Planet X ดาวดวงที่ 9 ดวงใหม่ในระบบสุริยะแทนที่พลูโต

หลังจากที่ดาวพลูโตถูกดีดออกจากสาระบบดาวเคราะห์ในระบบสุริยะของโลกเราที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางแล้ว ... ตอนนี้ กลายเป็นว่ามีทฤษฎีตัวใหม่ออกมาบอกอีกว่า ยังมีดาวเคราะห์ดวงที่ 9 ที่โคจรรอบระบบสุริยะของเราอย่างแท้จริงอยู่อีกดวง และคาดว่าจะยืนยันการดำรงอยู่และเผยแพร่ข้อมูลของมันออกมาได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า ... ดาวดวงนี้ยังไม่ได้ตั้งชื่อ และปัจจุบันขนานนามมันว่า Planet X
จากที่สันนิษฐานคร่าวๆ คาดว่าดาวดวงดังกล่าว เคลื่อนที่รอบวงโคจรดวงอาทิตย์ทีนึง ใช้เวลาถึง 15,000 ปีกันเลยทีเดียว ดังนั้นการที่จะยืนยันว่าดาวดังกล่าวโคจรรอบระบบสุริยะของเราจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
จากในคลิป เมื่อเทียบกับวงโคจรของเนปจูน ดาวเคราะห์วงนอกสุดในปัจจุบันแล้ว ถือว่ากว้างกว่ามากๆๆๆๆๆๆๆๆ เลยทีเดียว

ก็รอลุ้นกันครับในอีกไม่เกิน 5 ปี อาจจะเลทบ้างหรือไวกว่ากำหนดการบ้าง ก็รอชมโฉมหน้า Planet X นี้กันไว้ให้ดีๆครับ
อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของมันคือทำรูปเป็นสีฟ้า ซึ่งน่าจะเป็นดาวเคราะห์ประเภทเดียวกับ Neptune ครับ

พาชม Outlet ในอังกฤษ "TK Maxx" ครับ ^ ^

ในประเทศอังกฤษนั้น มี Outlet ดังๆหลายแห่งครับ บางแห่งก็จะเต็มไปด้วยแบรนด์ High End ก็มี อย่างเช่นที่ Bicester Village ที่เป็นที่นิยม หรืออื่นๆ
อย่างไรก็ตาม มี Outlet อีกเจ้าครับ ชื่อว่า TK Maxx ที่เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน เพราะว่ามันมีสาขาแทบทุกเมืองใหญ่ (นิยมเพราะมีร้านเยอะว่างั้น 555+) แบรนด์ High End นานๆจะหลุดมาครับ (มีบ้างแต่ไม่เยอะ) แต่แบรนด์พวก High Street จะมีเยอะแยะมากมายครับ แล้วแต่ละเดือนๆ ก็จะไม่ค่อยซ้ำกันด้วย อย่างเช่นช่วงนี้กระเป่า Michael Kors อาจจะเยอะ เดือนถัดมา อาจจะไม่มีให้เห็นเลยก็เป็นได้ ดังนั้น ถ้าอาศัยอยู่อังกฤษนานๆ การช้อปที่ TK Maxx ต้องขยันแวะชมครับ เดือนเว้นเดือน อะไรงี้ 555+

ว่าแล้วก็ขอพาชมเลยแล้วกันครับ ว่าสินค้าที่นี่ที่ผมสนใจและถ่ายรูปเก็บไว้ พร้อมราคา มีอะไรกันบ้าง (ปล. ช้อป TK Maxx จะมีเป็นซุ้มๆน่าเดินเหมือนเอาท์เลทเจ้าดังๆนะครับ ส่วนใหญ่ก็เอาของแต่ละยี่ห้อมารวมๆแขวนหรือวางขายในเชลฟ์ที่มีสินค้าประเภทเดียวกัน ก็เท่านั้นเองครับ

1. หมวดกระเป๋า

Calvin Klein Jeans ราคาประมาณ 950 บาท ถูกมากๆๆๆ

Michael Kors ใบนี้ประมาณ 7,500 บาท

Michael Kors ใบนี้จำราคาไม่ได้

Michael Kors ใบนี้ประมาณ 6,000 บาท

Ralph Lauren ใบนี้ 7,500 บาท

Ralph Lauren ใบนี้ 7,500 บาท

กระเป๋าถือ Ralph Lauren ใบนี้ประมาณ 500 บาท

2. หมวดรองเท้า

รองเท้า Geox ราคา 1,500 บาท

รองเท้า New Balance 574 ราคา 1,700 บาท

รองเท้าบูท Sketcher ราคา 1,000 บาท

รองเท้าหนัง Casual จาก Timberland 650 บาท (แม่เจ้า ถูกมาก)

รองเท้าหนังจาก Timberland 1,000 บาท

3. หมวดแว่นกันแดด

แว่นกันแดดจาก Givenchy 1,500 บาท

แว่นกันแดดจาก Givenchy 1,500 บาท

แว่นกันแดดจาก Givenchy 1,500 บาท

แว่นกันแดดจาก Givenchy 1,500 บาท ... ราคาเดียวกันหมด

แว่นกันแดดจาก Ray Ban ราคา 4,000 บาท 

4. หมวดกระเป๋าสตางค์

Fossil ราคา 750 บาท

Timberland 950 บาท

5. หมวดเบ็ดเตล็ด

เข็มข้ด Timberland 800 บาท

นาฬิกา Super Dry ราคา 750 บาท

ร่มจาก Esprit 400 บาท

ของบางอย่างในนี้ มีทั้งที่ซื้อมาใช้ส่วนตัวและถ่ายจากที่ในร้านครับ
รองเท้า Timberland ถูกๆอย่างที่เห็น ก็นานๆทีมีมานะครับ ไม่ได้เจอบ่อยๆ รู้สึกเสียดายนิดๆว่าทำไมวันนั้นไม่ซื้อ 555+

ก็ให้ดูราคาของพอเป็นพิธีครับ สนใจต้องลองแวะไปช้อปกันดูเองจ้า ^ ^
ปล. ราคานั้นประเมินคร่าวๆที่ 1 ปอนด์ ต่อ 50 บาทนะครับ ^ ^
ยังไงถ้าไปช้อปแล้วเจออะไรน่าสนใจก็จะถ่ายรูปเก็บๆไว้มาบอกต่อกันครับ ^ ^

รวบรูป "แม่คะนิ้ง" หรือ "เหมยขาบ" มาให้ชมกันครับ ^ ^

แม่คะนิ้ง หรือเหมยขาบนั้น เป็นน้ำแข็งที่เกาะบนยอดไม้ยอดหญ้า เกิดจากน้ำที่ระเหยจากผิวดินหรือจากใบไม้เอง แข็งตัวเกาะกับกิ่งไม้หรือใบหญ้าต่างๆ (สังเกตว่าไม่ค่อยเกิดกับต้นสูงๆเท่าไหร่ ซึ่งลักษณะการแข็งตัวของน้ำแข็งจะต่างกัน โดยแม่คะนิ้งจะเป็นเกล็ดๆฟูๆมากกว่า แต่ไม่หนามากนัก)
ปกติแล้วแม่คะนิ้งพบได้ในจังหวัดที่มียอดดอยสูงๆในประเทศไทย ที่มีอุณหภูมิประมาณ 0 องศา หรือติดลบเล็กน้อยครับ ใครอยากไปดูแม่คะนิ้ง ก็ต้องดูช่วงอากาศกันดีๆ วันไหนมีพยากรณ์ว่ายอดดอยตอนกลางคืนหนาวถึงศูนย์องศาหรือติดลบ ก็จะมีโอกาสเจอแม่คะนิ้งได้สูงในเช้าวันรุ่งขึ้นครับ

ปล. ภาพแม่คะนิ้งที่เอามาลงนี้เป็นภาพแม่คะนิ้งในสวนหลังบ้านเช่าที่อังกฤษครับ ช่วงนี้เจอแบบนี้ทุกวันเลย ^ ^"

จริงๆก็ไม่สวยเท่าไหร่นะ เหมือนหญ้าผมหงอก ประมาณนั้นเลย 555+


ซูมใกล้ๆ ก็จะเป็นเหมือนมีเกล็ดๆปุยๆ (ประมาณว่าหนากว่ากำมะหยี่หน่อยเดียว) เกาะตามใบหญ้าและขอบใบไม้แห้งครับ










ลองรูดเอาน้ำแข็งออกมาหน่อยสิ ... น่ารวบรวมเอามาทำน้ำแข็งใสกินมากๆ 555+






ก็ ... หมดแล้วครับ ไม่รู้จะบรรยายอะไร
ว่างๆก็เก็บรูปแม่คะนิ้งมาฝากเท่านั้นเองครับ ^ ^

กระเป๋า Valentino ในอิตาลี ทำไมถูกเว่อร์ มีคำตอบ!!

สำหรับคนที่เคยไปเที่ยวอิตาลี อาจจะสงสัยว่าทำไมกระเป๋ายี่ห้อ Valentino ที่นี่ถึงถูกมากกกกกๆๆๆๆ ... เอาง่ายๆว่า ในไทย กระเป๋าหลัก 4-5 หมื่น ... แต่ในอิตาลี ราคาแค่ 2 พันบาท!! เอ๊ะ ตกลงมันก๊อปปี้หรือเปล่า ขายบนห้างหรือชอปร้านที่ดูดีโอเคด้วยนะ (ไม่ได้ขายโดยคนดำที่วางขายกะพื้นข้างทางด้วย) ทำไมมันถูกจัง!! ... มีคำตอบให้ครับ ^ ^

คำตอบก็คือ ... ไม่ได้ก๊อป ครับผม!! แต่ก็ไม่ใช่ Valentino ที่คุณๆรู้จักกันนะ เหอๆๆ
เพราะที่อิตาลี มีแบรนด์ Valentino 2 แบรนด์!!

1. Valentino ดีไซน์โดย Valentino Garavanni
อันนี้แบรนด์ High End หรู ราคารุนแรง!! ต่อให้ลดราคาแล้ว หรือซื้อในอิตาลีก็ตามที กระเป๋าวาเลนติโน่ ก็ยังหลักหมื่นอยู่ดีล่ะครับ แต่มันอาจจะถูกกว่าซื้อในไทยหลายพัน หรือถึงหมื่น ... แต่ราคาก็ยังคงอยู่ในหลักหมื่นอยู่ดี

2. Valentino ดีไซน์โดย Mario Valentino
อันนี้แบรนด์ล่างๆ แต่ก็ยังเป็นแบรนด์ครับ ราคา 2-3 พัน เรียกว่าเป็นราคาสำหรับวัยรุ่นวัยเรียนติดแบรนด์ครับ ไม่ได้ไก่กา ดีไซน์สวย ตัดเย็บโอเค วัสดุโอเค จะซื้อมาใช้ก็ได้ครับ ไม่ได้เป็นของก๊อปด้วยครับ ... อย่างไรก็ตาม หากคุณคิดว่าคุณได้กระเป๋าหลักหมื่นมาในราคา 2-3 พัน นับว่าคิดผิดครับ เพราะคนละแบรนด์ครับ

สองแบรนด์นี้คนละแบรนด์กันเลยนะครับ ไม่ใช่แบรนด์พี่แบรนด์น้องแบบที่หลายๆ High End Brand หันเกรด เช่น Prada ทำ Miu Miu หรือ Versace ทำ Versace Jeans อะไรแบบนั้นนะครับ
สองแบรนด์นี้ คนละแบรนด์กันไปเลย เหอๆๆ ...

บางคนอาจจะสงสัยว่า ใช้ชื่อเดียวกันได้ด้วยหรือ?
อันนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน เหอๆๆ
ผมเดาว่าที่สามารถใช้ชื่อซ้ำกันได้ เพราะชื่อเค้าดันมีคำว่า Valentino อยู่จริงๆ และมีการกำกับ (ตัวเล็กมากๆ) ว่าดีไซน์โดย Mario Valentino อยู่ด้วย ก็เลยไม่ได้ผิดแต่อย่างใดกระมัง หุหุหุ

Roma Pass ซื้อดีไหม? ผมว่าไม่อ่ะ (แถมวิธีได้ตั๋วฟรี)

ก่อนไปเที่ยวอิตาลีนั้น ในส่วนของกรุงโรมนั้น ผมได้อ่านหลายๆรีวิวและหลายๆเวบแล้ว รวมทั้งใน pantip หลายๆคนบอกว่า Roma Pass คุ้ม ไม่ต้องต่อคิว ยอมจ่ายหน่อยแต่คุ้ม เมโทรก็รวมแล้ว
แต่เท่าที่ผมดู โจทย์ในการเที่ยวของ Roma Pass นั้น ตอบโจทย์หลายๆคนได้แค่โจทย์เดียว นั่นก็คือ Colosseum (รวม Roman Forum และ Palatine Hill) ส่วนสถานที่เที่ยวอื่นๆ ไม่ใช่ Highlight เลยน่ะสิครับ รวมเงินเบ็ดเสร็จแล้ว ก็เหมือนจะคุ้มราคาด้วยอยู่หรอก ถ้าเอาค่าตั๋วมาบวก ... แต่ในความจริงมันเหมือนกับว่าต้องไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์อื่นๆที่ไม่ใช่ไฮไลท์ เพื่อให้คุ้มราคา Roma Pass แทนซะงั้น -*-
ส่วนโจทย์เรื่อง "ลัดคิว" อันแสนยาวววว ของโคลอสเซี่ยมนั้น มันมีทริคง่ายๆอยู่ครับ ไม่ต้องต่อคิวยาวโดยไม่ต้องอาศัย Roma Pass ครับ ซึ่งจะอธิบายถัดไป

กลับมาที่เรื่องของเงื่อนไขที่ผมคิดว่าควรจะซื้อ Roma Pass
1. อยู่โรมนานเกิน 3 วัน = ถ้าอยู่โรมนานเกิน 3 วัน ที่เที่ยวหลักๆรับรองว่าเที่ยวครบ ดังนั้นที่เที่ยวรองๆที่ Roma Pass ซัพพอร์ทเอาไว้ ก็จัดว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจทางเลือกหนึ่งครับ
2. เที่ยวแบบไม่ดื่มด่ำมาก = ผมเองใช้เวลาไปกับโคลอสเซี่ยม โรมันฟอรั่มและพาลาทีนฮิลล์ 1 วันเต็มๆครับ แต่บางคนเดินแค่ 2-3 ชม.ครบ ทำให้มีเวลาว่างๆไปเที่ยวที่อื่นต่อ แบบนี้ก็ซื้อ Roma Pass ก็ได้ครับ (แต่โดยส่วนตัวจริงๆนะ มันกว้างและอลังการมาก เดินดูรายละเอียดแบบไม่ชะโงกทัวร์ ไม่ต้องถึงขั้นฟัง audio guide ก็ได้ครับ มันหมดวันจริงๆครับ)

สรุปคือถ้าเวลาจำกัด (3 วันสำหรับผม)
1. ไป St. Peter Basilica, Vatican Museum 1 วันเต็มครับ
2. ไป Colosseum, Roman Forum, Palatine Hill 1 วันเต็มครับ
3. ไปเดินที่อื่นๆ สะพานดังๆ น้ำพุเทรวี่ บันไดสเปน เพียซซ่า จุดชมวิว แพนธีออน รวมๆก็ครบ 1 วัน
แบบนี้อย่าซื้อ Roma Pass เลยครับ เพราะที่เที่ยวอื่นๆที่บัตรนี้ซัพพอร์ทมันไม่น่าสนเท่าไหร่

----------

ทีนี้ มาต่อกันเรื่อง "ลัดคิว" ครับ ไม่มี Roma Pass จะลัดคิวยังไง
ลองดูรูปนี้ครับ นี่คือรูปที่ถ่ายตอน บ่าย 3 ครับ!! (ตอนเช้าคิวยาวกว่านี้)
ดังนั้น เสียเวลาไป 1-2 ชม.แน่ๆ ถ้าไปต่อคิวซื้อตั๋วเข้าโคลอสเซี่ยมช่วงเช้าๆ

วิธีลัดคิวก็ง่ายๆครับ "ซื้อตั๋วซุ้มอื่น" ครับ!!
อย่าลืม ว่าที่เที่ยวตรงนี้รวมสถานที่สำคัญไว้ 3 ที่ คือ Colosseum, Roman Forum และ Palatine Hill และตั๋วที่ซื้อจะรวมเข้าทั้ง 3 ที่นี้ไว้แล้ว
ดังนั้น ไปซื้อตั๋วซุ้มอื่น(ตั๋วไม่ผีด้วยนะครับ)แทนได้ คิวโคตรสั้นครับ ขอบอก!! ที่แนะนำคือที่ทางเข้า Palatine Hill ครับ ตามแผนที่ที่เห็น ห่างกันแค่ 200 เมตรเองมั้งครับ เหอๆๆ
ตั๋วตรง Palatine Hill แถวยาวแค่ 30 คนก่อนหน้าเองมั้งครับ ตั๋วขายไวด้วย 10-15 นาทีก็ได้ตั๋วแล้วครับ
เมื่อได้ตั๋ว แนะนำว่ายังไม่ต้องเข้า Palatine Hill ครับ เพราะว่าได้ตั๋วแล้ว ก็ต้องไปต่อแถวคนมีตั๋วแล้วอยู่ดี ดังนั้น ในช่วงเช้า แถวคนมีตั๋วแล้วที่ Colosseum จะยังไม่ยาวมากครับ เดินออกมาจาก Palatine Hill ticket แล้วไปชมโคลอสเซี่ยมก่อนเลยครับ (ตอนบ่ายๆ แถวคนมีตั๋วแล้วที่โคลอสเซี่ยมจะยาวเกือบๆเท่าแถวคนรอซื้อตั๋ว)
จากนั้นค่อยกลับมาเข้า Palatine Hill แล้วต่อด้วย Roman Forum ครับ

แบบนี้ เราก็ไม่ต้องจ่ายค่า Roma Pass เพื่อลัดคิวแล้วครับ ^ ^
ปล. สำหรับที่ที่ควรเสียเงินจ่ายค่าตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าในโรมมีที่เดียวครับ นั่นก็คือ Vatican Museum แถวยาวจริงอะไรจริง และรอนานจริงครับ ตรงนี้สมควรซื้อตั๋วออนไลน์ครับ

----------

สุดท้าย!! อย่าลืมว่า Colosseum มี "ตั๋วฟรี" ด้วยนะครับ!!
(ผมได้ตั๋วนี้มา 555+)
วิธีการก็คือ แพลนให้เที่ยวที่นี่ใน "วันอาทิตย์แรกของเดือน" ครับ
ต้องไปเข้าคิวซื้อตั๋วอยู่ดีนะครับ แต่ไม่ต้องจ่ายตังค์ 555+ เค้าจะให้ตั๋วมาฟรีๆเลยครับ
ดังนั้น ถ้าคุณอยู่โรม 2-3 วัน ก็ให้สักวันหนึ่ง ตรงกับวันอาทิตย์แรกของเดือน แล้วก็วางแผนไปเที่ยวโคลอสเซี่ยมวันนั้น แค่นี้ก็ได้ตั๋วฟรีแล้วครับ ^ ^

Sony Xperia Z5 ถ่ายวิดีโอ 360 องศาได้!! เป็นอย่างไรมาชมกัน!!

เรียกได้ว่าเทคโนโลยีสมัยนี้มันไปไวกันจริงๆ พอมีบริษัทนึงประกาศตัวว่ากำลังจะเปิดตัวกล้อง 360 องศา ไม่นานก็เข็นกันออกมาหลายบริษัท
ผ่านมาไม่นาน นอกจากกล้องถ่ายภาพ 360 องศา ก็มี "วิดีโอ" 360 องศา ออกมากับเค้าด้วยซะงั้น!!

และที่น่าทึ่งกว่านั้นก็คือ เทคโนโลยี 360 องศากับการถ่ายวิดีโอ ทางโซนี่ ดันทำออกมาให้ใช้กับโทรศัพท์มือถืออย่าง Sony Xperia Z5 แบบไม่แคร์กล้องแบบสัญชาติกล้องโดยเฉพาะกันเลยทีเดียว
ลองชมคลิปกันเลยครับ (แน่นอนว่าทางยูทูปก็รองรับระบบนี้แล้วด้วยเช่นกัน)
ปุ่มเคอเซอร์ บนล่างซ้ายขวา ทางมุมซ้ายของคลิปคือส่วนที่ใช้หมุนมุมกล้องเพื่อชมคลิปส่วนต่างๆครับ

อย่างไรก็ตาม วิดีโอนี้ frame rate ค่อนข้างต่ำเตี้ยเรี่ยเหวเอามากๆ คาดว่าใช้เทคโนโลยีถ่ายภาพ 360 เป็นเฟรมๆแล้วเอามาทำเป็นวิดีโอน่ะครับ แต่ก็นับว่าหัวครีเอทีฟไม่เลวครับ