ในที่สุดก็ได้กล้องโพลารอยด์มาครอบครองซะที ^ ^
รุ่นที่เลือกไว้ก็คือ Fuji Instax Mini 25 - ฟูจิอินสแตกซ์มินิ 25
สาเหตุที่เลือกรุ่นนี้ไม่ใช่ 7, 7s ก็เพราะว่ารุ่นนี้มีออพชั่นที่เหนือกว่าในบางส่วนในราคาที่แพงกว่านิดหน่อย (แต่ก็ออพชั่นไร้สาระแหละครับ เช่นกระจกส่องด้านหน้า ที่สะท้อนไม่ได้เป๊ะๆหรอกครับ ระบบออโต้ก็ใช่ว่าจะเก่งกว่ามากมาย โหมดที่มีให้เลือกก็ปลาซิวปลาสร้อย)
และไม่เลือก 50s หรือ Piano Black ก็เพราะว่ารุ่นนี้ถูกกว่าในออพชั่นพอๆกันนั่นเองครับ
จริงๆแล้ว หากมองราคาจริงๆ 7s จะดูยั่วใจกว่า และออพชั่นที่เกินมาก็ใช่ว่าจะดีกว่ามากมาย ... แต่สาเหตุที่เลือก Mini 25 นั้น ปัจจัยเรื่องขนาดนี่แหละครับ ที่ทำให้ตัดสินใจเลือกรุ่นนี้ (มันบางกว่า Fuji Instax Mini 7s อ่ะครับ ^ ^)
ได้กล้องมา ในหีบห่อแบบนี้!!
พอแกะกล่องแล้ว ดูด้านในแล้ว ก็จะเจอกล้องหน้าตาแบบนี้ครับ ให้ดูทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งจับแล้วจะพอดีๆฝ่ามือพอดีครับ (แต่จับไม่ถนัดนะครับ แต่มือเดียวก็พอถืออยู่)
การใช้กล้องดูไม่ยากอย่างที่คิด ง่ายๆครับ ก่อนอื่นก็เปิดที่เปิดฟิล์ม เอาฟิล์มใส่ วิธีเอาฟิล์มใส่ก็เพียงแค่ให้แถบสีเหลืองที่กล่องฟิล์มอยู่ด้านนอกส่วนบน ที่จะพอดีกับช่องที่ทำให้มองเห็นภาพนอกได้ตามรูปด้านล่างครับ
แล้วก็ปิดฝา กดปุ่มสีแดงเปิดเครื่องแล้วกดถ่ายรูปได้เลย (พอกดปุ่มสีแดงแล้ว เลนส์จะยืนออกมาตามรูปด้านล่างครับ)
สำหรับออพชั่นของ Fuji Instax Mini 25 นั้น ก็ได้แก่
- เพิ่มความมืด เพิ่มความสว่างให้รูป (ไม่เป็นสเกลนะครับ เพิ่มมืดหรือสว่างได้แค่ 1 ระดับเท่านั้น)
- ตั้งระบบการถ่ายได้ 3 แบบ
1. ระบบถ่ายออโต้
2. ถ่ายแบบเติมแฟลชเสมอ
3. ถ่ายวิวทิวทัศน์ (Landscape)
มีแค่นี้แหละครับ หมดแล้ว ^ ^" (กล้องโพลารอยด์ก็ประมาณนี้ล่ะครับ ^ ^")
นอกนั้นก็เป็นส่วนเสริมที่ไร้สาระ เช่น "กระจกส่องเงา" สำหรับถ่าย Self Portrait ... ตามรูปเลยครับ
ก็ไม่เชิงเป็นกระจกหรอกครับ แต่น่าจะเป็นสติ๊กเกอร์สะท้อนแสงง่ายๆมากกว่า
ที่ว่ามันไร้สาระก็เพราะว่า มองที่กระจกนี้แล้ว มันได้รูปในมุมที่ต่างจากภาพผลงานที่ออกมาพอประมาณเหมือนกัน ^ ^"
ส่วนตัวคิดว่ามองที่เลนส์ของกล้องแทนเจ้ากระจกนี้ จะได้มุมกล้องที่ชัดเจนและใกล้เคียงความจริงมากกว่าอีกล่ะครับ ^ ^
...
ส่วนเสริมไร้สาระอีกอย่างก็ถือ ปุ่มชัตเตอร์อีกปุ่ม ที่ไว้สำหรับการถ่ายรูปแนวนอนครับ ตามรูปจ้า
จริงๆมีไว้ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ มันก็สะดวกจริงๆแหละครับ ^ ^
เพียงแต่ว่า ถ้ามองว่าไปปรับปรุงเรื่องเลนส์ เรื่องภาพและสีสัน หรือการตั้งค่าแฟลช ระบบออโต้ต่างๆให้ดีขึ้นได้ เรื่องเหล่านี้น่าจะสำคัญกว่าเจ้าปุ่มที่เพิ่มมาให้กดอีกเยอะเลยครับ
ก็สรุปข้อดีข้อเสียของ Fuji Instax Mini 25 ตามนี้ครับ (เทียบกับกล้องดิจิตอลนะ)
ข้อดี
1. ได้รูปด่วนทันใจ
2. รูปคุณภาพพอๆกับกล้องฟิล์มคอมแพคราคาถูกเมื่อ 20 ปีก่อน ซึ่งมันจะมองได้ว่า ติสต์ ดี ^ ^
3. สนุกครับ ถ่ายรูปแล้วรูปมันเลื่อนออกมาทันที แล้วก็คอยจนภาพขึ้นนั้น มันก็สนุกดีนะครับ
ข้อเสีย
1. รูปที่ได้มามีรูปเดียว เก็บเป็นไฟล์ภาพไม่ได้ (ต้องสแกนอีกที)
2. รูปมืดๆทึมๆ คุณภาพไม่ได้ดีเด่มากมาย
3. ฟิล์มแพง!! ตกแผ่นละ 22-28 บาทกันเลยครับ!!
4. รูปเล็กไปหน่อย
ก็ประมาณนี้แหละครับ สำหรับการหยิบจับ Fuji Instax Mini 25 ครั้งแรก
บอกตรงๆว่าติดมือดีครับ แต่ฟิล์มไม่พอนี่มันเซ็งมากเลยนะครับ ^ ^
ข้อเสีย
ตอบลบ1. รูปที่ได้มามีรูปเดียว เก็บเป็นไฟล์ภาพไม่ได้ (ต้องสแกนอีกที)
(น่าดีใจออกที่จะมีภาพนี้เพียงภาพเดียวในโลก และเป็นภาพที่แสดงความรู้สึก ณ ขณะนั้นได้ดีที่สุด)
2. รูปมืดๆทึมๆ คุณภาพไม่ได้ดีเด่มากมาย
(ขึ้นอยู่กับ "แสง" ในขณะนั้นมากกว่า เพราะถ่ายกลางแจ้งสีสวยมาก ถ้าถ่ายที่แสงน้อยก็ต้องทำใจอยู่แล้วไม่ว่ากล้องจะดียังไง )
3. ฟิล์มแพง!! ตกแผ่นละ 22-28 บาทกันเลยครับ!!
(ทำให้รู้คุณค่าของภาพครับ เอาไฟล์ไปอัดใบละ 2-3 บาท ทำเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ใช้ ฟิล์ม instax มันได้ความรู้สึกที่ดี เหมือนเราตั้งใจทำให้ (เคยเอาไปใช้เป็นของชำร่วยงานแต่งของผม แขกที่มาถูกใจมาก บอกจะเก็บไว้อย่างดีเลย)
ข้อเสียถูกต้องแล้วครับ
ตอบลบแต่สำหรับคนที่ชอบกล้องแบบนี้ ก็มักจะมองว่ามันเป็นข้อดีแทน (นานาจิตตังไง)
เรื่อง
2. รูปมืดๆทึมๆ คุณภาพไม่ได้ดีเด่มากมาย
อันนี้จริงครับ ถ้าเทียบกับกล้องดิจิตอล(ทั้งคอมแพคและ DSLR)
ต่อให้ถ่ายกลางแจ้ง ภาพก็ไม่มีวันสีสดเท่ากับกล้องดิจิตอลในปัจจุบันหรอกครับ
แต่คนที่ชอบ ก็จะมองว่ามันอาร์ตดี
กล้องโพลาลอยด์ หลากสี น่ารักฟรุ้งฟริ้งค่ะ
ตอบลบสนใจลองเข้าไปดูที่ http://www.topvalue.com/product-36846.html นะค่ะ