เป็นข้าราชการหรือรับราชการ กับทำงานเอกชน อะไรมั่นคงกว่ากัน? ก็ยังคงเป็นคำถามยอดฮิตจวบจนเดี๋ยวนี้
ก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงล่ะครับ
ถ้าเงินเดือนเท่าๆกัน หรือต่างกันไม่มากนัก เป็นข้าราชการ "มั่นคง" กว่าแน่นอนครับ!!
เพราะหน่วยงานภาครัฐ(ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ) ไม่ได้เป็นองค์กรแสวงหากำไรครับ
พูดง่ายๆคือไม่ต้องกลัวบริษัทเจ๊ง ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน โรงพยาบาล สถานีตำรวจ ทหาร ศาล ที่ว่าการอำเภอ ศาลากลางจังหวัด อบต. ฯลฯ
ล้วนแต่เป็นหน่วยงานที่ภาครัฐออกเงินให้ เพื่อให้บริการประชาชน โดยไม่ได้คำนึงถึงกำไรขาดทุน ...
ดังนั้น ต่อให้เจ๊ง ก็ไม่ได้ปลดพนักงานออกเพราะเจ๊ง เค้าจะพิจารณาจากความจำเป็นต่อประชาชน ว่าหน่วยงานนั้นๆจำเป็นหรือไม่มากกว่า ...
หรือต่อให้ต้องยุบหน่วยงาน เค้าก็มีการโยกย้ายอัตรากำลังไปที่หน่วยงานอื่นๆแทน ไม่มีแบบว่าไล่ข้าราชการออกเพราะองค์กรเจ๊งแน่นอน
(จะไล่ออกก็ต่อเมื่อผิดวินัยร้ายแรงเท่านั้น ซึ่งถ้าไม่ได้เลวจริงๆ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องออกจากงานครับ)
เพราะฉะนั้น มันจึง "มั่นคง" ครับ ...
หากคุณเป็นคนปกติ ไม่ได้เลวร้าย คุณจะมีงานทำจนเกษียณแน่นอน และเมื่อเกษียณไปแล้ว ก็จะยังคงมีเงินบำนาญรายเดือนให้ด้วย
แล้วถ้าทำงานเอกชน แต่อยากได้ความมั่นคง จะต้องทำอย่างไร?
คำตอบก็คือ
1. แสวงหาความก้าวหน้าเสมอ
การทำงานเอกชน เค้าว่ากันว่าควรสตาร์ท 3 หมื่น อย่างน้อยๆสุดก็ควรจะ 2 หมื่นอัพ และเมื่ออายุมากขึ้น ก็ควรจะขยับไป 4-5 หมื่น จนถึงหลักแสน
... พูดอย่างงี้แล้ว คนทำงานเอกชนที่เงินเดือนหมื่นกว่าๆ หรือหางานได้เงินเดือนไม่ถึงหมื่น จะทำอย่างไร?
คำตอบก็คือ "ตั้งใจทำงาน" ครับ เงินเดือนเอกชนก็งอกได้ มีโบนัสได้เช่นกัน และถ้าคุณเป็นคนเก่ง จะมีบริษัทอื่นๆแย่งตัวและอัพเงินเดือนให้คุณเอง
ดังนั้น ต่อให้เงินเดือนเริ่มแรกไม่มากนัก ก็ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องเกี่ยงงาน เพราะเด็กจบใหม่ บางทีเค้าให้เงินน้อยเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว หลายๆแห่งไม่เกี่ยวกับเกรด
คุณต้องพิสูจน์สมรรถนะและอัพค่าตัวของตนเองให้ได้ ... หลายๆคนทำได้หลักแสนต่อเดือนก็มีเยอะ
ซึ่งถ้าเป็นข้าราชการ ต่อให้ระดับนายอำเภอ เงินเดือนก็แค่ประมาณ 6 หมื่นเท่านั้น ... นี่คือความมั่นคงในแบบฉบับของการทำงานเอกชนเค้าล่ะครับ
2. อย่าฟุ่มเฟือยมากนัก
คนทำงานเอกชนหลายๆคนฟุ้งเฟ้อเกินงามไปเยอะ โดยเฉพาะคนที่ได้เงินเดือนเยอะๆตอนยังหนุ่มๆสาวๆ แทนที่จะเหลือเงินเก็บบ้าง กลับใช้เกินตัวจนหมด
อย่าลืมว่าอนาคตของเราไม่ได้มั่นคงอย่างทำงานรัฐบาล เกิดบริษัทเจ๊งล่ะ? ภาคเอกชนการแข่งขันสูง ถ้าไม่ใช่บริษัทยักษ์ใหญ่จริงๆก็มีโอกาสโดนคว่ำได้
ให้นึกง่ายๆ ว่าบริษัทโทรศัพท์ระดับโลกอย่าง Nokia ก็ต้องปลดพนักงานหลายคนและโดน Microsoft ซื้อไปแล้ว ... หรือบริษัทกล้อง Kodak ที่ตอนนี้เจ๊งไปเรียบร้อยแล้ว
ฉะนั้นอย่าไปภาคภูมิใจกับชื่อเสียงของบริษัทว่าจะอยู่ยงคงกระพัน ... ของไทยเรา ปตท.ที่ว่าแน่ ก็เจอกระแสการเมืองซัดมาแล้ว แม้จะไม่สะเทือนแต่ก็ประมาทไม่ได้ การบินไทยก็ขาดทุนบักโกรก อยู่ได้เพราะรัฐช่วยทั้งนั้น
คนทำงานเอกชนส่วนใหญ่ยิ่งอายุเยอะ ตำแหน่งสูง เงินก็จะเยอะตาม
แต่ก็ต้องระวังคลื่นลูกใหม่ ถ้ามีคนเก่งกว่าคุณ คุณก็กระเด็นได้ ตอนอายุ 30 กว่าๆ อาจจะเงินเดือน 5 หมื่น ... หวังว่า 40 จะได้หลักแสน ... แต่ไปๆมาๆอาจจะต้องมาทำงานที่เงินเดือนเหลือเพียงหมื่นเดียวก็เป็นได้
3. วางแผนอนาคต
วางแผนต่างๆให้ดีๆ ทำประกัน เกษียณจะทำอย่างไร เก็บเงินอย่างไร ... และ "จะลงทุน" อะไร เพื่อแบ็คอัพตัวเองไว้บ้าง ตรงนี้สำคัญครับ
หลายๆคนลงทุนหนัก เจ๊งกว่าเดิมก็มี รวยกว่าเดิม กลายเป็นเจ้าของกิจการก็มี ... บางคนลงทุนพอดีๆเอาแค่มั่นคงก็มี
ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องประเมินตนเองเป็น อย่าเหลิง คิดว่ารวยแน่ๆ ถ้าลงทุนไม่เป็น ก็เอาพอดีๆไว้ก่อนดีกว่าครับ
หลักๆคร่าวๆก็มีดังนี้แหละครับ ราชการมั่นคงกว่าแน่นอน
ส่วนเอกชนก็มั่นคงได้แต่ต้องวางแผนกันหน่อยครับ ... วางแผนดีๆ จะไม่หยุดแค่มั่นคง อาจจะรวยได้ด้วยซ้ำ ^ ^
นอกจากนั้น ข้าราชการก็ไม่ต้องน้อยใจไป ว่าตัวเองมั่นคงแต่ไม่รวย ... ฝึกลงทุนไว้บ้างก็ดีครับ มีรายได้เสริม ก็รวยได้เช่นกันครับ ^ ^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น