กระเป๋าแบรนด์เนม ราคา 2 หมื่นจนถึงหลักหลายแสน ... หลายๆคนคงแบบว่า เอาเงินไปดาวน์หรือซื้อรถไปเลยดีกว่าไหม?
สินค้าพวกนี้ค่อนข้างเป็นสินค้าที่จัดว่าฟุ่มเฟือยอย่างนึง ... แต่คนที่ชอบก็อาจจะบอกได้ว่า ชอบดีไซน์ ชอบความเป็นออริจินัล ชอบความทนทาน บลาๆๆๆ
แต่สุดท้าย จะชอบยังไงก็เหอะ แต่เสื้อเชิ๊ต เสื้อยืด เสื้อโปโล อะไรพวกนี้ ที่มันดีไซน์ "ซ้ำๆ" กันเนี่ย (คือก็ไม่ได้ออริจินัลหรือดีไซน์ต่างจากชาวบ้านแต่อย่างใด) มันมีอะไรดี ทำไมแบรนด์เนมขายกันมาแบบว่าหลักหมื่น!!
ว่าแล้วก็ขอพาชมครับ ผมไม่ค่อยมีของอะไรพวกนี้หรอกครับ ถ้าใช้เป็นประจำคงไม่เอามาโพสต์เพราะมองเป็นเรื่องปกติ ... แต่เพราะผมมองว่าไม่ใช่เรื่องปกติ เลยเอามาโพสต์ลงบล็อค 555+
เสื้อตัวนี้เป็นเสื้อโปโลของ Burberry นะครับ รุ่นที่มีเข็มกลัดติดที่หน้าอก ในไลน์ Prorsum ที่แพงสุดของ Burberry เค้า
ซึ่งถ้าดูจากเวบ Burberry เอง ณ ปัจจุบัน ตอนนี้ขายอยู่ที่ 325 ปอนด์ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 16,250 บาท)
ส่วนรุ่นที่ผมจะรีวิว เป็นรุ่นก่อนหน้านี้ครับ เบอร์เบอร์รี่จะเปลี่ยนเข็มกลัดเรื่อยๆ รุ่นเก่าที่ได้มารีวิวคือรูปดอกไม้ แหววมาก ตามในภาพ
เชคราคาก่อนเลิกขายแบบยังไม่เซลล์ของรุ่นนี้คือ 295 ปอนด์ (หมายความว่าราคาขึ้นหรอ? -*-) ตีเป็นเงินไทยก็ 14,750 บาทได้
เสื้อโปโลบ้าอะไรหลักหมื่น (พันกว่าบาทยังว่าเว่อร์เลย เนื้อดีๆหน่อย 350-750 ก็พอแล้ว ... ยังนึกถึงวันที่ไปช้อปโปโล AIIZ ตอนเซลล์ราคา 250 บาทเมื่อปีกว่าๆแล้วรู้สึกว่ามันโอเค ตอนนี้เสื้อผ้าก็ยังดีอยู่เลย)
ว่าแล้วก็ดูกันชัดๆเลยดีกว่า เสื้อโปโลหมื่นกว่า -*-
ดูทั้งตัว ถ้าไม่รีดให้เรียบ ก็ดูไม่มีราศีเท่าใด (แต่รีดแล้วก็ไม่รู้ว่าจะออกมาเว่อร์วังจริงหรือไม่ 555+)
ดูเนื้อผ้า แล้วก็รอยเย็บด้านข้างใกล้ๆ
ผมถ่ายรูปมาแบบใกล้ๆให้ดูกันเอาเองนะครับว่าเป็นอย่างไร
ที่เห็นคร่าวๆคือ ใช่ครับ เนื้อผ้าดีมากๆ (แต่มันดีถึงหมื่นหรือ?)
การตัดเย็บ ค่อนข้างเนี๊ยบ (แต่สมราคาหรือ)
การติดโลโก้ยี่ห้อ ก็อืมดูดี โอเค มีด้ายใหญ่ๆรั้งไว้สองข้างด้วย
ตามด้วยขอบชายเสื้อด้านล่าง
พามาดูกระดุม กระดุมก็พลาสติกอยู่นะ ไม่ได้เอาหยกมาทำ 555+
ของแท้ต้อง burberry กะ prorsum หรือ กับ brit หรือ london ก็ว่าไป ไม่ใช่คำว่า burberry สองอัน (สองอันก็แท้นะ แต่จะเป็นรุ่นเก่าๆ ถ้ารุ่นไม่เก่ามาก จะไม่ใช้ burberry สองคำที่กระดุมแล้ว แต่ก็แล้วแต่รุ่นเหมือนกัน)
ชายด้านใน
เข็มหมุด ... เอิ่ม ... ใครออกแบบเนี่ย
ปกเสื้อ
หมดละ ให้ดูภาพเท่านี้เป็นพอ
ถามว่าเนื้อผ้า การตัดเย็บ ดีกว่าเสื้อโปโลราคาต่ำกว่า 500 ไหม? ผมว่าดีกว่า
แต่!! มันดูแล้ว เท่าๆกับเสื้อยี่ห้อแบรนด์ไทย ราคาสัก 1,500 บาท ที่ไม่มีตำหนิแล้วขึ้นห้างอ่ะครับ (จริงๆ Burberry เองก็มีหลายๆรุ่นที่ผลิตในไทยนะ เช่นไลน์ Brit เป็นต้น รวมๆแล้วฝีมือแรงงานไม่ได้ต่างกันอ่ะ เอาจริงๆ)
แล้วถ้าดูเผินๆไม่พิจารณามากมาย มันก็พอๆกันเสื้อราคาสัก 500-750 รุ่นหรือยี่ห้อที่พิถีพิถันตั้งใจทำดีๆหน่อยเหมือนกัน ไม่ได้ต่างกันมากมายขนาดนั้น
สรุปแล้ว ... ความเห็นส่วนตัวนะ ... เสื้อดี ดีมากๆแหละ แต่ ... ไม่น่าถึงหมื่นห้าเนอะ 555+
ราคาได้เพราะแบรนด์อย่างเดียวเลยครับ
ในที่สุด Valentina Lisitsa ก็ลงดาบกับ Chopin Ballade No.1 Op.23 G Minor!!
หลายๆคนที่เป็นแฟนๆเจ๊ Valentina Lisitsa นั้น คงจะคุ้นเคยกันดีกับการเล่นเปียโนในสไตล์หนักแน่น แหลมคม และเท่ไม่เหมือนใคร ครั้นเวลาเจ๊แกจะเล่นเพลงนุ่มๆ เจ๊แกก็ทำได้ดี แต่นั่นไม่ใช่บุคลิกหลักของเจ๊ ... ก็เลยไม่คาดคิดมาก่อน ว่าจะได้ยิน Chopin Ballade หมายเลข 1 จากฝีมือเจ๊เค้า!!
แต่แล้ว อยู่ๆที่สับตะไคร้ไว้ ก็บอกมาว่า ช่องของ Valentina Lisitsa เค้าอัพคลิปใหม่แล้ว และเพลงนั้น ก็คือ Chopin Ballade No.1 Op.23 G Minor!! โอ้ว แม่เจ้า!! ไม่น่าเชื่อ!!
ว่าแล้วก็ต้องฟังกันดูครับ
...
ไม่น่าเชื่อ ว่าจะเพราะมากกกกกกกกกกก!!
คือรู้อยู่แล้ว ว่าเค้าระดับโลก แต่ระดับโลกหลายๆคนก็เล่นเพลงนี้ไม่ได้เพราะอะไรมากมาย(ในความคิดผมอ่ะนะ) ไม่ว่าจะ Vladimir Horowitz หรือ Evgeny Kissin ก็ไม่เข้าหูผมอ่ะ บ่องตง
เวอร์ชั่นที่ผมชอบจริงๆคือของ Krystian Zimerman คนเดียวจริงๆ
... แต่พอมาฟัง Valentina ... ไม่ถึงกับชอบเท่า Zimerman แต่ก็ชอบมากอ่ะครับ อาจจะเป็นเพราะไม่คิดว่าเจ๊เค้าจะเล่นเพลงนี้ได้ดีด้วยอ่ะนะ ก็เลยปลื้มนิดหน่อย แม้เจ๊จะเร่งๆไปนิด แต่ก็ยังเพราะติดหูดีจัง
ก็ ... หวังว่าจะได้ยิน No.2 ตามมาครับ No.2 น่าจะเหมาะกับเจ๊มากกว่าด้วย ^ ^ (รอลุ้นครับ ไหนๆก็ปล่อย No.1 มาแล้ว)
แต่แล้ว อยู่ๆที่สับตะไคร้ไว้ ก็บอกมาว่า ช่องของ Valentina Lisitsa เค้าอัพคลิปใหม่แล้ว และเพลงนั้น ก็คือ Chopin Ballade No.1 Op.23 G Minor!! โอ้ว แม่เจ้า!! ไม่น่าเชื่อ!!
ว่าแล้วก็ต้องฟังกันดูครับ
ไม่น่าเชื่อ ว่าจะเพราะมากกกกกกกกกกก!!
คือรู้อยู่แล้ว ว่าเค้าระดับโลก แต่ระดับโลกหลายๆคนก็เล่นเพลงนี้ไม่ได้เพราะอะไรมากมาย(ในความคิดผมอ่ะนะ) ไม่ว่าจะ Vladimir Horowitz หรือ Evgeny Kissin ก็ไม่เข้าหูผมอ่ะ บ่องตง
เวอร์ชั่นที่ผมชอบจริงๆคือของ Krystian Zimerman คนเดียวจริงๆ
... แต่พอมาฟัง Valentina ... ไม่ถึงกับชอบเท่า Zimerman แต่ก็ชอบมากอ่ะครับ อาจจะเป็นเพราะไม่คิดว่าเจ๊เค้าจะเล่นเพลงนี้ได้ดีด้วยอ่ะนะ ก็เลยปลื้มนิดหน่อย แม้เจ๊จะเร่งๆไปนิด แต่ก็ยังเพราะติดหูดีจัง
ก็ ... หวังว่าจะได้ยิน No.2 ตามมาครับ No.2 น่าจะเหมาะกับเจ๊มากกว่าด้วย ^ ^ (รอลุ้นครับ ไหนๆก็ปล่อย No.1 มาแล้ว)
รีวิว รองเท้า Dior Homme Black Sneaker แบบว่าอยากอวด ^ ^
เกริ่นไว้ก่อน ว่าของแท้ 100% นะครับ เพราะว่าไม่ใช่เวบขายของนะเธอว์ 555+ ... เป็นเวบอวดรองเท้า ชั่วคราวครับ กับรองเท้าใหม่ ที่ยังมีความเห่อติดอยู่บนรองเท้าอย่างเต็มเปี่ยมครับ กับรองเท้าชาย Dior Sneaker สีดำครับ
หน้าตาแบบนี้ครับ ชะแว้บบ!! ไซส์ 6.5 UK ซึ่งแท้จริงแล้ว มันคือขนาด 7.5 มากกว่าครับ รองเท้าฝรั่งเศส-อิตาลี ส่วนใหญ่ต้องบวกเพิ่มอีกไซส์นึงครับ -*- (ก็เลยส่งคืนตามระเบียบ ... แล้วไซส์พอดีกำลังจะตามมาอีกที อิอิ)
รุ่นนี้คือ Black Sneaker คือเป็นรองเท้าสีดำธรรมดาๆ หน้าตาของมันนั้น ตอนดูในเวบไซต์หรืออะไรก็ตาม มันดูธรรมดาๆ ไม่ต่างจากรองเท้ารุ่นกลางๆจากยี่ห้อกลุ่ม high street เท่าไหร่
แต่พอเห็นตัวจริง แม้จะเป็นรุ่นล่างของแบรนด์ High End ที่ราคาไม่ได้รุนแรงแต่อย่างใด แต่รัศมีก็จับพอสมควร สมแบรนด์อยู่เหมือนกัน
คลิปโลหะที่ติดที่สายรองเท้า Dior นี้ ... ของแท้ต้องมีข้างเดียวนะครับ อย่าตกใจถ้ามันมีมาแค่นี้ ของปลอมอาจจะมีมาสองข้างได้ เหอๆๆ
ด้านหลังกับด้านหน้า เป็นหนัง Suede ด้านหลังมีโลโก้ CD ติดไว้เรียบๆ
สำหรับคนที่ไม่ชอบรองเท้าที่บ่งบอกยี่ห้อจนเกินไป (คือบางคนก็ว่ามัน Tacky แม้จะแพง เช่น Louis Vuitton ลาย Monogram หรือ Damier ต่างๆ ... ถ้าจะเลือกรุ่นที่ไม่มีลาย ราคาก็ดันแพงขึ้นสองเท่าซะอีก -*-)
ภายในบุ Dior ไว้เรียบๆ
กล่องเยินนิดหน่อย ซื้อมาจากเวบ Outlet ที่อังกฤษครับ คาดว่าทุกคนที่นี่เดาได้ว่าเวบอะไร อุอุ
ข้อดีของการซื้อผ่านเวบคือได้กล่องครับ ซื้อที่ร้านไม่ได้ ... แถมผ่านมือใครต่อใครจนเยิน ใส่ไม่พอดี ค่อยคืนก็ไม่สาย
ดูรูปกันไปยาวๆครับ
ตัวจริง ทรงมันดูเรียวกว่าในรูปครับ ตอนมองเอียงนิดๆน่ะครับ
มีปักคำว่า Dior Homme ไว้ที่ด้านข้าง
สำหรับความเก่าของรองเท้า เชคได้ ว่ารุ่นนี้ยังมีขายในเวบหลักหรือเปล่า ถ้ายังมีอยู่ แสดงว่าโอเคน่า ยังไม่ตกรุ่นมากมาย หรืออาจจะเป็นรุ่นนิยมที่ยังผลิตอยู่ สอยได้เลย ... ซึ่งก็มีให้เห็นตามในภาพครับ ^ ^
ก็จบการอวดแต่เพียงเท่านี้ครับ ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านี้ หุหุหุ ^ ^
แบบว่าที่อังกฤษมันมีให้ชอปเยอะเหมือนกัน ราคาส่วนใหญ่ก็ไม่ต่างจากในไทยหรอกครับ แต่มันมีรุ่นลดราคาขายอยู่บ้าง ซึ่งมีดีตรงนี้ และไม่ต้องกังวลว่ารุ่นที่ซื้อมาแท้หรือก๊อป ปล.อย่าซื้อในอีเบย์นะครับ ก๊อปเพียบ -*- (แม้จะขายในประเทศฝั่งยุโรป)
หน้าตาแบบนี้ครับ ชะแว้บบ!! ไซส์ 6.5 UK ซึ่งแท้จริงแล้ว มันคือขนาด 7.5 มากกว่าครับ รองเท้าฝรั่งเศส-อิตาลี ส่วนใหญ่ต้องบวกเพิ่มอีกไซส์นึงครับ -*- (ก็เลยส่งคืนตามระเบียบ ... แล้วไซส์พอดีกำลังจะตามมาอีกที อิอิ)
รุ่นนี้คือ Black Sneaker คือเป็นรองเท้าสีดำธรรมดาๆ หน้าตาของมันนั้น ตอนดูในเวบไซต์หรืออะไรก็ตาม มันดูธรรมดาๆ ไม่ต่างจากรองเท้ารุ่นกลางๆจากยี่ห้อกลุ่ม high street เท่าไหร่
แต่พอเห็นตัวจริง แม้จะเป็นรุ่นล่างของแบรนด์ High End ที่ราคาไม่ได้รุนแรงแต่อย่างใด แต่รัศมีก็จับพอสมควร สมแบรนด์อยู่เหมือนกัน
คลิปโลหะที่ติดที่สายรองเท้า Dior นี้ ... ของแท้ต้องมีข้างเดียวนะครับ อย่าตกใจถ้ามันมีมาแค่นี้ ของปลอมอาจจะมีมาสองข้างได้ เหอๆๆ
ด้านหลังกับด้านหน้า เป็นหนัง Suede ด้านหลังมีโลโก้ CD ติดไว้เรียบๆ
สำหรับคนที่ไม่ชอบรองเท้าที่บ่งบอกยี่ห้อจนเกินไป (คือบางคนก็ว่ามัน Tacky แม้จะแพง เช่น Louis Vuitton ลาย Monogram หรือ Damier ต่างๆ ... ถ้าจะเลือกรุ่นที่ไม่มีลาย ราคาก็ดันแพงขึ้นสองเท่าซะอีก -*-)
ภายในบุ Dior ไว้เรียบๆ
กล่องเยินนิดหน่อย ซื้อมาจากเวบ Outlet ที่อังกฤษครับ คาดว่าทุกคนที่นี่เดาได้ว่าเวบอะไร อุอุ
ข้อดีของการซื้อผ่านเวบคือได้กล่องครับ ซื้อที่ร้านไม่ได้ ... แถมผ่านมือใครต่อใครจนเยิน ใส่ไม่พอดี ค่อยคืนก็ไม่สาย
ดูรูปกันไปยาวๆครับ
ตัวจริง ทรงมันดูเรียวกว่าในรูปครับ ตอนมองเอียงนิดๆน่ะครับ
มีปักคำว่า Dior Homme ไว้ที่ด้านข้าง
สำหรับความเก่าของรองเท้า เชคได้ ว่ารุ่นนี้ยังมีขายในเวบหลักหรือเปล่า ถ้ายังมีอยู่ แสดงว่าโอเคน่า ยังไม่ตกรุ่นมากมาย หรืออาจจะเป็นรุ่นนิยมที่ยังผลิตอยู่ สอยได้เลย ... ซึ่งก็มีให้เห็นตามในภาพครับ ^ ^
ก็จบการอวดแต่เพียงเท่านี้ครับ ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านี้ หุหุหุ ^ ^
แบบว่าที่อังกฤษมันมีให้ชอปเยอะเหมือนกัน ราคาส่วนใหญ่ก็ไม่ต่างจากในไทยหรอกครับ แต่มันมีรุ่นลดราคาขายอยู่บ้าง ซึ่งมีดีตรงนี้ และไม่ต้องกังวลว่ารุ่นที่ซื้อมาแท้หรือก๊อป ปล.อย่าซื้อในอีเบย์นะครับ ก๊อปเพียบ -*- (แม้จะขายในประเทศฝั่งยุโรป)
ตัวละคร Final Fantasy XIII "Lightning" ได้เป็นพรีเซนเตอร์ Louis Vuitton
มันมาถึงจุดๆนี้ได้อย่างไร จุดที่ตัวละครในวิดีโอเกม ได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์ High End จากฝรั่งเศสอย่าง Louis Vuitton ...
เกริ่นหน่อยนึงก่อน ว่าก่อนหน้านี้ได้ไปโฉบร้าน Louis Vuitton ที่ Glasgow มา ... แล้วก็ต้องสะดุดกับภาพๆหนึ่ง จนต้องเหลียวหลังกลับไปมองและถ่ายรูปมาฝากกัน
นั่นก็คือ รูปของเจ๊ Lightning จาก Final Fantasy XIII นั่นเอง
เห็นแล้วแบบ ... เดี๋ยวนี้หานางแบบไม่ได้แล้วหรือ ถึงกับเอาตัวละครในเกมไปเป็นนางแบบ ... จะคิดแบบนี้ก็มองโลกในแง่ร้ายไป
ต้องบอกว่า "ตัวละครในเกมดึงดูดขนาดหลุยส์วิคตอง เอาไปเป็นพรีเซนเตอร์" ตะหากล่ะ! แฟนๆ FF ยิ่งโดยเฉพาะแฟนๆของเจ๊ Lightning ด้วยแล้ว คงจะเป็นปลื้มใช่ไหมล่ะ ^ ^
นอกจากภาพแล้ว ยังมีคลิปด้วยนะครับ เป็นคลิปที่ทาง Square-Enix ทำขึ้นมาเฉพาะ คาดว่าเป็นแคมเปญร่วมกันน่ะครับ ... แต่ก็นึกไม่ออกจริงๆว่า แบรนด์อย่างหลุยส์ อยู่ๆมาจับมือกะสแควร์อีนิกซ์ได้ไง หุหุหุ
ส่วนตัว มองแล้วก็ถือว่าเป็นสีสันอย่างนึงล่ะครับ
สาวกแบรนด์เนมที่ไม่เคยเล่นเกมก็คงมีงงกันบ้างล่ะนะครับ แต่สำหรับคอเกม คาดว่าก็คงงงเช่นกัน แต่งงคนละแบบ 555+
ส่วนใครที่ทั้งเป็นแฟน FF และเป็นแฟน LV ก็คงได้แต่ปลิ้มละนะ ^ ^
เกริ่นหน่อยนึงก่อน ว่าก่อนหน้านี้ได้ไปโฉบร้าน Louis Vuitton ที่ Glasgow มา ... แล้วก็ต้องสะดุดกับภาพๆหนึ่ง จนต้องเหลียวหลังกลับไปมองและถ่ายรูปมาฝากกัน
นั่นก็คือ รูปของเจ๊ Lightning จาก Final Fantasy XIII นั่นเอง
เห็นแล้วแบบ ... เดี๋ยวนี้หานางแบบไม่ได้แล้วหรือ ถึงกับเอาตัวละครในเกมไปเป็นนางแบบ ... จะคิดแบบนี้ก็มองโลกในแง่ร้ายไป
ต้องบอกว่า "ตัวละครในเกมดึงดูดขนาดหลุยส์วิคตอง เอาไปเป็นพรีเซนเตอร์" ตะหากล่ะ! แฟนๆ FF ยิ่งโดยเฉพาะแฟนๆของเจ๊ Lightning ด้วยแล้ว คงจะเป็นปลื้มใช่ไหมล่ะ ^ ^
นอกจากภาพแล้ว ยังมีคลิปด้วยนะครับ เป็นคลิปที่ทาง Square-Enix ทำขึ้นมาเฉพาะ คาดว่าเป็นแคมเปญร่วมกันน่ะครับ ... แต่ก็นึกไม่ออกจริงๆว่า แบรนด์อย่างหลุยส์ อยู่ๆมาจับมือกะสแควร์อีนิกซ์ได้ไง หุหุหุ
สาวกแบรนด์เนมที่ไม่เคยเล่นเกมก็คงมีงงกันบ้างล่ะนะครับ แต่สำหรับคอเกม คาดว่าก็คงงงเช่นกัน แต่งงคนละแบบ 555+
ส่วนใครที่ทั้งเป็นแฟน FF และเป็นแฟน LV ก็คงได้แต่ปลิ้มละนะ ^ ^
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)