วันนี้ได้ไปลองน้ำหอม (โคโลญ) ของ Jo Malone มาอีก 4 กลิ่นครับ รีเควสท์โดยคุณพี่สาว ผู้อยากลอง 3 ใน 4 กลิ่นนี้ ก็เลยไปลองมาให้ครับ
ดูตามรูปครับ พกใบกลับมาด้วย เพื่อทดสอบกลิ่นที่เปลี่ยนอีกทีครับ
4 กลิ่นที่ได้ลองวันนี้ก็ได้แก่ ... Red Roses, English Pear + Freesia, White Jasmine + Mint, Velvet Rose + Oud
ก็ไล่ทีละตัวละกันครับ
1. Red Roses
ตัวนี้กลิ่นกุหลาบแดงมากๆครับ กุหลาบแดงเข้มๆน่ะครับ กลิ่นนั้นเลย ไม่ต้องวิจารณ์มากมาย ... มันกลิ่นนั้นเลย!! (ไปทดสอบได้ตามร้านขายดอกไม้ ถ้าร้าน Jo Malone ไม่ได้อยู่ใกล้บ้านท่าน ... อันนี้เรื่องจริง)
2. English Pear + Freesia
ตัวนี้กลิ่นก็ออกเป็นผลไม้อย่างลูกแพร์ชัดๆแหละครับ (กลิ่นคล้ายๆลูกฝรั่งนิดๆ แต่คนละแบบ) รวมกับกลิ่นดอกไม้อย่าง Freesia ทำให้ดูเป็นน้ำหอมขึ้นมาหน่อย รวมๆแล้วไม่ฟรุตตี้นะครับ เพราะกลิ่นแพร์ไม่ได้ออกแนวหวานฉ่ำขนาดนั้น เป็นผลไม้ที่หอมแบบไม่หวาน รวมกลิ่นดอกไม้ จัดว่าเข้ากันดีมากๆครับ
3. White Jasmine + Mint
ตัวนี้ คิดว่า White Jasmine จะเด่น แต่เปล่าเลยครับ มินท์เด่นกว่า กลิ่นแรกนี่มาแบบ Spicy มาเลย (ไม่ได้มินต์แบบลูกอมนะครับ แต่มินท์โหระพาเลยครับ) แต่กลิ่นไม่แรงมาก รวมๆกับดอกไม้ ก็เข้าท่าเข้าทีอยู่ครับ แต่หลักๆเลยคือมันสไปซี่ครับ ใครชอบสไปซี่แต่หอมดอกไม้ ต้องตัวนี้เลย
4. Velvet Rose + Oud
กลิ่นนี้เป็นของ Cologne Intense นะครับ จะแพงขึ้นมาอีก
กลิ่นนี้จะเป็นกลิ่นดอกไม้ ไม่เหมือน Red Rose นะครับ แต่ก็เกือบๆ คนละแนว ... แต่หลักๆเลยคือมีกลิ่นหวาน หวานจัดๆ คล้ายๆ Angel ของ Thierry Mugler ครับ หวานน้ำตาลแรงๆขึ้นมาเลย ... เป็นแนวหวานฉ่ำครับ ใครเป็นแฟน Angel อย่าลืมทดสอบกลิ่นนี้ครับ เหมาะกับสาวหวานๆ ไปออกงานกลางคืน
ส่วนกลิ่นที่เปลี่ยนไป ... สรุปแล้วไม่รู้เรื่องครับ ผมเก็บรวมกัน แล้วกลิ่นมันปนๆกันหมด โดยเฉพาะ Velvet Rose มันไปกินกลิ่นของตัวอื่นหมดเลย -*-
แต่หลักๆ เท่าที่จับได้ เหมือนตอนท้ายๆจะเหลือความหอมแบบดอกไม้มากกว่า แทบทุกอันครับ
ว่าแล้วก็ลงรูปโบรชัวร์คริสมาสต์ที่ติดมือมาหน่อย
ปกติแล้ว กล่องของโจมาโลน จะเป็นกล่องขาวครีม คลิปดำแบบนี้ครับ โบว์ริบบิ้นก็ดำ
แต่ถ้าเป็นคริสมาสต์จะมีสีอื่นๆให้เลือก บางปีเป็นสีแดง ส่วนปีนี้ สีเขียวครับ
โบรชัวร์คริสมาสต์ และแคตตาลอคครับ
รวมๆแล้ว ผมชอบ Vanilla & Anise จากรอบก่อนที่ไปลองมามากกว่าครับ
แต่ถ้าใครชอบแปลกใหม่ ในแบบ Mainstream ก็น่าจะชอบ English Pear + Freesia ครับ
มือถือ Samsung S6 กันกระสุนได้!! ทนกว่าที่คิดไว้!!
Samsung Galaxy S6 มือถือรุ่นเรือธงจากค่ายซัมซุง วันนี้พิสูจน์ความไม่ธรรมดาจากความอึดถึก นอกเหนือจากเรื่องถ่ายภาพดีกันบ้างแล้ว
เพราะครั้งนี้ พี่แกเล่นบล็อคกระสุนได้!!
จากข่าวการก่อการร้ายในฝรั่งเศสนั้น มีการออกข่าวออกมาด้วยว่ามีหนุ่มฝรั่งเศสคนหนึ่ง ที่เฮง รอดตายเพราะกระสุนไปโดนมือถือเข้า!! ทำให้เค้ารอดตายมาได้
และจากภาพข่าวนั้น มือถือดังกล่าว ก็คือมือถือของซัมซุงนั่นเอง ... แต่ภาพด้านหน้าก็ยังบอกไม่ได้ ว่าซัมซุงรุ่นไหน เพราะหน้าตามือถือซัมซุงมันโหลๆ พอดูด้านหลัง ... อ้าว Samsung Galaxy S6 นี่เอง!!
นี่ครับ ภาพจากด้านหน้า ... ก็เหมือนแหละ แต่ยังไม่แน่ใจ
พอดูด้านหลัง ใช่เลย!!
จากภาพ กระสุนโดนที่ด้านหลังโทรศัพท์ครับ แล้วเกิดแรงกระแทกออกทางด้านหน้า ทางจอด้านหน้าเลยร้าวเยอะกว่า
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ก็ยังไม่มีใครคิดว่ามือถือสมาร์ทโฟนนั้น ต่อให้เป็นตัวท๊อปเรือธงของค่ายใดๆ ก็ไม่น่าจะถึงกับกันกระสุนได้
น่าจะมีส่วนของ "องศา" ของกระสุนด้วย เช่นแฉลบทำมุมมาโดนโทรศัพท์ มากกว่าที่จะโดนกระสุนเจาะเข้าในวิถีตรง ทำให้สามารถกันแรงกระสุนได้บ้าง
เพราะครั้งนี้ พี่แกเล่นบล็อคกระสุนได้!!
จากข่าวการก่อการร้ายในฝรั่งเศสนั้น มีการออกข่าวออกมาด้วยว่ามีหนุ่มฝรั่งเศสคนหนึ่ง ที่เฮง รอดตายเพราะกระสุนไปโดนมือถือเข้า!! ทำให้เค้ารอดตายมาได้
และจากภาพข่าวนั้น มือถือดังกล่าว ก็คือมือถือของซัมซุงนั่นเอง ... แต่ภาพด้านหน้าก็ยังบอกไม่ได้ ว่าซัมซุงรุ่นไหน เพราะหน้าตามือถือซัมซุงมันโหลๆ พอดูด้านหลัง ... อ้าว Samsung Galaxy S6 นี่เอง!!
นี่ครับ ภาพจากด้านหน้า ... ก็เหมือนแหละ แต่ยังไม่แน่ใจ
พอดูด้านหลัง ใช่เลย!!
จากภาพ กระสุนโดนที่ด้านหลังโทรศัพท์ครับ แล้วเกิดแรงกระแทกออกทางด้านหน้า ทางจอด้านหน้าเลยร้าวเยอะกว่า
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ก็ยังไม่มีใครคิดว่ามือถือสมาร์ทโฟนนั้น ต่อให้เป็นตัวท๊อปเรือธงของค่ายใดๆ ก็ไม่น่าจะถึงกับกันกระสุนได้
น่าจะมีส่วนของ "องศา" ของกระสุนด้วย เช่นแฉลบทำมุมมาโดนโทรศัพท์ มากกว่าที่จะโดนกระสุนเจาะเข้าในวิถีตรง ทำให้สามารถกันแรงกระสุนได้บ้าง
รีวิวน้ำหอม Jo Malone หอมมีเสน่ห์ สมคำร่ำลือ!!
Jo Malone London น้ำหอมโจมาโลนนี่ได้ยินมาพักใหญ่ๆแล้ว มีช้อปในไทยเหมือนกัน แต่ราคาก็แพงมาก ... ตอนนี้อยู่ที่อังกฤษครับ ลองดูในช้อปแล้ว ก็จัดว่ายังแพงอยู่ดีครับ (ไม่เคยเห็นยี่ห้อนี้ในช้อป Outlet ด้วยสิ หรือมีก็ไม่รู้นะ ผมอาจจะยังดูไม่ทั่ว -*-)
สำหรับขนาด 30 ml ขายอยู่ที่ราคา 42 ปอนด์ครับ เทียบค่าเงินตอนพิมพ์นี่ก็ราคา 2,288 บาท
ส่วน 100 ml ขายอยู่ที่ 85 ปอนด์ครับ ราคาประมาณ 4,630 บาทครับ (ถ้าค่าเงินลด คงจะดีไม่น้อย ^ ^")
... ราคานี้เหมือนกันทั่วอังกฤษครับ
จากการทดสอบ ... บอกเลยว่าไม่รู้จะทดสอบอันไหน เพราะมันเยอะแยะหลายกลิ่นมากๆ ... ดูเอาแล้วกันครับ มีเรียงให้เลือกทดสอบกลิ่นเยอะมากๆ
ก่อนมาเดินเล่นที่ร้าน ก็ไม่ได้ทำการบ้านมาซะด้วย ว่ากลิ่นไหนดัง หรือขายดี
มีขวดสีดำด้วย อันนี้เค้าบอกว่าเป็น intense cologne
แต่ผลิตภัณฑ์ของโจมาโลนก็ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นน้ำหอม พวก parfum อะไรนะครับ ... เค้าบอกว่าเป็น cologne ... ซึ่งราคาจัดว่าแพงมาก สำหรับความเป็นโคโลญ
ผมทดสอบกลิ่นมา 2 ตัวครับ
1. Vanilla and Anise Cologne
2. Dark Amber and Ginger Lily Cologne (ตัวนี้เป็นขวดดำ Intense Cologne ครับ)
จากการทดสอบแค่สองกลิ่น ก็พบว่า ... เข้าใจเลยว่าทำไมดัง!!
Vanilla and Anise Cologne
กลิ่นของ Vanilla and Anise Cologne นั้น ค่อนข้าง Mainstream แต่ว่ากลิ่นไม่โลว์หรือเกร่อครับ!! ละมุน ผู้ดี แล้วก็ลุ่มลึกมากๆ ... แล้วก็มีการเปลี่ยนของกลิ่นด้วย ตอนแรกจะเป็นกลิ่นหอมธรรมดาๆ แล้วสักพัก กลิ่นแบบวานิลลาอ่อนๆ(ไม่เข้ม) ก็ค่อยๆตีขึ้นมา แต่ไม่ฉุน ... คือกลิ่นผู้ดีมาก ต่อให้อาบกลิ่นนี้ทั้งตัว ก็คาดว่าไม่มีใครบ่นฉุนครับ อีกอย่างคือกลิ่นมันไม่แรงมากด้วย
แล้วอีกพักก็มีกลิ่นแปลกๆรู้สึกดีเพิ่มเข้ามา คาดว่าเป็น anise มั้ง ... คือแยกไม่ออกว่าอะไร แต่คิดว่าคงเป็นเจ้านี่แหละ ตามชื่อ
Dark Amber and Ginger Lily Cologne
ตัวนี้ กลิ่นของมันทำให้รู้สึกถึงซีรี่ส์ Un Jardin ของ Hermes ครับ คือกลิ่นจะออกแนวธรรมชาติๆ พืชๆ (ทั้งๆที่กลิ่นหลักมันคือ Dark Amber?) เป็นกลิ่นที่สรุปแล้ว มันละมุน และผู้ดี แบบเดียวกับ Vanilla and Anise เลยครับ (คือกลิ่นมันต่างกัน แต่มันให้ความรู้สึกละมุนลุ่มลึกเหมือนๆกัน)
ส่วนตัวรู้สึกเหมือนกลิ่นลูกฝรั่งผลที่ยังไม่สุกอ่ะครับ แต่ออกแนวปรุงให้หอมและเจือจางอ่ะ บอกไม่ถูก
สรุป ถ้าใครชอบกลิ่นแบบหอมติดทน สะใจ หอมฟุ้ง อะไรแบบนี้ อาจจะไม่เหมาะกับโจมาโลน
แต่ถ้าชอบกลิ่นแบบละมุนๆ นัวๆ ลุ่มลึก โจมาโลนจะตอบโจทย์มากๆ ... คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าคุณพรมน้ำหอมมาด้วยครับ แต่จะได้รับความหอมมาแบบไม่รู้ตัว มันให้ความรู้สึกประมาณนั้นเลยครับ
ปล. เดี๋ยวจะไปลองกลิ่นอื่นๆ แล้วจะมารีวิวบอกต่อๆอีกทีนะครับ ^ ^
ปล. 2 ทั้งสองกลิ่นที่ลองมา ผมให้เป็นน้ำหอม Highly recommend ครับ
สำหรับขนาด 30 ml ขายอยู่ที่ราคา 42 ปอนด์ครับ เทียบค่าเงินตอนพิมพ์นี่ก็ราคา 2,288 บาท
ส่วน 100 ml ขายอยู่ที่ 85 ปอนด์ครับ ราคาประมาณ 4,630 บาทครับ (ถ้าค่าเงินลด คงจะดีไม่น้อย ^ ^")
... ราคานี้เหมือนกันทั่วอังกฤษครับ
จากการทดสอบ ... บอกเลยว่าไม่รู้จะทดสอบอันไหน เพราะมันเยอะแยะหลายกลิ่นมากๆ ... ดูเอาแล้วกันครับ มีเรียงให้เลือกทดสอบกลิ่นเยอะมากๆ
ก่อนมาเดินเล่นที่ร้าน ก็ไม่ได้ทำการบ้านมาซะด้วย ว่ากลิ่นไหนดัง หรือขายดี
มีขวดสีดำด้วย อันนี้เค้าบอกว่าเป็น intense cologne
แต่ผลิตภัณฑ์ของโจมาโลนก็ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นน้ำหอม พวก parfum อะไรนะครับ ... เค้าบอกว่าเป็น cologne ... ซึ่งราคาจัดว่าแพงมาก สำหรับความเป็นโคโลญ
ผมทดสอบกลิ่นมา 2 ตัวครับ
1. Vanilla and Anise Cologne
2. Dark Amber and Ginger Lily Cologne (ตัวนี้เป็นขวดดำ Intense Cologne ครับ)
จากการทดสอบแค่สองกลิ่น ก็พบว่า ... เข้าใจเลยว่าทำไมดัง!!
Vanilla and Anise Cologne
กลิ่นของ Vanilla and Anise Cologne นั้น ค่อนข้าง Mainstream แต่ว่ากลิ่นไม่โลว์หรือเกร่อครับ!! ละมุน ผู้ดี แล้วก็ลุ่มลึกมากๆ ... แล้วก็มีการเปลี่ยนของกลิ่นด้วย ตอนแรกจะเป็นกลิ่นหอมธรรมดาๆ แล้วสักพัก กลิ่นแบบวานิลลาอ่อนๆ(ไม่เข้ม) ก็ค่อยๆตีขึ้นมา แต่ไม่ฉุน ... คือกลิ่นผู้ดีมาก ต่อให้อาบกลิ่นนี้ทั้งตัว ก็คาดว่าไม่มีใครบ่นฉุนครับ อีกอย่างคือกลิ่นมันไม่แรงมากด้วย
แล้วอีกพักก็มีกลิ่นแปลกๆรู้สึกดีเพิ่มเข้ามา คาดว่าเป็น anise มั้ง ... คือแยกไม่ออกว่าอะไร แต่คิดว่าคงเป็นเจ้านี่แหละ ตามชื่อ
Dark Amber and Ginger Lily Cologne
ตัวนี้ กลิ่นของมันทำให้รู้สึกถึงซีรี่ส์ Un Jardin ของ Hermes ครับ คือกลิ่นจะออกแนวธรรมชาติๆ พืชๆ (ทั้งๆที่กลิ่นหลักมันคือ Dark Amber?) เป็นกลิ่นที่สรุปแล้ว มันละมุน และผู้ดี แบบเดียวกับ Vanilla and Anise เลยครับ (คือกลิ่นมันต่างกัน แต่มันให้ความรู้สึกละมุนลุ่มลึกเหมือนๆกัน)
ส่วนตัวรู้สึกเหมือนกลิ่นลูกฝรั่งผลที่ยังไม่สุกอ่ะครับ แต่ออกแนวปรุงให้หอมและเจือจางอ่ะ บอกไม่ถูก
สรุป ถ้าใครชอบกลิ่นแบบหอมติดทน สะใจ หอมฟุ้ง อะไรแบบนี้ อาจจะไม่เหมาะกับโจมาโลน
แต่ถ้าชอบกลิ่นแบบละมุนๆ นัวๆ ลุ่มลึก โจมาโลนจะตอบโจทย์มากๆ ... คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าคุณพรมน้ำหอมมาด้วยครับ แต่จะได้รับความหอมมาแบบไม่รู้ตัว มันให้ความรู้สึกประมาณนั้นเลยครับ
ปล. เดี๋ยวจะไปลองกลิ่นอื่นๆ แล้วจะมารีวิวบอกต่อๆอีกทีนะครับ ^ ^
ปล. 2 ทั้งสองกลิ่นที่ลองมา ผมให้เป็นน้ำหอม Highly recommend ครับ
Panasonic GF7 กล้องฟรุ้งฟริ้งเซลฟี่แบบ Hand Free!!
Panasonic GF7 เป็นกล้องรุ่นที่ผมสนใจมากๆ และตอบโจทย์ผมได้เยอะมากรุ่นหนึ่ง (แต่ผมก็เลือก Samsung NX Mini ซึ่งอ่านรีวิว Samsung NX Mini ได้ที่นี่ครับ)
ก่อนอื่นอยากให้ดูคลิปโฆษณาของ Panasonic GF7 ตัวนี้ก่อนครับ ...
จากโฆษณาจะเห็นว่า จุดเด่นหลักของกล้องฟรุ้งฟริ้งตัวนี้ ก็คือการถ่ายภาพแบบ Hand Free ครับ
เทคนิคนี้ พบได้ในแอพมือถือ ที่คุ้นกับโฆษณากันดีก็คือ Samsung S6 ที่ใช้เสียงสั่ง หรือใช้ฝ่ามือสั่งถ่ายรูปได้
...
แต่อย่าลืมว่า Panasonic GF7 นั้น เป็นกล้องที่เซนเซอร์ใหญ่มากๆ ไฟล์ภาพดีเกือบเท่าๆกับ DSLR
ดังนั้น หากจะบอกว่า ณ ปัจจุบัน กล้องที่มีโหมด Hand Free ที่มีไฟล์ภาพดีที่สุดในโลก (ตอนที่ผมพิมพ์) คือกล้องอะไร ก็ตอบได้เลยครับ ว่า Panasonic GF7
โหมดนี้ดีอย่างไร? ถ่ายเล่นสนุกๆไปงั้นเองหรือเปล่า?
คำตอบก็คือ ใช่และไม่ใช่ครับ
ส่วนตัวผม ผมชอบถ่ายเซลฟี่กับวิว และเน้นเที่ยว ไม่เรื่องมากนักกับการตั้งกล้องเพื่อถ่ายภาพยุ่งยากมากมาย
ดังนั้น โหมดนี้จะมีประโยชน์มากกับการถ่ายภาพสไตล์ผม
...
ลองนึกภาพตามครับ การถ่ายภาพบนไม้เซลฟี่ ถ้าเป็นมือถือจะทำได้ง่ายมาก แต่ภาพกล้องหน้าจากมือถือก็ห่วยมากเช่นกัน ^ ^"
เราใช้ไม้เซลฟี่ ก็เพื่อให้มันเก็บวิว หรือเก็บเพื่อนๆได้ครบนั่นเอง ดังนั้น มันคงจะดีไม่น้อย ถ้าเราจะใช้กล้องดีๆ เซนเซอร์ใหญ่ๆ ไฟล์สวยๆ ถ่ายบนไม้เซลฟี่ได้ ไม่ใช่แค่กล้องติดโทรศัพท์มือถือ!!
ทว่า ... หากคุณใช้กล้องปกติ มาติดบนไม้เซลฟี่ คุณจะกดชัตเตอร์อย่างไร?
หากคุณใช้โหมดตั้งเวลาถ่ายรูป คุณจะโฟกัสระยะ และวัดแสงก่อนลงชัตเตอร์ไม่ได้ครับ ดังนั้น การตอบว่าถ้าตั้งเวลาก็ใช้กับกล้องได้ทุกตัวแล้ว ถือว่ายังไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง (หน้าเบลอหลุดโฟกัส? เอาหรอ?)
หากตุณบอกว่า ใช้สายลั่นชัตเตอร์สิ ... ไปเที่ยว ใช้ไม้เซลฟี่ ... หากติดสายลั่น อุปกรณ์ต่างๆ พะรุงพะรังไปไหม? อีกอย่างตัวลั่นชัตเตอร์ มักจะติดบนเมาท์แฟลช ทำให้บังจอที่พับมาถ่ายรูปเซลฟี่ด้วยนะครับ ดังนั้น ก็ไม่สะดวกอยู่ดี สายลั่นชัตเตอร์เหมาะกับตากล้องที่ต้องการภาพที่โคตรนิ่งมากกว่าการเอาไปเที่ยวเซลฟี่ครับ
ดังนั้น เน้นเที่ยว สะดวกสบาย ไฟล์ภาพเป็นเลิศ และถ่ายเซลฟี่แบบ Hand Free ได้
ตอนนี้มีแค่สองรุ่นจริงๆครับ (อนาคตคงมีเพิ่ม) คือ Panasonic GF7 และ Samsung NX mini ครับ (กล้องคอมแพคมีอีกหลายรุ่นที่ทำได้ แต่ไฟล์ภาพไม่ดี ผมไม่นับครับ ไม่งั้นก็ใช้มือถือไปแล้ว)
แล้วสองรุ่นนี้ มีดีเสียต่างกันอย่างไร?
คำตอบคือ Samsung NX mini ชนะเรื่องเดียวคือขนาดตัวกล้องที่บางกว่ามากๆ (ผมเน้นเรื่องนี้ จึงเลือก Samsung NX mini)
แต่ถ้าคุณไม่ซีเรียสเรื่องขนาดกล้องที่ใหญ่กว่านิดหน่อย สะพายได้ไม่รำคาญ ต้องบอกเลยว่า Panasonic GF7 ตอบโจทย์ดีสุดเลยครับ เพราะโหมด Hand Free เค้าเยอะกว่า Samsung NX mini ... รุ่นใหม่กว่า เซนเซอร์ใหญ่กว่าด้วย
ก็เสนอเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่กำลังมองหากล้องฟรุ้งฟริ้งครับ พิจารณาไลฟ์สไตล์ตัวเองดูครับ ถ้าตรงกับคุณ อย่าลืมชายตามอง Panasonic GF7 ครับ ^ ^
ก่อนอื่นอยากให้ดูคลิปโฆษณาของ Panasonic GF7 ตัวนี้ก่อนครับ ...
เทคนิคนี้ พบได้ในแอพมือถือ ที่คุ้นกับโฆษณากันดีก็คือ Samsung S6 ที่ใช้เสียงสั่ง หรือใช้ฝ่ามือสั่งถ่ายรูปได้
...
แต่อย่าลืมว่า Panasonic GF7 นั้น เป็นกล้องที่เซนเซอร์ใหญ่มากๆ ไฟล์ภาพดีเกือบเท่าๆกับ DSLR
ดังนั้น หากจะบอกว่า ณ ปัจจุบัน กล้องที่มีโหมด Hand Free ที่มีไฟล์ภาพดีที่สุดในโลก (ตอนที่ผมพิมพ์) คือกล้องอะไร ก็ตอบได้เลยครับ ว่า Panasonic GF7
โหมดนี้ดีอย่างไร? ถ่ายเล่นสนุกๆไปงั้นเองหรือเปล่า?
คำตอบก็คือ ใช่และไม่ใช่ครับ
ส่วนตัวผม ผมชอบถ่ายเซลฟี่กับวิว และเน้นเที่ยว ไม่เรื่องมากนักกับการตั้งกล้องเพื่อถ่ายภาพยุ่งยากมากมาย
ดังนั้น โหมดนี้จะมีประโยชน์มากกับการถ่ายภาพสไตล์ผม
...
ลองนึกภาพตามครับ การถ่ายภาพบนไม้เซลฟี่ ถ้าเป็นมือถือจะทำได้ง่ายมาก แต่ภาพกล้องหน้าจากมือถือก็ห่วยมากเช่นกัน ^ ^"
เราใช้ไม้เซลฟี่ ก็เพื่อให้มันเก็บวิว หรือเก็บเพื่อนๆได้ครบนั่นเอง ดังนั้น มันคงจะดีไม่น้อย ถ้าเราจะใช้กล้องดีๆ เซนเซอร์ใหญ่ๆ ไฟล์สวยๆ ถ่ายบนไม้เซลฟี่ได้ ไม่ใช่แค่กล้องติดโทรศัพท์มือถือ!!
ทว่า ... หากคุณใช้กล้องปกติ มาติดบนไม้เซลฟี่ คุณจะกดชัตเตอร์อย่างไร?
หากคุณใช้โหมดตั้งเวลาถ่ายรูป คุณจะโฟกัสระยะ และวัดแสงก่อนลงชัตเตอร์ไม่ได้ครับ ดังนั้น การตอบว่าถ้าตั้งเวลาก็ใช้กับกล้องได้ทุกตัวแล้ว ถือว่ายังไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง (หน้าเบลอหลุดโฟกัส? เอาหรอ?)
หากตุณบอกว่า ใช้สายลั่นชัตเตอร์สิ ... ไปเที่ยว ใช้ไม้เซลฟี่ ... หากติดสายลั่น อุปกรณ์ต่างๆ พะรุงพะรังไปไหม? อีกอย่างตัวลั่นชัตเตอร์ มักจะติดบนเมาท์แฟลช ทำให้บังจอที่พับมาถ่ายรูปเซลฟี่ด้วยนะครับ ดังนั้น ก็ไม่สะดวกอยู่ดี สายลั่นชัตเตอร์เหมาะกับตากล้องที่ต้องการภาพที่โคตรนิ่งมากกว่าการเอาไปเที่ยวเซลฟี่ครับ
ดังนั้น เน้นเที่ยว สะดวกสบาย ไฟล์ภาพเป็นเลิศ และถ่ายเซลฟี่แบบ Hand Free ได้
ตอนนี้มีแค่สองรุ่นจริงๆครับ (อนาคตคงมีเพิ่ม) คือ Panasonic GF7 และ Samsung NX mini ครับ (กล้องคอมแพคมีอีกหลายรุ่นที่ทำได้ แต่ไฟล์ภาพไม่ดี ผมไม่นับครับ ไม่งั้นก็ใช้มือถือไปแล้ว)
แล้วสองรุ่นนี้ มีดีเสียต่างกันอย่างไร?
คำตอบคือ Samsung NX mini ชนะเรื่องเดียวคือขนาดตัวกล้องที่บางกว่ามากๆ (ผมเน้นเรื่องนี้ จึงเลือก Samsung NX mini)
แต่ถ้าคุณไม่ซีเรียสเรื่องขนาดกล้องที่ใหญ่กว่านิดหน่อย สะพายได้ไม่รำคาญ ต้องบอกเลยว่า Panasonic GF7 ตอบโจทย์ดีสุดเลยครับ เพราะโหมด Hand Free เค้าเยอะกว่า Samsung NX mini ... รุ่นใหม่กว่า เซนเซอร์ใหญ่กว่าด้วย
ก็เสนอเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่กำลังมองหากล้องฟรุ้งฟริ้งครับ พิจารณาไลฟ์สไตล์ตัวเองดูครับ ถ้าตรงกับคุณ อย่าลืมชายตามอง Panasonic GF7 ครับ ^ ^
Samsung NX Mini กล้องฟรุ้งฟริ้งเซลฟี่ดีๆที่ถูกลืม!!
ถ้าถามเรื่องกล้องถ่ายเซลฟี่ที่ได้ไฟล์ภาพดีๆ เน้นเที่ยว ไม่จริงจังอะไรมากแต่ภาพก็โอเค ... ไปๆมาๆ ผมว่า "กล้อง Sensor 1 นิ้ว" ดูจะตอบโจทย์ได้ดีมากๆครับ
เพราะกล้องในไลน์นี้ ภาพที่ออกมา ดีกว่ากล้องคอมแพคหรือมือถือเยอะจนเห็นได้ชัด ... แม้ไม่เท่าเซนเซอร์ 4/3 และ APS-C แต่ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร คือพูดตรงๆแล้ว ไฟล์ภาพมันสอบผ่านแหละครับ
และกล้องเด่นๆในไลน์นี้ก็คือ Sony RX100IV, Canon G7X, Nikon 1 J5
แต่ดันมีกล้องตัวหนึ่งที่ถูกลืม และโดนเหมาจากรูปลักษณ์ ว่าเป็นกล้องคอมแพค เกรดเดียวกับพวก Casio ฟรุ้งฟริ้ง หรือคอมแพคเซลฟี่ไปซะได้
กล้องตัวนั้นก็คือ Samsung NX Mini ที่ผมจะรีวิวคร่าวๆตัวนี้นั่นเองครับ (สาเหตุหนึ่งก็เพราะมันยี่ห้อ Samsung นี่แหละครับ ^ ^")
เหตุที่ผมสนใจกล้องเซนเซอร์ 1 นิ้ว ก็เพราะผมเริ่มจะขี้เกียจกับการพกกล้อง Mirrorless แล้วนั่นเอง
และติดใจกับการใช้มือถือถ่ายภาพง่ายๆ โดยเฉพาะเซลฟี่ (ผมหนีจาก DSLR มา Mirrorless และตอนนี้มากล้องเซนเซอร์ 1 นิ้ว) ... แต่ภาพจากมือถือตัวท๊อปๆก็ยังเลวร้ายอยู่ดี ถ่ายเล่นอัพเฟสน่ะโอเค เดี๋ยวนี้สีสวย ใช้ได้ ... แต่พอเข้าโหมดแสงน้อย ครอปรูป 100% (ซูมดูขนาดจริง 100%) แล้วดูไม่ค่อยได้ นอกจากนั้น ส่วนใหญ่จะดีแค่กล้องหลัง กล้องหน้าค่อนข้างแย่เอามากๆ iPhone 6 นี่กล้องหน้ากากไปเลย Samsung S6 กล้องหน้ากว้าง สีสวย แต่พอซูมแล้วก็หน้าเป็นวุ้นก้อนใหญ่ๆอยู่ดี
... กระโดดมาเป็นกล้องคอมแพค ... ก็ยังไม่พอใจผมนะ ^ ^" (ก็คนมันใช้ DSLR กะ Mirrorless มาก่อน จะให้ทำไง?)
...
ผมก็เลยมาลงตัวเอาที่กล้องเซนเซอร์ 1 นิ้ว ภาพอยู่ตรงกลางระหว่างดีมากกับแย่มาก ... ขนาดพกพาได้ หนาเท่าๆกับมือถือ 2-3 ตัวประกบซ้อนกัน ... และที่สำคัญ เซลฟี่ ภาพดีมากๆ ไม่แบ่งแยกกล้องหน้ากล้องหลังอย่างมือถือ (จริงๆไฟล์ภาพกล้องหลังมือถือ ก็ยังไม่พอใจผมอยู่ดี มันเท่าๆกับคอมแพค)
...
นี่ครับ Samsung NX Mini เมื่อพับหน้าจอมาเซลฟี่
และความบาง (รวมเลนส์แล้ว ... ต้องเป็นเลนส์ตัว 9mm f3.5 นะครับ ถ้า 9-27mm จะหนาเหมือนกัน)
เทียบกับกล้อง Mirrorless ของผม Olympus EPL5 ครับ
กล้อง Mirrorless ไม่ว่ามันจะบางกว่า DSLR แค่ไหน มันก็ยังใหญ่อยู่ดี ... ลองกล้องเซนเซอร์ 1 นิ้วดีกว่า
พกใส่กระเป๋ากางเกงก็ยังได้ครับ ... ถ้าไม่ห่วงรูปลักษณ์น่ะน่ะ มันดูไม่ดีเท่าไหร่ ^ ^"
แล้วถามว่า ทำไมผมเลือก Samsung NX Mini
ในวงการกล้อง หากไปถามห้องกล้อง pantip.com ... ตากล้องหลายๆคนตอบเป็นเสียงเดียว ว่าอย่าเลยซัมซุง
ผมเองก็สิงอยู่ในห้องกล้องเหมือนกันครับ ไม่เชิงไม่มีความรู้เอาซะเลย ผมเลยเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เพราะผมเป็นตากล้องที่เน้นสบาย ไม่พกหนัก และดันผ่าชอบเซลฟี่!! (คุณจะหาลักษณะแบบนี้ในตากล้องคนอื่นๆได้ยาก 555+) ... แต่ผมไม่ใช่แนวเซลฟี่แบบถ่ายตัวเองหล่อไปวันๆแล้วอัพเข้าเฟสนะ ผมเน้นถ่ายเซลฟี่กับวิวทิวทัศน์และสถานที่ที่ไปเที่ยวมากกว่าครับ เหอๆๆ
ผมก็เลย เข้าเวบขาประจำของผมครับ http://www.dpreview.com เลือกเมนู review และเลือกเมนู New studio scene comparison tool ครับ
เมนูนี้ จะรวบรวมภาพที่ถ่ายในสตูดิโอของ Dpreview เอาไว้จากกล้องหลากหลาย (เน้นรุ่นเรือธงของคอมแพคขึ้นไปครับ) ซึ่งสามารถเปรียบเทียบกับกล้องรุ่นอื่นๆได้ในระดับที่ดีกว่าเวบถ่ายภาพสวย ปรับ Photoshop ครับ (ใน Pantip เอง ประมาณ 80% ก็รีวิวกล้องแบบปรับภาพลง Photoshop ก่อนโพสต์กันเยอะนะครับ รีวิวจากเจ้าประจำที่รีวิวดีจริงๆ มีไม่เยอะครับ)
ผมตั้ง ISO 3200 ไว้ก่อน เพราะ ISO ต่ำๆ มันกินกันไม่ลงอยู่แล้ว
และเลือกเทียบในกลุ่มกล้องเซนเซอร์ 1 นิ้วเหมือนกันครับ
- Samsung NX Mini
- Sony RX100IV
- Nikon 1 J5
- Canon G7X
และนี่คือภาพที่ได้จากกล้อง 4 รุ่นที่ ISO 3200 (ภาพซูม 100% แล้วนะครับ)
Canon เนียนสุด แต่รายละเอียดหายเรียบไปหมด (ดูตรงหนวดครับ)
Sony ทำได้ดี แต่ติดแดงอมม่วงมานิดนึง
Nikon กึ่งๆ
Samsung Noise เม็ดใหญ่ๆหลุดมาปะปนบ้าง แต่สีและดีเทลโอเค
...
ย้ายภาพไปในส่วนของใบไม้ปลอมดูบ้าง
ดูด้วยตาแล้วกันว่าชอบอันไหน ^ ^
ย้ายไปบริเวณไพ่ เพื่อดู resolution ของภาพ
2 ภาพหลัง Samsung NX Mini ทำดีกว่าเพื่อนเลย ว่าไหม? (ยกเว้นภาพคนที่กึ่งๆ บอกไม่ได้ แล้วแต่ชอบ)
ใจผมน่ะ จริงๆชอบ Sony RX100IV กับ Canon G7X ครับ เพราะเค้าได้ F1.8 ไงครับ!! สุดยอดดด!! เรื่องอื่นเด็กๆไปเลยเมื่อเจอเลนส์ของสองตัวนี้ (Nikon 1 J5 ตัดทิ้ง เพราะตัวกล้องหนาไป)
แต่!! ผมไปเจอ Samsung NX Mini มือสองขายเยอะแยะ ราคา 7,000 บาท ... ยี่ห้ออื่นมือสองยังไม่ต่ำกว่าหมื่นเลยครับ
เลยมาตายรังที่ Samsung NX Mini ในเรื่องราคาเป็นเรื่องแรก
อีกอย่างคือ ผมอยากเซลฟี่บนไม้เซลฟี่ เพราะมันจะเก็บวิวได้กว้างกว่า (บอกแล้วว่าผมเซลฟี่กับวิว)
แต่กล้องตัวอื่น ไม่มีโหมดถ่ายออโต้ครับ (ถ้าตอบว่าตั้งเวลาถ่าย ... ทำได้ แต่ไม่โฟกัสหน้านะครับ เพราะมันโฟกัสตอนกดชัตเตอร์ ... ครั้นจะใช้สายลั่นชัตเตอร์ก็น่ารำคาญ รุงรังครับ)
แต่ซัมซุงรุ่นนี้ มันมีโหมดถ่ายออโต้ตอนยิ้ม กับกระพริบตาข้างเดียวครับ ซึ่งมันโฟกัสหน้าเราให้เรียบร้อยครับ
กระพริบตาข้างเดียว ถ้าอยู่ไกลจากกล้องหน่อย (บนไม้เซลฟี่) กล้องจะตรวจจับไม่ได้ ต้องใช้โหมดยิ้มจะดีกว่า
ทีนี้ อยากให้ลองดูครับ ว่าทำไมผมพึงพอใจกล้องเซนเซอร์ 1 นิ้ว เพราะเมื่อเทียบกับ M4/3 หรือ APS-C แล้ว มันไม่ได้แพ้เยอะแยะจนรับไม่ได้ครับ ลองดูครับ
ผมเทียบกับ Olympus EPL7, Fuji X-A2 และ Sony A5100 ซึ่งเป็นเซลฟี่ระดับ Hi-End จริงๆครับ
แน่นอนครับ ว่า Samsung NX Mini ยังเทียบเค้าไม่ได้ แต่ไม่ได้ห่างกันมากมาย
และที่สำคัญ มันบางกว่าเยอะมากครับ ส่วนต่างที่ได้มา กับการพกกล้องสบายๆ ... เมื่อดูแล้วเข้ากับไลฟ์สไตล์ผมมากกว่า ผมก็เลือกกล้องเซนเซอร์ 1 นิ้วละกัน
ถ้าถามว่า เทียบกับคอมแพคล่ะ?
ผมเทียบกับคอมแพคตัวท๊อปเลยครับ Nikon P7800, Fuji X30, Canon G16
พบว่า Samsung NX Mini ทิ้งขาดเหมือนกัน
ใครเข้าไปเล่นใน Dpreview แล้วไม่เห็นความต่างแบบนี้ ก็อย่าลืมปรับ ISO ให้เป็น 3200 หรือมากกว่านั้นนะครับ
เมื่อผมตกลงใจที่ Samsung NX Mini แล้ว ก็ซื้อมือสองมาทันที 7 พันกว่าๆ
จุดที่ไม่ชอบจุดแรกคือ โหมดเซลฟี่ ตั้งค่าภาพหลอกตา วิวทิวทัศน์ติดแดงและสว่างหลอกตาไปหมด (ซึ่งถ่ายวิวปกติ ไม่เป็นแบบนี้)
วิธีแก้คือตามในรูปครับ Auto Self-Shot ให้ตั้งเป็น Off ครับ (ส่วนโหมดถ่ายปกติ ผมเลือก P เพิ่มค่า Saturation ไว้ +1)
ภาพมันหลอกตายังไง?
ลองดูภาพล่างครับ ทางซ้ายคือถ่ายปกติ ภาพขวาคือโหมดเซลฟี่ครับ
บางคนอาจจะชอบนะครับ ผิวขาวๆเนียนๆ แต่สำหรับผม มันลดทอนคุณค่าของวิวที่เราเซลฟี่ด้วยไปเยอะมาก เลยไม่เอาดีกว่า ... อีกอย่าง บางสภาพแสง มันปรับซะโอเว่อร์ ภาพเสียเยอะเหมือนกัน
...
อย่างไรก็ตาม แก้ง่ายๆ แค่ตั้งในเมนูว่า Auto Self-Shot เป็น Off ก็แค่นั้นเอง
และนั่นคือจุดอ่อนเดียวที่ผมเจอครับ!! จริงๆ
จุดอ่อนอื่นๆผมใช้การปรับตัวเข้าแก้ ... คือผมเป็นคนที่ไม่เคยเจอปัญหา "จับกล้องไม่ถนัด" หรือ "ไม่ได้ฟิลลิ่ง" เหมือนตากล้องคนอื่นครับ ผมปรับตัวให้ชินกับกล้องได้ ไม่มีปัญหา มือถือจึงไม่เป็นปัญหากับผม ... ถ้ามือถือไม่มีปัญหา ก็คงไม่มีกล้องตัวไหนๆมีปัญหาอีกแล้ว เหอๆๆ ผมพร้อมที่จะใช้ทุกกล้อง
ถ้าอยากจะเล่นไร้สาระกับเลนส์มือหมุน Samsung NX Mini ก็ทำได้ครับ (ตอนนี้ใน Ebay มีขายไม่กี่เจ้าสำหรับ Adapter)
ผมลองกับ D-Mount Cine Lens ครับ ... แม้จะมีคนบอกว่า เมาท์ D-Mount ใช้ได้กับ Pentax Q เท่านั้น
แต่จริงๆมันใช้กับเซนเซอร์ 1 นิ้วได้ (ปล. เลนส์บางตัวเท่านั้น มักใช้ได้กับที่ระยะ 38mm ขึ้นไปครับ)
แต่ถ้า C-Mount หรือ Mount มือหมุนอื่นๆ ไม่มีปัญหาเลยครับ จับเล่นกับกล้องเซนเซอร์ 1 นิ้วได้เลย
ผมถ่ายโหมด P ครับ มันชดเชยแสงตามให้หมด (คนขายอแดปเตอร์บอกว่าต้องโหมด M ซึ่งจริงๆไม่ใช่)
ภาพตัวอย่างจากเลนส์ 38mm f1.4 บน Samsung NX Mini ครับ
สุดท้าย ใช้มือถือซัมซุง เป็นสายลั่นชัตเตอร์ได้ เห็นภาพโชว์ Live View ผ่านหน้าจอมือถือได้ ตามรูปเลยครับ!!
ต้องโหลดแอพซัมซุงสมาร์ทคาเมร่ามาลงมือถือด้วยนะครับ ไม่แน่ใจว่า iOS จะใช้ได้ไหม?
ข้อเสียคือ มันหน่วงนิดๆครับ และเวลาเปลี่ยนมาใช้โหมดนี้ ต้องตั้งค่าแชร์ รอสักครู่ อะไรแบบนั้น ... ซึ่งเวลาเดินเที่ยวจริงๆ มันน่ารำคาญ เอาเข้าจริง คงไม่ได้ใช้มากสำหรับการเน้นเที่ยวครับ
ก็จบรีวิวเพียงเท่านี้ครับ
ส่วนตัวมองว่านี่คือกล้องฟรุ้งฟริ้งเซลฟี่ที่ดีมากๆตัวหนึ่ง แต่ถูกลืมเพราะเป็นยี่ห้อซัมซุง
ผมอ่านรีวิวของกล้องตัวนี้ในด้านเซลฟี่ พบว่าคนรีวิวไม่รู้เรื่องกล้องเยอะครับ จับไปเซลฟี่ชนกับ Casio แล้วบอกว่า Casio ภาพสวยกว่า -*- (เครียดเลย) แต่จริงๆถ่ายวิว และถ้าตั้งเซลฟี่โหมดออฟไว้ ภาพและสีสุดยอดครับ ... อีกหนึ่งกล้องดีๆ ที่อยากบอกต่อครับ อย่าเพิ่งตัดสินจนกว่าจะลองเอง ^ ^ (ไม่รู้ยังมีให้จับที่ร้านไหม ผมไปจับที่ร้านก่อนครับ มั่นใจแล้วจึงซื้อมือสอง 555+)
เพราะกล้องในไลน์นี้ ภาพที่ออกมา ดีกว่ากล้องคอมแพคหรือมือถือเยอะจนเห็นได้ชัด ... แม้ไม่เท่าเซนเซอร์ 4/3 และ APS-C แต่ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร คือพูดตรงๆแล้ว ไฟล์ภาพมันสอบผ่านแหละครับ
และกล้องเด่นๆในไลน์นี้ก็คือ Sony RX100IV, Canon G7X, Nikon 1 J5
แต่ดันมีกล้องตัวหนึ่งที่ถูกลืม และโดนเหมาจากรูปลักษณ์ ว่าเป็นกล้องคอมแพค เกรดเดียวกับพวก Casio ฟรุ้งฟริ้ง หรือคอมแพคเซลฟี่ไปซะได้
กล้องตัวนั้นก็คือ Samsung NX Mini ที่ผมจะรีวิวคร่าวๆตัวนี้นั่นเองครับ (สาเหตุหนึ่งก็เพราะมันยี่ห้อ Samsung นี่แหละครับ ^ ^")
เหตุที่ผมสนใจกล้องเซนเซอร์ 1 นิ้ว ก็เพราะผมเริ่มจะขี้เกียจกับการพกกล้อง Mirrorless แล้วนั่นเอง
และติดใจกับการใช้มือถือถ่ายภาพง่ายๆ โดยเฉพาะเซลฟี่ (ผมหนีจาก DSLR มา Mirrorless และตอนนี้มากล้องเซนเซอร์ 1 นิ้ว) ... แต่ภาพจากมือถือตัวท๊อปๆก็ยังเลวร้ายอยู่ดี ถ่ายเล่นอัพเฟสน่ะโอเค เดี๋ยวนี้สีสวย ใช้ได้ ... แต่พอเข้าโหมดแสงน้อย ครอปรูป 100% (ซูมดูขนาดจริง 100%) แล้วดูไม่ค่อยได้ นอกจากนั้น ส่วนใหญ่จะดีแค่กล้องหลัง กล้องหน้าค่อนข้างแย่เอามากๆ iPhone 6 นี่กล้องหน้ากากไปเลย Samsung S6 กล้องหน้ากว้าง สีสวย แต่พอซูมแล้วก็หน้าเป็นวุ้นก้อนใหญ่ๆอยู่ดี
... กระโดดมาเป็นกล้องคอมแพค ... ก็ยังไม่พอใจผมนะ ^ ^" (ก็คนมันใช้ DSLR กะ Mirrorless มาก่อน จะให้ทำไง?)
...
ผมก็เลยมาลงตัวเอาที่กล้องเซนเซอร์ 1 นิ้ว ภาพอยู่ตรงกลางระหว่างดีมากกับแย่มาก ... ขนาดพกพาได้ หนาเท่าๆกับมือถือ 2-3 ตัวประกบซ้อนกัน ... และที่สำคัญ เซลฟี่ ภาพดีมากๆ ไม่แบ่งแยกกล้องหน้ากล้องหลังอย่างมือถือ (จริงๆไฟล์ภาพกล้องหลังมือถือ ก็ยังไม่พอใจผมอยู่ดี มันเท่าๆกับคอมแพค)
...
นี่ครับ Samsung NX Mini เมื่อพับหน้าจอมาเซลฟี่
และความบาง (รวมเลนส์แล้ว ... ต้องเป็นเลนส์ตัว 9mm f3.5 นะครับ ถ้า 9-27mm จะหนาเหมือนกัน)
เทียบกับกล้อง Mirrorless ของผม Olympus EPL5 ครับ
กล้อง Mirrorless ไม่ว่ามันจะบางกว่า DSLR แค่ไหน มันก็ยังใหญ่อยู่ดี ... ลองกล้องเซนเซอร์ 1 นิ้วดีกว่า
พกใส่กระเป๋ากางเกงก็ยังได้ครับ ... ถ้าไม่ห่วงรูปลักษณ์น่ะน่ะ มันดูไม่ดีเท่าไหร่ ^ ^"
แล้วถามว่า ทำไมผมเลือก Samsung NX Mini
ในวงการกล้อง หากไปถามห้องกล้อง pantip.com ... ตากล้องหลายๆคนตอบเป็นเสียงเดียว ว่าอย่าเลยซัมซุง
ผมเองก็สิงอยู่ในห้องกล้องเหมือนกันครับ ไม่เชิงไม่มีความรู้เอาซะเลย ผมเลยเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เพราะผมเป็นตากล้องที่เน้นสบาย ไม่พกหนัก และดันผ่าชอบเซลฟี่!! (คุณจะหาลักษณะแบบนี้ในตากล้องคนอื่นๆได้ยาก 555+) ... แต่ผมไม่ใช่แนวเซลฟี่แบบถ่ายตัวเองหล่อไปวันๆแล้วอัพเข้าเฟสนะ ผมเน้นถ่ายเซลฟี่กับวิวทิวทัศน์และสถานที่ที่ไปเที่ยวมากกว่าครับ เหอๆๆ
ผมก็เลย เข้าเวบขาประจำของผมครับ http://www.dpreview.com เลือกเมนู review และเลือกเมนู New studio scene comparison tool ครับ
เมนูนี้ จะรวบรวมภาพที่ถ่ายในสตูดิโอของ Dpreview เอาไว้จากกล้องหลากหลาย (เน้นรุ่นเรือธงของคอมแพคขึ้นไปครับ) ซึ่งสามารถเปรียบเทียบกับกล้องรุ่นอื่นๆได้ในระดับที่ดีกว่าเวบถ่ายภาพสวย ปรับ Photoshop ครับ (ใน Pantip เอง ประมาณ 80% ก็รีวิวกล้องแบบปรับภาพลง Photoshop ก่อนโพสต์กันเยอะนะครับ รีวิวจากเจ้าประจำที่รีวิวดีจริงๆ มีไม่เยอะครับ)
ผมตั้ง ISO 3200 ไว้ก่อน เพราะ ISO ต่ำๆ มันกินกันไม่ลงอยู่แล้ว
และเลือกเทียบในกลุ่มกล้องเซนเซอร์ 1 นิ้วเหมือนกันครับ
- Samsung NX Mini
- Sony RX100IV
- Nikon 1 J5
- Canon G7X
และนี่คือภาพที่ได้จากกล้อง 4 รุ่นที่ ISO 3200 (ภาพซูม 100% แล้วนะครับ)
Canon เนียนสุด แต่รายละเอียดหายเรียบไปหมด (ดูตรงหนวดครับ)
Sony ทำได้ดี แต่ติดแดงอมม่วงมานิดนึง
Nikon กึ่งๆ
Samsung Noise เม็ดใหญ่ๆหลุดมาปะปนบ้าง แต่สีและดีเทลโอเค
...
ย้ายภาพไปในส่วนของใบไม้ปลอมดูบ้าง
ดูด้วยตาแล้วกันว่าชอบอันไหน ^ ^
ย้ายไปบริเวณไพ่ เพื่อดู resolution ของภาพ
2 ภาพหลัง Samsung NX Mini ทำดีกว่าเพื่อนเลย ว่าไหม? (ยกเว้นภาพคนที่กึ่งๆ บอกไม่ได้ แล้วแต่ชอบ)
ใจผมน่ะ จริงๆชอบ Sony RX100IV กับ Canon G7X ครับ เพราะเค้าได้ F1.8 ไงครับ!! สุดยอดดด!! เรื่องอื่นเด็กๆไปเลยเมื่อเจอเลนส์ของสองตัวนี้ (Nikon 1 J5 ตัดทิ้ง เพราะตัวกล้องหนาไป)
แต่!! ผมไปเจอ Samsung NX Mini มือสองขายเยอะแยะ ราคา 7,000 บาท ... ยี่ห้ออื่นมือสองยังไม่ต่ำกว่าหมื่นเลยครับ
เลยมาตายรังที่ Samsung NX Mini ในเรื่องราคาเป็นเรื่องแรก
อีกอย่างคือ ผมอยากเซลฟี่บนไม้เซลฟี่ เพราะมันจะเก็บวิวได้กว้างกว่า (บอกแล้วว่าผมเซลฟี่กับวิว)
แต่กล้องตัวอื่น ไม่มีโหมดถ่ายออโต้ครับ (ถ้าตอบว่าตั้งเวลาถ่าย ... ทำได้ แต่ไม่โฟกัสหน้านะครับ เพราะมันโฟกัสตอนกดชัตเตอร์ ... ครั้นจะใช้สายลั่นชัตเตอร์ก็น่ารำคาญ รุงรังครับ)
แต่ซัมซุงรุ่นนี้ มันมีโหมดถ่ายออโต้ตอนยิ้ม กับกระพริบตาข้างเดียวครับ ซึ่งมันโฟกัสหน้าเราให้เรียบร้อยครับ
กระพริบตาข้างเดียว ถ้าอยู่ไกลจากกล้องหน่อย (บนไม้เซลฟี่) กล้องจะตรวจจับไม่ได้ ต้องใช้โหมดยิ้มจะดีกว่า
ทีนี้ อยากให้ลองดูครับ ว่าทำไมผมพึงพอใจกล้องเซนเซอร์ 1 นิ้ว เพราะเมื่อเทียบกับ M4/3 หรือ APS-C แล้ว มันไม่ได้แพ้เยอะแยะจนรับไม่ได้ครับ ลองดูครับ
ผมเทียบกับ Olympus EPL7, Fuji X-A2 และ Sony A5100 ซึ่งเป็นเซลฟี่ระดับ Hi-End จริงๆครับ
แน่นอนครับ ว่า Samsung NX Mini ยังเทียบเค้าไม่ได้ แต่ไม่ได้ห่างกันมากมาย
และที่สำคัญ มันบางกว่าเยอะมากครับ ส่วนต่างที่ได้มา กับการพกกล้องสบายๆ ... เมื่อดูแล้วเข้ากับไลฟ์สไตล์ผมมากกว่า ผมก็เลือกกล้องเซนเซอร์ 1 นิ้วละกัน
ถ้าถามว่า เทียบกับคอมแพคล่ะ?
ผมเทียบกับคอมแพคตัวท๊อปเลยครับ Nikon P7800, Fuji X30, Canon G16
พบว่า Samsung NX Mini ทิ้งขาดเหมือนกัน
ใครเข้าไปเล่นใน Dpreview แล้วไม่เห็นความต่างแบบนี้ ก็อย่าลืมปรับ ISO ให้เป็น 3200 หรือมากกว่านั้นนะครับ
เมื่อผมตกลงใจที่ Samsung NX Mini แล้ว ก็ซื้อมือสองมาทันที 7 พันกว่าๆ
จุดที่ไม่ชอบจุดแรกคือ โหมดเซลฟี่ ตั้งค่าภาพหลอกตา วิวทิวทัศน์ติดแดงและสว่างหลอกตาไปหมด (ซึ่งถ่ายวิวปกติ ไม่เป็นแบบนี้)
วิธีแก้คือตามในรูปครับ Auto Self-Shot ให้ตั้งเป็น Off ครับ (ส่วนโหมดถ่ายปกติ ผมเลือก P เพิ่มค่า Saturation ไว้ +1)
ภาพมันหลอกตายังไง?
ลองดูภาพล่างครับ ทางซ้ายคือถ่ายปกติ ภาพขวาคือโหมดเซลฟี่ครับ
บางคนอาจจะชอบนะครับ ผิวขาวๆเนียนๆ แต่สำหรับผม มันลดทอนคุณค่าของวิวที่เราเซลฟี่ด้วยไปเยอะมาก เลยไม่เอาดีกว่า ... อีกอย่าง บางสภาพแสง มันปรับซะโอเว่อร์ ภาพเสียเยอะเหมือนกัน
...
อย่างไรก็ตาม แก้ง่ายๆ แค่ตั้งในเมนูว่า Auto Self-Shot เป็น Off ก็แค่นั้นเอง
และนั่นคือจุดอ่อนเดียวที่ผมเจอครับ!! จริงๆ
จุดอ่อนอื่นๆผมใช้การปรับตัวเข้าแก้ ... คือผมเป็นคนที่ไม่เคยเจอปัญหา "จับกล้องไม่ถนัด" หรือ "ไม่ได้ฟิลลิ่ง" เหมือนตากล้องคนอื่นครับ ผมปรับตัวให้ชินกับกล้องได้ ไม่มีปัญหา มือถือจึงไม่เป็นปัญหากับผม ... ถ้ามือถือไม่มีปัญหา ก็คงไม่มีกล้องตัวไหนๆมีปัญหาอีกแล้ว เหอๆๆ ผมพร้อมที่จะใช้ทุกกล้อง
ถ้าอยากจะเล่นไร้สาระกับเลนส์มือหมุน Samsung NX Mini ก็ทำได้ครับ (ตอนนี้ใน Ebay มีขายไม่กี่เจ้าสำหรับ Adapter)
ผมลองกับ D-Mount Cine Lens ครับ ... แม้จะมีคนบอกว่า เมาท์ D-Mount ใช้ได้กับ Pentax Q เท่านั้น
แต่จริงๆมันใช้กับเซนเซอร์ 1 นิ้วได้ (ปล. เลนส์บางตัวเท่านั้น มักใช้ได้กับที่ระยะ 38mm ขึ้นไปครับ)
แต่ถ้า C-Mount หรือ Mount มือหมุนอื่นๆ ไม่มีปัญหาเลยครับ จับเล่นกับกล้องเซนเซอร์ 1 นิ้วได้เลย
ผมถ่ายโหมด P ครับ มันชดเชยแสงตามให้หมด (คนขายอแดปเตอร์บอกว่าต้องโหมด M ซึ่งจริงๆไม่ใช่)
ภาพตัวอย่างจากเลนส์ 38mm f1.4 บน Samsung NX Mini ครับ
สุดท้าย ใช้มือถือซัมซุง เป็นสายลั่นชัตเตอร์ได้ เห็นภาพโชว์ Live View ผ่านหน้าจอมือถือได้ ตามรูปเลยครับ!!
ต้องโหลดแอพซัมซุงสมาร์ทคาเมร่ามาลงมือถือด้วยนะครับ ไม่แน่ใจว่า iOS จะใช้ได้ไหม?
ข้อเสียคือ มันหน่วงนิดๆครับ และเวลาเปลี่ยนมาใช้โหมดนี้ ต้องตั้งค่าแชร์ รอสักครู่ อะไรแบบนั้น ... ซึ่งเวลาเดินเที่ยวจริงๆ มันน่ารำคาญ เอาเข้าจริง คงไม่ได้ใช้มากสำหรับการเน้นเที่ยวครับ
ก็จบรีวิวเพียงเท่านี้ครับ
ส่วนตัวมองว่านี่คือกล้องฟรุ้งฟริ้งเซลฟี่ที่ดีมากๆตัวหนึ่ง แต่ถูกลืมเพราะเป็นยี่ห้อซัมซุง
ผมอ่านรีวิวของกล้องตัวนี้ในด้านเซลฟี่ พบว่าคนรีวิวไม่รู้เรื่องกล้องเยอะครับ จับไปเซลฟี่ชนกับ Casio แล้วบอกว่า Casio ภาพสวยกว่า -*- (เครียดเลย) แต่จริงๆถ่ายวิว และถ้าตั้งเซลฟี่โหมดออฟไว้ ภาพและสีสุดยอดครับ ... อีกหนึ่งกล้องดีๆ ที่อยากบอกต่อครับ อย่าเพิ่งตัดสินจนกว่าจะลองเอง ^ ^ (ไม่รู้ยังมีให้จับที่ร้านไหม ผมไปจับที่ร้านก่อนครับ มั่นใจแล้วจึงซื้อมือสอง 555+)
Finding Dory - นีโม่ภาค 2 มาแล้ว++
คาดว่าหลายๆคนคงรู้จักกันดี กับการ์ตูนอนิเมชั่นชื่อดัง รางวัลออสก้าทำเงินและเป็นที่รู้จักกันดีทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่อย่าง Finding Nemo (ฟายดิ้ง นีโม่)
... และตอนนี้ Finding Nemo 2 ก็ได้ออกมาแล้วครับ ในชื่อว่า Finding Dory (ฟายดิ้ง ดอรี่)
ซึ่งตัวละครหลักของภาคนี้ กลายเป็นดอรี่แทน (แต่นีโม่ก็ยังมีบทมากอยู่ครับ)
การจับมือกันกับหนังอนิเมชั่นระหว่างดิสนี่ย์กับพิกซ่าจะเป็นอย่างไร ... ลองชม Finding Dory Trailer กันก่อนครับ!!
ปล. คลิปนี้ได้ถูกโพสต์ในชาเนลของ Ellen Show ครับ
... สาเหตุก็ไม่มีอะไร ... ฟังเสียงดอรี่แล้ว รู้สึกคุ้นๆไหม? เอเลนมาพากย์เสียงให้ดอรี่นั่นเองครับ ^ ^
ใครที่เป็นแฟนนีโม่ ก็พลาดไม่ได้กับภาคใหม่ภาคนี้อย่างแน่แท้!!
... และตอนนี้ Finding Nemo 2 ก็ได้ออกมาแล้วครับ ในชื่อว่า Finding Dory (ฟายดิ้ง ดอรี่)
ซึ่งตัวละครหลักของภาคนี้ กลายเป็นดอรี่แทน (แต่นีโม่ก็ยังมีบทมากอยู่ครับ)
การจับมือกันกับหนังอนิเมชั่นระหว่างดิสนี่ย์กับพิกซ่าจะเป็นอย่างไร ... ลองชม Finding Dory Trailer กันก่อนครับ!!
ปล. คลิปนี้ได้ถูกโพสต์ในชาเนลของ Ellen Show ครับ
... สาเหตุก็ไม่มีอะไร ... ฟังเสียงดอรี่แล้ว รู้สึกคุ้นๆไหม? เอเลนมาพากย์เสียงให้ดอรี่นั่นเองครับ ^ ^
ใครที่เป็นแฟนนีโม่ ก็พลาดไม่ได้กับภาคใหม่ภาคนี้อย่างแน่แท้!!
เห็นทั้งเมือง!! UFO สีฟ้า กลางเมืองลอสแองเจลิส อเมริกา!!
เมื่อคืนวันที่ 7 พฤศจิกายน 2015 ที่ผ่านมา ทั้งเมืองลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ต้องได้แตกตื่นกันทั้งเมืองกับวัตถุประหลาด ปล่อยแสงสีฟ้าออกมาแล้วก็จางหายไป ซึ่งปรากฎการณ์ดังกล่าว มีคนถ่ายคลิปไว้ได้มากมาย อัพกระหน่ำลงยูทูปหลายคลิป
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ต่างการดาวตกสีฟ้าที่เกิดในไทยที่ชัดเจนว่าเป็นเป็นดาวตก เพราะว่าเคลื่อนที่ช้ากว่าที่จะเป็นดาวตก และการปล่อยลำแสงออกมาก็ไม่เหมือนกับการระเบิดหรือลุกไหม้แต่อย่างใด ... ครั้นจะบอกว่าเป็นยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว ก็ห่างไกลเช่นกัน ... จนตอนนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนออกมาเคลมเหตุการณ์ดังกล่าวครับ ลองชมคลิปกันเลยครับ!!
จากคลิป จะเห็นว่าตอนแรกเป็นแค่จุดแสงสีขาว จากนั้น นาทีที่ 1:20 จะเริ่มปล่อยแสงคล้ายๆเปลวไฟสีส้มแดงออกมา(คล้ายๆออกมาทางด้านหลังทิศที่มุ่งหน้าไปครับ)
จากนั้น ช่วง 1:28 จะเริ่มกลายเป็นแสงสีฟ้า แล้วก็ตรงส่วนหัวปล่อยแสงสีขาวสว่างจ้า ขยายออกมาใหญ่มากๆ ... ส่วนแสงสีฟ้า กลายเป็นหางที่เป็นแนวยาวออกไป ... แล้วก็จางหายไปครับ
นี่เป็นแค่คลิปคลิปเดียวนะครับ มีอีกหลายคลิปเหมือนกันครับ แล้วก็ ต่างมุมกันก็เห็้นต่างกันด้วย คล้ายๆกับว่าประกายละอองที่ปล่อยออกมา มองอีกด้านก็จะเห็นอีกมุมนึง ประมาณนั้นน่ะครับ
และนี่ก็คือ UFO ของจริงในขณะนี้ครับ
เพราะ UFO ย่อมาจาก Unidentified Flying Object ที่แปลว่า วัตถุบินได้ที่ไม่สามารถระบุได้ว่าคืออะไร ... ไม่ได้หมายความเฉพาะว่าต้องเป็นยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวอย่างที่เข้าใจกันนะครับ ดังนั้น นี่แหละ UFO ขนานแท้!!
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ต่างการดาวตกสีฟ้าที่เกิดในไทยที่ชัดเจนว่าเป็นเป็นดาวตก เพราะว่าเคลื่อนที่ช้ากว่าที่จะเป็นดาวตก และการปล่อยลำแสงออกมาก็ไม่เหมือนกับการระเบิดหรือลุกไหม้แต่อย่างใด ... ครั้นจะบอกว่าเป็นยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว ก็ห่างไกลเช่นกัน ... จนตอนนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนออกมาเคลมเหตุการณ์ดังกล่าวครับ ลองชมคลิปกันเลยครับ!!
จากนั้น ช่วง 1:28 จะเริ่มกลายเป็นแสงสีฟ้า แล้วก็ตรงส่วนหัวปล่อยแสงสีขาวสว่างจ้า ขยายออกมาใหญ่มากๆ ... ส่วนแสงสีฟ้า กลายเป็นหางที่เป็นแนวยาวออกไป ... แล้วก็จางหายไปครับ
นี่เป็นแค่คลิปคลิปเดียวนะครับ มีอีกหลายคลิปเหมือนกันครับ แล้วก็ ต่างมุมกันก็เห็้นต่างกันด้วย คล้ายๆกับว่าประกายละอองที่ปล่อยออกมา มองอีกด้านก็จะเห็นอีกมุมนึง ประมาณนั้นน่ะครับ
และนี่ก็คือ UFO ของจริงในขณะนี้ครับ
เพราะ UFO ย่อมาจาก Unidentified Flying Object ที่แปลว่า วัตถุบินได้ที่ไม่สามารถระบุได้ว่าคืออะไร ... ไม่ได้หมายความเฉพาะว่าต้องเป็นยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวอย่างที่เข้าใจกันนะครับ ดังนั้น นี่แหละ UFO ขนานแท้!!
Warcraft ภาคหนังมาแล้ว!! ทั้งคอหนังคอเกม ห้ามพลาด!!
Warcraft เกมดังสาย PC ค่ำฟ้าที่คอเกมไม่มีใครไม่รู้จัก (ผมไม่ได้เล่นเกมนี้เพราะเป็นสายคอนโซลยังรู้จักเลย แล้วก็นึกออกด้วยว่าเกมนี้หน้าตาเป็นไง เห็นทุกร้านเกม 555+) ที่ประดิษฐ์ประดอยสอยเล็กสอยน้อยและสร้างกระแสมาทั่วโลกจากค่าย Blizzard นั้น ... ตอนนี้ก็ถูกเอาไปทำเป็นหนังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยค่าย Legendary ที่มีผลงานดังๆมากมาย ซึ่งตอนนี้ก็ปล่อย Teaser Trailer สั้นๆออกมาแบบให้แฟนหนังแฟนเพลงต้องอยากดูต่อเป็นที่เรียบร้อยแล้วตามคลิปด้านล่างนี้เลยครับ
จุดเด่นหลักๆของหนังเรื่องนี้จาก teaser สั้นๆที่พบคือ ไม่ทำสีหม่นๆมืดๆมัวๆแบบที่หนังสไตล์นี้ชอบทำ!! คือไม่รู้เป็นไร ถ้าเป็นหนังย้อนยุคที่มีสู้รบกัน ต้องใช้เอฟเฟคมืดๆดำๆ แต่หนังเรื่องนี้ สีสันแบบว่า "เคารพ" เวอร์ชั่นเกมมากๆเลยครับ สดใสสวยงามในฉากต่อสู้ และแม้จะเอาไปทำหนัง แต่โลโก้เอย สีสัน โทนของภาพ ยังให้ความเคารพเกมอยู่เยอะครับ
เนื้อเรื่อง : อาณาจักร Azeroth ถูกบุกรุกเพื่อยึดครองโดยเหล่า Orc ซึ่งอพยพย้ายมาจากดินแดนของตนผ่านประตูที่ถูกเปิดออกเพื่อหาถิ่นฐานที่เหมาะแก่การอยู่อาศัย ฝ่ายหนึ่งต้องเผชิญกับการถูกทำลาย และฝ่ายหนึ่งต้องเผชิญกับการสูญพันธุ์ ฮีโร่สองตนจึงได้กำเนิดขึ้น และตัดสินชะตาของผู้คน ครอบครัวของฝ่ายตน
ก็รอดูกันต่อครับ ว่า Trailer ตัวเต็มฉบับยาวนั้น จะน่าสนใจมากขึ้นแค่ไหน!
เนื้อเรื่อง : อาณาจักร Azeroth ถูกบุกรุกเพื่อยึดครองโดยเหล่า Orc ซึ่งอพยพย้ายมาจากดินแดนของตนผ่านประตูที่ถูกเปิดออกเพื่อหาถิ่นฐานที่เหมาะแก่การอยู่อาศัย ฝ่ายหนึ่งต้องเผชิญกับการถูกทำลาย และฝ่ายหนึ่งต้องเผชิญกับการสูญพันธุ์ ฮีโร่สองตนจึงได้กำเนิดขึ้น และตัดสินชะตาของผู้คน ครอบครัวของฝ่ายตน
ก็รอดูกันต่อครับ ว่า Trailer ตัวเต็มฉบับยาวนั้น จะน่าสนใจมากขึ้นแค่ไหน!
Sia - Bird Set Free สุดยอด!! พร้อมเนื้อร้อง ^ ^
เพลงใหม่ของ Sia ปล่อยมาอีกแล้วครับ เพลงใหม่เพลงนี้ชื่อว่า Bird Set Free เป็นเพลงที่ค่อนข้างชอบมากๆเป็นการส่วนตัวครับ หลังจาก Chandelier ก็ชอบเพลงนี้รองลงมา (แต่จริงๆก็เจ๋งทุกเพลงอ่ะนะ)
ท่อนคอรัสก็ I don't care if I sing off key. I find myself in my melodies. I sing for love. I sing for me. I'll shout it out like a bird set free. ท่อนนี้ไม่ต้องใส่ทำนองก็ลื่นพอที่จะมีเมโลดี้ในตัวมันเองอยู่แล้วเหมือนสิ่งที่เพลงสื่อมาเลย ชอบครับ ^ ^
ฟังได้เลยตามนี้
ส่วนเนื้อเพลงเต็มๆเพลงก็ตามนี้ครับ
Clipped wings
I was a broken thing
Had a voice
Had a voice but I could not sing
You would wind me down
I struggled on the ground
So lost, the line had been crossed
Had a voice, had a voice but I could not talk
You held me down
I struggle to fly now
But there's a scream inside that we are frightened
We hold on so tight, we cannot deny
Eats us alive, oh it eats us alive
Yes, there's a scream inside that we are frightened
We hold on so tight, but I don't wanna die, no
I don't wanna die
I don't wanna die
I'm not gon' care if I sing off key
I find myself in my melodies
I sing for love, I sing for me
I shout it out like a bird set free
No I don't care if I sing off key
I find myself in my melodies
I sing for love, I sing for me
I'll shout it out like a bird set free
I'll shout it out like a bird set free
I'll shout it out like a bird set free
Now I fly, hit the high notes
I have a voice, have a voice, hear me roar tonight
You held me down
But I fought back loud
But there's a scream inside that we are frightened
We hold on so tight, we cannot deny
Eats us alive, oh it eats us alive
Yes, there's a scream inside that we are frightened
We hold on so tight, but I don't wanna die, no
I don't wanna die, I don't wanna die
I'm not gon' care if I sing off key
I find myself in my melodies
I sing for love, I sing for me
I shout it out like a bird set free
No I don't care if I sing off key
I find myself in my melodies
I sing for love, I sing for me
I'll shout it out like a bird set free
I'll shout it out like a bird set free
I'll shout it out like a bird set free
I'll shout it out like a bird set free
I'll shout it out like a bird set free
I'll shout it out like a bird set free
ท่อนคอรัสก็ I don't care if I sing off key. I find myself in my melodies. I sing for love. I sing for me. I'll shout it out like a bird set free. ท่อนนี้ไม่ต้องใส่ทำนองก็ลื่นพอที่จะมีเมโลดี้ในตัวมันเองอยู่แล้วเหมือนสิ่งที่เพลงสื่อมาเลย ชอบครับ ^ ^
ฟังได้เลยตามนี้
ส่วนเนื้อเพลงเต็มๆเพลงก็ตามนี้ครับ
Clipped wings
I was a broken thing
Had a voice
Had a voice but I could not sing
You would wind me down
I struggled on the ground
So lost, the line had been crossed
Had a voice, had a voice but I could not talk
You held me down
I struggle to fly now
But there's a scream inside that we are frightened
We hold on so tight, we cannot deny
Eats us alive, oh it eats us alive
Yes, there's a scream inside that we are frightened
We hold on so tight, but I don't wanna die, no
I don't wanna die
I don't wanna die
I'm not gon' care if I sing off key
I find myself in my melodies
I sing for love, I sing for me
I shout it out like a bird set free
No I don't care if I sing off key
I find myself in my melodies
I sing for love, I sing for me
I'll shout it out like a bird set free
I'll shout it out like a bird set free
I'll shout it out like a bird set free
Now I fly, hit the high notes
I have a voice, have a voice, hear me roar tonight
You held me down
But I fought back loud
But there's a scream inside that we are frightened
We hold on so tight, we cannot deny
Eats us alive, oh it eats us alive
Yes, there's a scream inside that we are frightened
We hold on so tight, but I don't wanna die, no
I don't wanna die, I don't wanna die
I'm not gon' care if I sing off key
I find myself in my melodies
I sing for love, I sing for me
I shout it out like a bird set free
No I don't care if I sing off key
I find myself in my melodies
I sing for love, I sing for me
I'll shout it out like a bird set free
I'll shout it out like a bird set free
I'll shout it out like a bird set free
I'll shout it out like a bird set free
I'll shout it out like a bird set free
I'll shout it out like a bird set free
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)