รวมรีวิวเที่ยวสวิสครับ ซึ่งตอนนี้ผมได้ไปไม่กี่เมืองมากครับ ได้เที่ยวแค่ย่านลูเซิร์นแล้วก็เดินเที่ยวในซูริคนิดหน่อยครับ ยังไงก็วางแผนไว้ว่าจะเที่ยวเพิ่มในภายหลังครับ แล้วจะมาอัพเดทต่ออีกทีนะครับ ^ ^
รีวิว ผมทำแยกไว้ตามนี้ครับ คลิกตามลิงค์ได้เลยครับ
1. รีวิวเมืองลูเซิร์น Lucerne, Luzern
2. รีวิวเมืองซูริค Zurich
3. รีวิวทะเลสาปลูเซิร์น Lake Lucerne
4. รีวิวภูเขาริกิ Mount Rigi
5. รีวิวภูเขาพิลาตัส Mount Pilatus
6. รีวิว Ristis & Brunni
7. รีวิวภูเขาทิตลิส Titlis
8. รีวิวที่พัก Rosli Guesthouse
9. แนะนำ Tell Pass สำหรับใช้เฉพาะในเขตลูเซิร์น
10. การขึ้นรถไฟในสวิสเซอร์แลนด์
แถมด้วยภาพของภูเขาทิตลิสสวยๆ ที่มีหิมะตลอดทั้งปีให้ได้ชมกันครับ ^ ^
ขอให้เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์กันอย่างมีความสุขนะครับ
รีวิว "มิลาน" Milan, Italy ทริปเที่ยวอิตาลี 10 กว่าเมือง!!
มิลาน เมืองแฟชั่นที่อิตาลีเมืองนี้มีโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี และใหญ่เป็นอันดับห้าของโลกตั้งอยู่ รวมทั้งมีสถานที่ช้อปปิ้งสวยงาม
ผู้คนที่นี่แต่งตัวแฟชั่นหนักๆ เสื้อหนัง ขนมิ้งฟูฟ่อง จูงหมาป่า(ป่าจริงๆ)เดินไปมาบนถนนก็มี ที่นี่มีรถไฟใต้ดินที่คุณสามารถเดินทางไปที่เที่ยวต่างๆได้ในราคาเดียวกันสุดสาย (ดังนั้นถ้าเดินทางสายสั้นๆจะไม่คุ้ม)
ผมจะลงภาพสถานที่ต่างๆไว้คร่าวๆไว้พิจารณานะครับ
1. Milan Cathedral: Milano Duomo (Italian) โบสถ์มหาวิหารมิลาน
ที่โบสถ์นี้ นอกจากถ่ายด้านหน้าโบสถ์ ข้างโบสถ์ และภายในโบสถ์แล้ว คุณยังสามารถซื้อตั๋วขึ้นไปบนหลังคาโบสถ์ได้ (ซึ่งถือว่าแนะนำมากๆ) ต้องขึ้นไปชมครับ
การเดินทางมาที่นี่คือ นั่ง metro มาลงสถานี Duomo ครับ
เมื่อขึ้นไปบนหลังคาโบสถ์ คุณจะได้เห็นวิวแบบนี้ครับ
ต่อมาเป็นวิวภายในตัวโบสถ์มิลานครับ
ปิดถ้ายด้วยภาพ Milan Cathedral ยามค่ำๆครับ แสงไฟสวยดี
ภาพนี้คือลานด้านหน้าโบสถ์ครับ ชื่อว่า Piazza del Duomo
2. Galleria Vittorio Emanuele II ห้างหรูสถาปัตยกรรมเลิศแห่งมิลาน
ห้างนี้เป็นห้างที่ภายในสวยเว่อร์วังมากๆ แต่ร้านค้าอะไรไม่มีเยอะหรอกครับ มีแต่ร้านแพงๆ แต่เข้าไปถ่ายรูปได้เลย สวยมากๆ (ถ้าจะช้อปพวก Versace, Prada, Louis Vuitton, Tod's, Massimo Dutti ที่นี่มีครับ แต่ไม่ใช่ Outlet นะครับ ช้อปแพงเลย)
ที่นี่ติดกับโบสถ์มหาวิหารมิลานเลยครับ ดังนั้นเดินทางมาวิธีเดียวกัน เข้าไปได้เลย (ปล. ตอนผมไปช่วงคริสมาสต์ เลยมีต้นคริสมาสต์ตั้งอยู่ด้านหน้าครับ)
ภายในสวยมากๆครับ ชมกันเองเลย ไปตอนเย็นๆ กำลังจะค่ำ ฟ้าสีน้ำเงินนิดๆ เปิดไฟกันแล้วสวยมากๆ จริงๆถ่ายรูปตรงนี้แล้วรีบไปถ่ายกับโบสถ์มิลานด้านนอกตอนฟ้าเป็นสีฟ้าด้วยก็จะสวยมากๆครับ
3. Castello Sforzesco ปราสาทเก่ากับสวนสาธารณะกว้างๆ ณ กลางกรุงมิลาน
ที่นี่ถ้ามีเวลา ก็ควรมาครับ ถ้าไม่มีเวลาก็จะตัดทิ้งก็ได้ (แต่ผมก็ว่าสวยมากอยู่นะ มาดีกว่า 555+)
เป็นป้อมปราการเก่า และสวนทางด้านหลังก็กว้าง มีวิวสวยๆเยอะ ตอนผมไปเป็นช่วงเริ่มเข้าฤดูใบไม้ร่วง เลยสวยน้อยลงมานิด แต่ถ้าไปช่วยเขียวๆจะสวยมากๆครับ
การเดินทางคือ นั่ง metro มาลงสถานี Cairoli ครับ ออกมาจากสถานีก็เจอที่นี่ด้านหน้าเลย
ส่วนนี้คือประตูชัย Arco della Pace อยู่ด้านหลังสวนของ Castello Sforzesco อีกทีครับ
4. สถานีรถไฟ Milano Centrale สถานทีรถไฟสวย ภายในอลังการ
คาดว่าคนที่มาเที่ยวเมืองมิลาน ไงๆก็ต้องได้เจอสถานีรถไฟนี้อยู่แล้วครับ เลยเอารูปมาให้ลงดูกันพอหอมปากหอมคอ (ของจริง โถงดูสูงใหญ่ อลังการกว่าในรูปถ่ายเยอะครับ)
การเดินทางก็คือนั่ง metro มาที่สถานี Centrale ครับ
5. โรงแรมที่พัก Grand Hotel Puccini
โรงแรมนี้ปกติๆครับ ไม่พิเศษหรือดีเด่อะไรยังไง จะเลือกพักตามก็ได้ครับ แต่ก็ไม่ถึงกับแนะนำครับ เพราะไม่ได้อยู่ย่านท่องเที่ยว
แต่ที่เลือกที่นี่ เพราะที่โรงแรมนี้สามารถเดินจากสถานี Milano Centrale ไปได้ครับ ไกลนิดๆ แต่เดินได้ครับ
ถ้าไม่แคร์งบมาก นั่ง metro มาลงที่สถานี Lima ได้ แต่ถ้าของเยอะๆ ไม่แนะนำครับ เพราะว่าสถานีรถไฟที่มิลานคนเยอะ ของพะรุงพะรังอาจจะโดนฉกบนสถานีได้ เดินเอาดีกว่านะผมว่า
6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ
การนั่งรถ metro ที่นี่ ตั๋วจะขายร้านสะดวกซื้อคล้ายๆร้านขายของชำด้านในสถานี ตอนแรกคิดว่าจะมีตู้ขายตั๋วแบบเป็นทางการขาย แต่ไม่มีครับ ซื้อกับร้านสะดวกซื้อเลย บอกเค้าว่าลงสถานีไหน เดี๋ยวเค้าจะให้ตั๋วมา แต่ไม่ต้องงงนะครับ ว่าไปใกล้กับไกล ทำไมราคาตั๋วเท่ากัน ... ไม่ว่าไปไหนก็ราคาเท่ากันครับ แต่ที่ต้องบอกสถานีนั้น เพราะว่าตั๋วมันจะแยกทิศกันครับ เช่นไปทางใต้ หรือทางเหนือ แต่ไม่ว่าจะลงสถานีไหนๆ ก็ราคาเดียวกันครับ ตอนผมไป 1.5 ยูโร ปัจจุบันอาจจะเปลี่ยนราคาได้ครับ
ผู้คนที่นี่แต่งตัวแฟชั่นหนักๆ เสื้อหนัง ขนมิ้งฟูฟ่อง จูงหมาป่า(ป่าจริงๆ)เดินไปมาบนถนนก็มี ที่นี่มีรถไฟใต้ดินที่คุณสามารถเดินทางไปที่เที่ยวต่างๆได้ในราคาเดียวกันสุดสาย (ดังนั้นถ้าเดินทางสายสั้นๆจะไม่คุ้ม)
ผมจะลงภาพสถานที่ต่างๆไว้คร่าวๆไว้พิจารณานะครับ
1. Milan Cathedral: Milano Duomo (Italian) โบสถ์มหาวิหารมิลาน
ที่โบสถ์นี้ นอกจากถ่ายด้านหน้าโบสถ์ ข้างโบสถ์ และภายในโบสถ์แล้ว คุณยังสามารถซื้อตั๋วขึ้นไปบนหลังคาโบสถ์ได้ (ซึ่งถือว่าแนะนำมากๆ) ต้องขึ้นไปชมครับ
การเดินทางมาที่นี่คือ นั่ง metro มาลงสถานี Duomo ครับ
เมื่อขึ้นไปบนหลังคาโบสถ์ คุณจะได้เห็นวิวแบบนี้ครับ
ต่อมาเป็นวิวภายในตัวโบสถ์มิลานครับ
ปิดถ้ายด้วยภาพ Milan Cathedral ยามค่ำๆครับ แสงไฟสวยดี
ภาพนี้คือลานด้านหน้าโบสถ์ครับ ชื่อว่า Piazza del Duomo
2. Galleria Vittorio Emanuele II ห้างหรูสถาปัตยกรรมเลิศแห่งมิลาน
ห้างนี้เป็นห้างที่ภายในสวยเว่อร์วังมากๆ แต่ร้านค้าอะไรไม่มีเยอะหรอกครับ มีแต่ร้านแพงๆ แต่เข้าไปถ่ายรูปได้เลย สวยมากๆ (ถ้าจะช้อปพวก Versace, Prada, Louis Vuitton, Tod's, Massimo Dutti ที่นี่มีครับ แต่ไม่ใช่ Outlet นะครับ ช้อปแพงเลย)
ที่นี่ติดกับโบสถ์มหาวิหารมิลานเลยครับ ดังนั้นเดินทางมาวิธีเดียวกัน เข้าไปได้เลย (ปล. ตอนผมไปช่วงคริสมาสต์ เลยมีต้นคริสมาสต์ตั้งอยู่ด้านหน้าครับ)
ภายในสวยมากๆครับ ชมกันเองเลย ไปตอนเย็นๆ กำลังจะค่ำ ฟ้าสีน้ำเงินนิดๆ เปิดไฟกันแล้วสวยมากๆ จริงๆถ่ายรูปตรงนี้แล้วรีบไปถ่ายกับโบสถ์มิลานด้านนอกตอนฟ้าเป็นสีฟ้าด้วยก็จะสวยมากๆครับ
3. Castello Sforzesco ปราสาทเก่ากับสวนสาธารณะกว้างๆ ณ กลางกรุงมิลาน
ที่นี่ถ้ามีเวลา ก็ควรมาครับ ถ้าไม่มีเวลาก็จะตัดทิ้งก็ได้ (แต่ผมก็ว่าสวยมากอยู่นะ มาดีกว่า 555+)
เป็นป้อมปราการเก่า และสวนทางด้านหลังก็กว้าง มีวิวสวยๆเยอะ ตอนผมไปเป็นช่วงเริ่มเข้าฤดูใบไม้ร่วง เลยสวยน้อยลงมานิด แต่ถ้าไปช่วยเขียวๆจะสวยมากๆครับ
การเดินทางคือ นั่ง metro มาลงสถานี Cairoli ครับ ออกมาจากสถานีก็เจอที่นี่ด้านหน้าเลย
ส่วนนี้คือประตูชัย Arco della Pace อยู่ด้านหลังสวนของ Castello Sforzesco อีกทีครับ
4. สถานีรถไฟ Milano Centrale สถานทีรถไฟสวย ภายในอลังการ
คาดว่าคนที่มาเที่ยวเมืองมิลาน ไงๆก็ต้องได้เจอสถานีรถไฟนี้อยู่แล้วครับ เลยเอารูปมาให้ลงดูกันพอหอมปากหอมคอ (ของจริง โถงดูสูงใหญ่ อลังการกว่าในรูปถ่ายเยอะครับ)
การเดินทางก็คือนั่ง metro มาที่สถานี Centrale ครับ
5. โรงแรมที่พัก Grand Hotel Puccini
โรงแรมนี้ปกติๆครับ ไม่พิเศษหรือดีเด่อะไรยังไง จะเลือกพักตามก็ได้ครับ แต่ก็ไม่ถึงกับแนะนำครับ เพราะไม่ได้อยู่ย่านท่องเที่ยว
แต่ที่เลือกที่นี่ เพราะที่โรงแรมนี้สามารถเดินจากสถานี Milano Centrale ไปได้ครับ ไกลนิดๆ แต่เดินได้ครับ
ถ้าไม่แคร์งบมาก นั่ง metro มาลงที่สถานี Lima ได้ แต่ถ้าของเยอะๆ ไม่แนะนำครับ เพราะว่าสถานีรถไฟที่มิลานคนเยอะ ของพะรุงพะรังอาจจะโดนฉกบนสถานีได้ เดินเอาดีกว่านะผมว่า
6. ข้อเสนอแนะอื่นๆ
การนั่งรถ metro ที่นี่ ตั๋วจะขายร้านสะดวกซื้อคล้ายๆร้านขายของชำด้านในสถานี ตอนแรกคิดว่าจะมีตู้ขายตั๋วแบบเป็นทางการขาย แต่ไม่มีครับ ซื้อกับร้านสะดวกซื้อเลย บอกเค้าว่าลงสถานีไหน เดี๋ยวเค้าจะให้ตั๋วมา แต่ไม่ต้องงงนะครับ ว่าไปใกล้กับไกล ทำไมราคาตั๋วเท่ากัน ... ไม่ว่าไปไหนก็ราคาเท่ากันครับ แต่ที่ต้องบอกสถานีนั้น เพราะว่าตั๋วมันจะแยกทิศกันครับ เช่นไปทางใต้ หรือทางเหนือ แต่ไม่ว่าจะลงสถานีไหนๆ ก็ราคาเดียวกันครับ ตอนผมไป 1.5 ยูโร ปัจจุบันอาจจะเปลี่ยนราคาได้ครับ
แว่นตาบอดสี EnChroma แก้ตาบอดสีได้แค่ไหน?
สำหรับคนที่ตาบอดสี หรือมีญาติตาบอดสี อาจจะเคยเห็นคลิปเกี่ยวกับคนใช้แว่นตาที่คล้ายๆแว่นกันแดดยี่ห้อ EnChroma กันมาบ้าง ซึ่งเป็นแว่นที่มีชิ้นเลนส์แก้อาการตาบอดสีครับ
อย่างไรก็ตาม บางทีญาติๆได้ข่าวก็ซื้อมาเซอร์ไพร์สหรือเจ้าตัวที่ตาบอดสีเอง เห็นข่าวแล้วก็รีบซื้อมาใช้เลยก็มี ... แต่จริงๆแล้ว อย่ารีบร้อยจ่ายเงินสั่งซื้อออนไลน์ครับ (ถึงแว่นเค้าจะส่งคืนได้ก็เถอะ)
เพราะว่าอาการตาบอดสีมีหลายแบบหลายระดับ และแว่นของ EnChroma นั้น แก้ไม่ได้ทุกแบบทุกประเภทครับ (ดังนั้น หากเสิร์ชคลิปดูใน Youtube คุณจะเห็นว่าบางคนใส่แล้วร้องไห้ หรือตื่นเต้นมากๆ บางคนออกแนวตื่นเต้นแบบไม่มาก หรือบอกแค่มันชัด มันไฮไลท์ขึ้นเท่านั้นเอง) ควรจะทดสอบดูก่อน ว่าคุณหรือญาตินั้น ตาบอดสี ระดับไหน?
วันนี้ก็จะมาลิสต์อาการและประเภทของตาบอดสีให้อ่านคร่าวๆครับ (เอามาจากเวบ EnChroma อีกทีนี่แหละครับ)
ตาบอดสีมี 3 แบบครับ
1. Deutan
2. Protan
3. Tritan
โดยจะอธิบายตามนี้ครับ
1. Deutan นั้น คืออาการที่มอง "สีเขียว" ได้ไม่หมด และเซนส์ต่อเหลือง ส้ม แดง ได้มากเกินควร
ผลลัพธ์คือแยกสี เขียว เหลือง ส้มแดง น้ำตาล ได้ไม่ค่อยออกมาก
บางครั้งก็อาจจะมีแยก ม่วงกับน้ำเงิน หรือ ชมพูกับเท่า ได้ยากเช่นกัน
แบ่งได้อีก 3 ระดับคือน้อย(mild) กลาง(moderate) มาก(strong)
โอกาสสำเร็จคือ 95% 90% และ 70% ตามลำดับ
ดังนั้น ถ้าคุณอยู่กลุ่ม Deutan ก็น่าซื้อ EnChroma มาลองมากๆครับ
2. Protan นั้น คืออาการที่มอง "สีแดง" ได้ไม่หมด และเซนส์ต่อเขียว เหลือง ส้ม ได้มากเกินควร
ผลลัพธ์คือแยกสีไม่ค่อยได้แบบเดียวกับ Deutan ครับ คือแยกสีเขียว เหลือง ส้ม แดง น้ำตาล ได้ไม่ค่อยมากเหมือนกัน (แต่คนละสาเหตุกับ Deutan)
แต่มองเห็นต่างจาก Deutan คือจะเห็นแดงเป็นเทาๆดำๆครับ
แบ่งเป็น 3 ระดับเหมือน Deutan ครับ คือน้อย(mild) กลาง(moderate) มาก(strong)
โอกาสสำเร็จคือ 80% 75% 30% ตามลำดับครับ
คือถ้าเป็น strong protan โอกาสสำเร็จมีแค่ 30% ก็ทำใจนิดนึงว่าอาจจะแก้ไม่ได้ดังหวังครับ (แต่ก็ยังน่าลองเนอะ)
3. Tritan อันนี้จะบอดสีฟ้ากับเหลืองครับ เค้าบอกว่า Enchroma ช่วยแบบนี้ไม่ค่อยได้นัก
แต่ถ้าจะซื้อมาลองก็ตามใจครับ เค้าบอกว่าส่งคืนได้ แต่ถ้าอยู่ไทยสั่งมา ค่าส่งก็น่าจะแพงเหมือนกัน อาจจะไม่คุ้มครับ
นอกจากนั้น บางคนใส่แล้ว ต้องปรับตาหลายนาที หรือบางทีเป็นสัปดาห์ก็มีครับ (ทางเวบบอกว่าถ้าเป็น strong Protan ควรลองใส่นานเป็นสัปดาห์เผื่อเปลี่ยนแปลง) แต่บางคนใส่แล้วเห็นความต่า่งทันทีก็มีครับ
ทีนี้ ถ้าคุณไม่รู้ว่าคุณอยู่กลุ่มไหนประเภทไหน ให้ไปหาหมอตาเพื่อตรวจดูครับ ถ้าเป็น mild deutan ก็น่าซื้อมาใช้มากๆครับ เพราะแก้ได้เกือบจะเป็นเหมือนคนปกติเลย แต่ถ้าเป็นมากกว่านั้น อาจจะไม่ถึงกับเห็นเหมือนคนปกติ แต่แก้บางสีบางเชดได้
หรือถ้าอยากทดสอบทางเนท ก็ลองที่เวบของ EnChroma ที่เวบ http://enchroma.com/test/ ดูได้ครับ
อย่างไรก็ตาม บางทีญาติๆได้ข่าวก็ซื้อมาเซอร์ไพร์สหรือเจ้าตัวที่ตาบอดสีเอง เห็นข่าวแล้วก็รีบซื้อมาใช้เลยก็มี ... แต่จริงๆแล้ว อย่ารีบร้อยจ่ายเงินสั่งซื้อออนไลน์ครับ (ถึงแว่นเค้าจะส่งคืนได้ก็เถอะ)
เพราะว่าอาการตาบอดสีมีหลายแบบหลายระดับ และแว่นของ EnChroma นั้น แก้ไม่ได้ทุกแบบทุกประเภทครับ (ดังนั้น หากเสิร์ชคลิปดูใน Youtube คุณจะเห็นว่าบางคนใส่แล้วร้องไห้ หรือตื่นเต้นมากๆ บางคนออกแนวตื่นเต้นแบบไม่มาก หรือบอกแค่มันชัด มันไฮไลท์ขึ้นเท่านั้นเอง) ควรจะทดสอบดูก่อน ว่าคุณหรือญาตินั้น ตาบอดสี ระดับไหน?
วันนี้ก็จะมาลิสต์อาการและประเภทของตาบอดสีให้อ่านคร่าวๆครับ (เอามาจากเวบ EnChroma อีกทีนี่แหละครับ)
ตาบอดสีมี 3 แบบครับ
1. Deutan
2. Protan
3. Tritan
โดยจะอธิบายตามนี้ครับ
1. Deutan นั้น คืออาการที่มอง "สีเขียว" ได้ไม่หมด และเซนส์ต่อเหลือง ส้ม แดง ได้มากเกินควร
ผลลัพธ์คือแยกสี เขียว เหลือง ส้มแดง น้ำตาล ได้ไม่ค่อยออกมาก
บางครั้งก็อาจจะมีแยก ม่วงกับน้ำเงิน หรือ ชมพูกับเท่า ได้ยากเช่นกัน
แบ่งได้อีก 3 ระดับคือน้อย(mild) กลาง(moderate) มาก(strong)
โอกาสสำเร็จคือ 95% 90% และ 70% ตามลำดับ
ดังนั้น ถ้าคุณอยู่กลุ่ม Deutan ก็น่าซื้อ EnChroma มาลองมากๆครับ
2. Protan นั้น คืออาการที่มอง "สีแดง" ได้ไม่หมด และเซนส์ต่อเขียว เหลือง ส้ม ได้มากเกินควร
ผลลัพธ์คือแยกสีไม่ค่อยได้แบบเดียวกับ Deutan ครับ คือแยกสีเขียว เหลือง ส้ม แดง น้ำตาล ได้ไม่ค่อยมากเหมือนกัน (แต่คนละสาเหตุกับ Deutan)
แต่มองเห็นต่างจาก Deutan คือจะเห็นแดงเป็นเทาๆดำๆครับ
แบ่งเป็น 3 ระดับเหมือน Deutan ครับ คือน้อย(mild) กลาง(moderate) มาก(strong)
โอกาสสำเร็จคือ 80% 75% 30% ตามลำดับครับ
คือถ้าเป็น strong protan โอกาสสำเร็จมีแค่ 30% ก็ทำใจนิดนึงว่าอาจจะแก้ไม่ได้ดังหวังครับ (แต่ก็ยังน่าลองเนอะ)
3. Tritan อันนี้จะบอดสีฟ้ากับเหลืองครับ เค้าบอกว่า Enchroma ช่วยแบบนี้ไม่ค่อยได้นัก
แต่ถ้าจะซื้อมาลองก็ตามใจครับ เค้าบอกว่าส่งคืนได้ แต่ถ้าอยู่ไทยสั่งมา ค่าส่งก็น่าจะแพงเหมือนกัน อาจจะไม่คุ้มครับ
นอกจากนั้น บางคนใส่แล้ว ต้องปรับตาหลายนาที หรือบางทีเป็นสัปดาห์ก็มีครับ (ทางเวบบอกว่าถ้าเป็น strong Protan ควรลองใส่นานเป็นสัปดาห์เผื่อเปลี่ยนแปลง) แต่บางคนใส่แล้วเห็นความต่า่งทันทีก็มีครับ
ทีนี้ ถ้าคุณไม่รู้ว่าคุณอยู่กลุ่มไหนประเภทไหน ให้ไปหาหมอตาเพื่อตรวจดูครับ ถ้าเป็น mild deutan ก็น่าซื้อมาใช้มากๆครับ เพราะแก้ได้เกือบจะเป็นเหมือนคนปกติเลย แต่ถ้าเป็นมากกว่านั้น อาจจะไม่ถึงกับเห็นเหมือนคนปกติ แต่แก้บางสีบางเชดได้
หรือถ้าอยากทดสอบทางเนท ก็ลองที่เวบของ EnChroma ที่เวบ http://enchroma.com/test/ ดูได้ครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)