รับราชการกับทำงานบริษัทเอกชน อะไรดีกว่ากัน?

เป็นข้าราชการ กับทำงานบริษัทเอกชน อะไรดีกว่ากัน? คาดว่าไม่เพียงแต่น้องๆที่จบใหม่เท่านั้นที่ตั้งคำถามนี้ แต่คนหางานทุกรุ่นก็คงจะมีคำถามเดียวๆกัน
ขอบอกตรงๆเลยว่า ข้าราชการกับทำงานเอกชนอะไรดีกว่ากันนั้น "เงิน" เป็นตัวแปรสำคัญครับ!!
เรื่องที่หลายๆคนว่าข้าราชการมั่นคงกว่าอะไรกว่า ก็มีส่วน แต่หลักๆก็คือเงินนี่แหละ!!
(ปล.ที่จะพิมพ์ทั้งหมดนี้ ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ โปรดใช้วิจารณญาน)

ข้าราชการ
เงินเดือนข้าราชการแบบเฉลี่ยๆทั่วๆไป เริ่มต้น 15,000 บาท และมักจะไปตันที่ 37,500 บาท (โดยเฉลี่ย แต่ก็ขึ้นกับวิชาชีพเงินประจำตำแหน่งและอื่นๆอีก)
ซึ่งเงินเดือนเท่านี้ บอกตรงๆว่า "ไม่รวย" แต่ "พอใช้"
พอใช้ที่ว่าก็คือถ้าใช้เงินไม่ฟุ่มเฟือย อาจจะไม่ต้องถึงขั้นประหยัดก็ได้ แค่ไม่ฟุ่มเฟือย
คุณก็สามารถผ่อนรถ ผ่อนบ้าน มีเงินเก็บไว้ไปเที่ยวบ้างอะไรบ้าง สำหรับตัวคนเดียว
แต่สำหรับครอบครัว ถ้าสามีภรรยามีรายได้ทั้งคู่ จะมีลูกมีอะไร ก็ไม่ลำบากนักครับ
เพียงแต่ถ้าจะหวังรวย คงจะไม่มีครับ กับรายได้ข้าราชการ
จะลำบากก็ต่อเมื่อ สามีภรรยามีรายได้เพียงคนเดียว + มีลูกครับ
คือถ้าเป็นครอบครัว ผู้ชายหรือผู้หญิงรับราชการคนเดียว ดูทั้งครอบครัว คงจะลำบาก
แต่ก็ไม่ใช่ไม่ไหวนะ แต่ชีวิตต้องขาดความไฮโซและภาษีสังคมไปมากจึงจะอยู่ได้ครับ
...
โดยจุดเด่นที่สุดก็คือความมั่นคง ซึ่งมาจาก "เงินบำนาญ" และเครดิตเรื่องการกู้เงิน
เงินบำนาญทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บเงินให้เหลือสำหรับตอนแก่มากนัก เพราะพอเกษียณอายุก็มีเงินก้อนให้ พร้อมมีบำนาญใช้รายเดือน
ซึ่งมันแลกมาจากความที่อาชีพรับราชการ "ไม่มีวันรวย" นั่นเองครับ ... ได้ความสบายตอนแก่ชดเชย ลูกหลานไม่มีหรือเลี้ยงดูเราไม่ดี ผลาญสมบัติไปยังไง ... ยังไงก็ยังมีเงินใช้กินใช้อยู่
ส่วนคนที่เก็บเงินไม่เก่ง จะกู้ก็มักจะกู้ได้ฉลุยสำหรับวงเงินประมาณ 1-2 ล้าน

ทำงานบริษัทเอกชน
หลังจากอ่านของข้าราชการจบ ให้ดูเม็ดเงินเป็นที่ตั้งครับ
ถ้าเม็ดเงินคุณไม่สตาร์ทที่ 2 เท่าของเงินเดือนข้าราชการ หรือดันได้เงินเดือนเท่าๆกับข้าราชการ ควรเพ่งเล็งการทำงานข้าราชการดีกว่า
โดยเม็ดเงินควรเป็นดังนี้ครับ 30,000-75,000 บาทต่อเดือนครับ ต้องให้มากขนาดนี้ เพราะถ้าหมื่นสองหมื่น รับราชการเอาความมั่นคงไว้ก่อนดีกว่า
แม้ราชการจะรวยยาก แต่งานเอกชนเงินหมื่นสองหมื่นมันก็ไม่รวยเหมือนๆกัน ... คว้าความมั่นคงดีกว่า เรื่องเจ้าขุนมูลนาย ก็มีทั้งเอกชนและรัฐล่ะครับ (แต่ทหารตำรวจอาจจะเยอะหน่อย)
นอกจากนั้น ที่ว่าเงินเดือน 30,000 นั้น ควรจะเป็นเงินเดือนสตาร์ทและมีวันก้าวหน้านะครับ ไม่ใช่ 30,000 ทั้งปีทั้งชาติ
บางคนอาจจะงงว่าจะเยอะอะไรมากมาย ... ที่ต้องเยอะเพราะต้องเก็บไงครับ เพราะวันนึงเกิดมีคลื่นลูกใหม่มาเก่งกว่าคุณ คุณก็ต้องหางานใหม่ เกิดคุณเกษียณอายุ ก็ต้องมีเงินเก็บไว้ใช้ยามแก่เฒ่า
แต่ ถ้าคุณทำงานเอกชนได้เงินเกิน 75,000 บาท ไงๆก็น่าทำกว่ารับราชการครับ เพราะรับราชการจะให้ได้เงินขนาดนี้ มีไม่กี่อาชีพ เช่นหมอ หรือไม่ก็เป็นผู้บริหารระดับสูงๆหน่อย
ซึ่งเงินเดือนถ้าเกิน 75,000 หรือเป็นหลักแสน (แต่คุณต้องเป็นคนรู้จักบริหารเงินนะ ไม่ใช่ทำตัวไฮโซเศรษฐีร้อยล้าน เพราะเงินแค่ 75,000 ไฮโซไม่ไหวหรอก แต่เห็นหลายคนทำกันเยอะ อยากจะบอกว่าระวังลำบากทีหลัง) คุณก็สามารถใช้จ่ายพร้อมๆเก็บได้อย่างสบายๆล่ะ มีพอใช้ตลอดด้วย แต่อย่างไรก็อย่าลืมเรื่องความมั่นคงของงานด้วย
เปรียบเทียบฟรีแลนซ์ รายได้อาจจะเคยอลังการ แต่ถ้าไม่เก็บ แล้วจู่ๆรายได้ตก คนไม่จ้าง มีคู่แข่งที่ดีกว่าเก่งกว่าล่ะ? ก็ต้องเผื่อตรงนี้ด้วย
...
รวมๆก็คือ ทำบริษัทเอกชนดีๆหน่อย มีโอกาสได้เงินสูงๆ อู่ฟู่ ฟุ่มเฟือยได้มากกว่าราชการครับ
อาจจะรวยได้ แต่ก็ไม่ถึงระดับรวยมากหรือเศรษฐี ... แต่ถ้าเงินเดือนเท่าๆกันกับข้าราชการ ด้านอื่นๆจะแพ้ข้าราชการหมด

สรุป
ไม่หวังรวย ไม่หวังไฮโซ แต่มีกินมีใช้สบายๆ มีบ้านมีรถ ข้าราชการช่วยได้
แต่ถ้าบอกว่าอยากจะได้ชื่อว่ารวย งานเอกชนก็ต้องรายได้อย่างที่ผมบอกครับ จะมาได้เงินเท่าข้าราชการแล้วบอกว่างานเอกชนดีกว่า คงจะไม่ได้
ไม่เช่นนั้น อาจจะต้องหาอาชีพเสริมหรือลงทุนเพิ่มเติม ถ้ายังไงๆ จะต้องรวยให้ได้ล่ะก็นะ ^ ^"
สุดท้ายนี้ รวย กับ เศรษฐี คนละระดับนะครับ ต้องแยกให้ออก ถ้าไม่อยากแค่รวย แต่อยากเศรษฐี ทำธุรกิจค้าขายดีกว่าครับ (คนทำบริษัทเอกชนหรือราชการขับเบนซ์ก็มี แต่เบื้องหลังผ่อนหูตูบ ไม่ก็โกงมาครับ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น