แต่งงานกับผู้ชายนักเที่ยว เจ้าชู้ ... ไม่ติดเอดส์ ก็เสี่ยงมะเร็งปากมดลูก!!

ปัจจุบันนั้น การตรวจหาการติดเชื้อเอดส์นั้น เป็นเรื่องที่คู่สมรสจะต้องทำก่อนการแต่งงานเสมอๆ
เพราะถ้าเกิดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งติดเชื้อขึ้นมา ก็จะได้วางแผนได้ว่าจะทำอย่างไร ไม่แต่งงานไหม? แต่งงานแต่ไม่มีลูกเพราะต้องใช้ถุงยางอนามัยตลอด? ฯลฯ
ซึ่งปกตินั้น มักจะพบอยู่บ่อยๆที่ฝ่ายชายจะติดเชื้ออยู่ก่อนแล้ว เพราะผู้ชายหลายๆคนมีนิสัยรักสนุก ชอบเที่ยวผู้หญิง มีเพศสัมพันธ์หรือมีเซ็กซ์กับผู้หญิงมากหน้าหลายตา
ต่อให้ ณ วันที่จะแต่งงาน ผู้ชายคนนั้นจะเลิกนิสัยเจ้าชู้แล้ว ... แต่ก็ยังพกพาโรคเอดส์ติดตัวมาด้วย คล้ายๆกับการกระทำในอดีตที่เป็นพันธะผูกพันที่แก้ไม่ได้ หนุ่มๆทั้งหลายก็ระวังไว้ด้วยนะครับ

อย่างไรก็ตาม หากตรวจว่าฝ่ายชายไม่เป็นเอดส์แน่ๆแล้ว
แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง ที่เค้าอาจจะพกพาไปหาคุณได้ง่ายๆ หากในอดีต เค้าเป็นหนุ่มนักเที่ยว
เจ้าสิ่งนั้นก็คือ เชื้อไวรัสที่เรียกว่า HPV หรือ Human Papilloma Virus
เจ้าเชื้อนี้ติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ และรักษาไม่หายเหมือนเอดส์ แต่ข้อดีของมันก็คือ "ติดไปก็ไม่เป็นอะไร" ในผู้ชายน่ะครับ แถมถ้าไม่มีอาการ ก็ตรวจไม่เจอซะด้วยนี่สิ!!
แต่ถ้าติดในผู้หญิงขึ้นมาล่ะก็ "มะเร็งปากมดลูก ถามหาแน่นอน" ซึ่งจากสถิติพบว่า คนที่เป็นมะเร็งปากมดลูก แท้จริงแล้วติดเชื้อไวรัสตัวนี้กันแทบทุกคนครับ คือเค้าเอาเนื้อเยื่อที่เป็นมะเร็งไปตรวจ พบเจ้าเชื้อนี้้ทั้งนั้น
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงที่่ติดเชื้อนี้ ร้อยละร้อยจะเป็นมะเร็งปากมดลูกแน่ๆหรอกครับ แค่ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกมากขึ้นก็เท่านั้น
แต่ในทางหนึ่ง มันสามารถอนุมานได้ว่า คนที่ไม่ติดเชื้อ HPV โอกาสที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูกนั้น แทบจะเป็นศูนย์เลยครับ
ดังนั้น เราจึงพบว่าผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์มาแล้ว จึงมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกมากกว่าหญิงที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์นั่นเอง (แต่ก็มีบางคนเถียงนะ ว่าเคยเห็นสาวโสดเป็นมะเร็งปากมดลูก ... โสด ไม่ได้แปลว่าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์นะครับ อีกอย่างก็คือ ไม่ติดเชื้อ HPV ก็เป็นมะเร็งปากมดลูกได้ แต่โอกาสน้อยมากๆนั่นเอง)

สรุปง่ายๆ หากผู้หญิงคนนั้นเป็นมะเร็งปากมดลูก ก็สรุปได้ว่าผู้หญิงคนนั้น มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายมากหน้าหลายตา หรือไม่ก็สามีของหญิงคนนั้นน่ะแหละ ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงมากหน้าหลายตา แล้วนำพามาติดภรรยานั่นเอง สรุปแล้ว ต้องมีคนได้อายหนึ่งคนเสมอๆ ไม่ว่าจะชายหรือหญิง
...
ดังนั้น หากคุณคิดว่าคุณกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งที่ผ่านผู้หญิงมาหลากหลาย เที่ยวกลางคืนก็บ่อย ... คุณพบว่า ผู้ชายคนนั้นไม่ติดเชื้อเอดส์แน่ๆแล้ว เลิกเจ้าชู้แน่ๆ (แต่ในความเป็นจริง ผู้ชายที่เลิกเจ้าชู้ได้ มีน้อยกว่าผู้ชายติดเอดส์ซะอีก -*- อย่าไปเชื่อว่าเลิกได้จริง)
ก็อย่าเพิ่งวางใจ เพราะอาจจะมีเจ้าเชื้อ HPV นี้อยู่ก็ได้ ผู้ชายไม่เป็นไร แต่คุณน่ะ จะเป็นมะเร็งปากมดลูกเอาได้

แต่ที่บอกมาเนี่ย ไม่ได้จะให้เปลี่ยนใจ ไม่แต่งงานกับคนรักนะครับ ^ ^
แต่งไปแล้ว ก็ไปตรวจ Pap Smear ที่โรงพยาบาลทุกๆ 5 ปีนะครับ (กว่าที่จะเริ่มมีอาการ จนกลายเป็นมะเร็ง มักจะใช้เวลา 10 ปี ดังนั้น ถ้าตรวจทุก 5 ปีก็เจอก่อนได้)
ซึ่งถ้าเจอก่อน รักษาหายเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ใครรู้ตัวว่าแต่งงานกับหนุ่มนักเที่ยว ก็ขอแนะนำให้ตรวจบ่อยๆครับ ^ ^

ปัจจุบัน โรคร้ายที่เกิดจากการส่ำส่อนทางเพศหรือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันเยอะขึ้นเรื่อยๆ ยังไงคิดจะทำอะไรในวันนี้ ก็ระวังผลกระทบวันหน้ากันบ้างนะครับ ^ ^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น