่นมั๊ย อวดมั่งอวดมีกันเหลือกิน....นักขานิรนาม..ปัตตานี

    ตอบลบ
  18. ไม่ระบุชื่อ16 กรกฎาคม 2555 เวลา 23:19

    ชัดเจน 55++

    ตอบลบ
  19. ไม่ระบุชื่อ22 สิงหาคม 2555 เวลา 22:57

    มันก็จริงอย่างที่คุณ นข.นิรนามพูดนะครับ มีแน่ๆล่ะใช้ของเทพแต่ถ่ายกาก
    แต่คนที่เค้าใช้งานอย่างจริงๆจัง จนหรือไม่รวยเลยแต่ต้องดิ้นรนใช้ของดีๆเพื่อแลกกับผลงานที่ออกมาดีก็มีอยู่ไม่น้อยนะครับ ส่วนเรื่องฝีมือเก่งไม่เก่ง ไม่ได้วัดกับการที่ไปทำข่าวที่ปัตตานีหรอกครับพี่ พี่เสียสละอยู่ที่นั่นผมนับถือครับ ..คนกากๆแวะมา

    ตอบลบ
  20. ผมใช้D700 ไม่ได้เป็นมืออาชีพ แต่รักการถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ ออกแนวๆขาลุย หลังๆมีโอกาสไปถ่ายงานอีเว้นบ่อยๆ รู้เลยครับว่า D4 เหมาะกับผมมาก ที่ไม่เหมาะคือราคามันแรงเกินงบจริงๆ.......ก็เลยต้องใช้D700 ให้คุ้มต่อไป......

    ตอบลบ
  21. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  22. ผมใช้d700ร่วมกัน2ตัว ในขณะทำงานปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่จำนวนพิกเซลหรือคุณบัติของไฟล์ภาพมันดีพอที่จะใช้ได้ในสายงานของผม ช่วงหลังผมต้องใช้งานลักษณะที่ต้องจับภาพได้ทันท่วงทีและรวดเร็ว ซึ่งd700ยังไม่สามารถตอบโจทย์นี้ได้ดีกว่าd3ที่ผมมีโอกาสได้หยิบยืมจากโปรหลายๆท่าน ภาพบางภาพมันพลาดไม่ได้เลยครับ มันหมายถึงงานเงินและความเป็นมืออาชีพที่คนจ้างไว้ใจเรา บางทีผมต้องท่องไว้รูปนี้ห้ามพลาดซึ่งบางทีถึงกับจะโยนกล้องทิ้งถ้ามันทำงานผิดพลาดเพียงเสี้ยววินาทีเเล้วผมไม่ได้ภาพนั้น ถ้าใครไม่มีควาใจำเป็นกล้องระดับกลางๆก็เหลือเเล้วส่วนคนที่รับงานสำคัญๆ ความไว้ใจกับกล้องว่าจะใช้งานไม่มีปัญหาก็ต้องใช้กล้องที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เหมือนการ์ด และเลนส์ ผมว่าถ้าต้องการความแม่นยำมันคุ้มค่ากับการลงทุน(สำหรับมืออาชีพจริงๆน๊ะครับ)บางคนกล้อง2แสนเค้าทำงานกัน1เดือน2เดือนก็ได้คืนแล้วครับ อยู่ที่คนใช้มากกว่าว่าจะเลือกใช้ได้เหมาะกับตัวหรือเปล่า
    ตอนนี้ผมก็อยากได้d4ครับมันตอบโจทย์การทำงานของผมได้ดีกว่าแน่นอนแต่ติดที่จุดคุ้มทุนผมอาจเกิน6เดือนหรือมากกว่าทำให้ต้องคิดหนักครับ
    ยกตัวอย่างน๊ะครับผมได้รับมอบให้ถ่ายสมเด็จพระเทพฯในงานไปรษณียากรณ์ ในภาพแสงไม่มากนักมีนักข่าวจากราชสำนักติดตามมาด้วยทำให้ผมทำงานลำบากในการขยับตัวจากตำเเแหน่ง ผมต้องหาโฟกัสใหม่ตลอดเวลาD700มันยังไม่นิ่งพอ พอท่านประทับตรงตำแหน่งทุกคนรัวกันกระจายผมถูกเบียดออกมาข้างหลังทั้งที่ผมเป็นช่างกล้องหลักในงานพอผมตั้งสติได้ก็ยิงไปชุดนึง7ภาพ หลุดโฟกัสไป4เข้าโฟกัส3พระองค์ไม่ได้มองกล้อง2มองที่กล้องมา1รูป ผมลุ้นแทบหัวใจวายเมื่อคนจัดงานบอกว่าต้องอัดรูปนี้ลงบนแสตมป์ถวายท่นในอีก10นาที เรียกว่าขนหัวลุกเลยครับถ้ากล้องทำงานไม่ทัน เกือบไปครับ

    ตอบลบ
  23. ไม่ระบุชื่อ11 เมษายน 2556 เวลา 04:38

    ส่วนตัวครับ จะชอบแบบไหนก็อยู่ที่มุมถ่ายอยู่ดีครับ ถ้าใช้กล้องแพงแล้วถ่ายไม่ได้เรื่องก็เสียตังป่าวๆ ครับ ขอแค่สนุกในการถ่ายภาพก็พอแล้วครับ ยี่ห้อของกล้องไม่สำคัญหรอก....

    ตอบลบ