รีวิวออยสกัดจากน้ำมันดอกไม้ L'OREAL Paris Extraordinary Oil

L'OREAL Paris Extraordinary Oil ลอรีอัล เอ็กซ์ตรอว์ดินารี่ ออย
เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของ ลอรีอัล ปารีส ที่ได้เปิดตัวให้ทดลองใช้ฟรี โดยการลงทะเบียนผ่าน facebook ซึ่งผมก็ได้ผลิตภัณฑ์เค้ามาชุดนึงด้วย
ใช้แล้วก็รู้สึกว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีมากๆ เข้าใจเลยว่าทำไมลอรีอัลกล้าแจกให้ไปลองก่อน
ว่าแล้วก็ขอรีวิวให้ดูกันคร่าวๆ จากประสบการณ์การใช้เพียงครั้งเดียวครับ
ในชุดทดลองของ L'OREAL Paris Extraordinary Oil ที่ได้มานั้น มีให้อยู่ 3 ซอง ซึ่งก็เหมือนกันทั้ง 3 ซองแหละครับ แต่ที่ให้มา 3 ซอง เพราะมีวิธีใช้อยู่ 3 รูปแบบ ทางลอรีอัลก็คงจะอยากให้ลองใช้ทั้ง 3 แบบล่ะครับ
... คือจริงๆเค้าบอกเลยว่า 108 วิธีใช้ เหอๆๆ
แต่หลักๆก็ตามภาพครับ
1. ก่อนสระผม ชโลมไว้ 10 นาทีแล้วค่อยสระผม
2. ก่อนไดร์ผม เพื่อปกป้องผมจากความร้อน
3. ขณะผมแห้ง ใช้แล้วผมจะเรียบลื่นเงางามไม่ชี้ฟูครับ
... แต่ผมเป็นผู้ชาย วันๆไม่ค่อยได้ไดร์ผมอะไร แล้วก็ไม่ใช่ประเภทใส่น้ำมันในชีวิตประจำวัน ก็เลยได้ลองแบบ "ก่อนสระผมครับ"

ซองที่ได้มาหน้าตาแบบนี้
และเมื่อฉีกซอง เทออยออกมา
...
ขอบอกว่าออยใสสะอาดมากๆ ดูตามรูปครับ ใสจนเหมือนไม่ได้เทออยมาบนฝ่ามือ
นอกจากนั้น กลิ่นยังสะอาดๆ มีกลิ่นหอมสะอาดจางๆ ไม่ฉุนไม่เยอะ ให้อารมณ์ธรรมชาติมากๆ
หลังจากชโลมผมไว้ 10 นาที ... ก็รู้สึกได้ก่อนจะไปสระผมอีกครับ ว่าออยสกัดจากน้ำมันดอกไม้ของลอรีอัลตัวนี้ดีมากๆ ไม่ให้ความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ ทั้งๆที่ผมชโลมออยไว้ชุ่มเต็มหัว (คือซองนึงใช้ได้กับผู้หญิงผมยาวน่ะครับ ผมไว้ผมสั้น เลยชโลมแบบว่าเยิ้มท่วมหัวเลย)
ผมรู้สึกนุ่มสุขภาพดีแบบเป็นธรรมชาติ คือมันไม่มีความรู้สึกของความเป็นสารเคมีจากออยสกัดตัวนี้เลยครับ
พอสระผมล้างออก ก็รู้สึกผมนิ่มกว่าปกติมากๆ ทั้งๆที่ผมไม่ได้ใช้ครีมนวดผมนะครับ!! สระออกอย่างเดียว สระออกสองครั้งด้วย ปรากฎว่าผมแห้งแล้ว ก็นุ่มแบบเป็นธรรมชาติมากๆครับ

ก็แนะนำครับ สำหรับผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ผมว่าใช้ดี ไม่ให้อารมณ์สารเคมีด้วยครับ ^ ^

รีวิว Lady Gaga - ARTPOP อัลบั้มใหม่สำหรับคนชอบสนุก!!

Lady Gaga - ARTPOP เป็นอัลบั้มใหม่ล่าสุดของเลดี้กาก้า ที่วางจำหน่ายปุ๊บ ก็ขึ้นอันดับหนึ่งของ Billboard Hot 200 ทันที!!
หลังจากซื้อมาฟังก็เข้าใจเลยครับ เพราะเพลงมันป๊อปมากๆ ป๊อปทุกเพลง!! แม้จะมีเพลงถึง 15 เพลงแต่ความป๊อปก็ไม่ตก!! เรียกว่าคนซื้ออัลบั้ม ARTPOP ของเลดี้กาก้า ไม่น่าจะมีผิดหวัง
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของ "รายเพลง" ที่แยกออกมา ผมว่ายังไม่เด่นมาก คุณอาจจะไม่ได้เห็นเพลงฮิตสุดๆจากอัลบั้มนี้ แต่ค่าเฉลี่ยโดยรวมของเพลงทำออกมาได้ดี
เพลงที่ส่วนตัวชอบมากที่สุดในอัลบั้มนี้ก็คือ Aura ครับ
เพลงนี้เหมาะกับคำว่า ARTPOP ที่สุด เพราะเพลงมัน POP และ ART ในเวลาเดียวกัน!! เพลงนี้แนวมากๆ แนวสุดแล้วครับ ดูมีความสร้างสรรค์ที่สุดเมื่อเทียบกับทุกเพลงในอัลบั้ม
เพลงอื่นออกแนว pop dance ซะเยอะ ซึ่งผมไม่ชอบเพลงแนวนี้เอาซะเลยเป็นการส่วนตัว ... แต่กับ Aura เพลงมันยำทุกแนวครับ dance ก็มีปน hard หน่อย dirty นิดๆ แล้วก็ผสมป๊อปเข้าไป
ส่วนตัวก็เลยชอบเพลง Aura มากสุดในอัลบั้ม
ส่วนเพลงอื่นๆ ที่รู้สึกชอบ มีอยู่ 5 เพลง (จากทั้งหมด 15 เพลง ... ก็ไม่มากไม่น้อยครับ 1 ใน 3 ก็จัดว่าเยอะอยู่นะ สำหรับตัวผม)
เพลงที่ชอบก็มี Aura, Venus, MANiCURE, Do What U Want, Applause ซึ่งก็เป็นเพลงโปรโมทหลักๆของ Lady Gaga ไป 4 เพลง
...
แต่จุดเด่นที่ทำให้ผมชอบ ARTPOP แม้ผมจะไม่ชอบ dance ก็เพราะเพลงหลายๆเพลงมีริฟฟ์ในแนวร็อคอยู่บ้าง ตัดเอาบีทแดนซ์ๆออกไป ผมก็เฮฮากับมันได้
แต่ใครที่ชอบแนวแดนซ์แนวป๊อปอยู่แล้ว อัลบั้มนี้เป็นอะไรที่คุณห้ามพลาดมากๆครับ ทำได้ดีในแนวของมันทุกเพลง
นอกจากนั้น ตัวเมโลดี้ยังจับต้องได้ง่าย เข้าถึงคนทุกแนวได้ไม่ยาก เพลงคุณภาพทุกเพลงครับ (คือส่วนตัวผมชอบแค่ 1 ใน 3 แต่ฟังแล้วรู้สึกว่าตั้งใจทำทุกเพลงครับ และดีทุกเพลง แต่ขึ้นกับว่าเราจะถูกจริตเพลงไหนก็แค่นั้น)
นอกเหนือจากเรื่องเพลง
อัลบั้มนี้ดีตรงมี "เนื้อเพลง" (lyrics) มาให้ด้วย เย้!!
แต่อ่านยากมากๆ เพราะเรียงแนวนอนสุดหน้ากระดาษกันไปเลย

และที่สำคัญที่แฟนๆของเลดี้กาก้าไม่น่าพลาดก็คือ Artwork ในอัลบั้ม รูปนุ่งน้อยห่มน้อย ... ไม่สิ ไม่ได้นุ่งอะไรเลย -*- แต่ทำออกมาเป็น "ศิลป์" และ "ดูไม่โป๊" ของเจ๊กาก้าในอัลบั้มนี้ ดูแนวและน่าจะเหมาะกับคนที่ชอบสไตล์ของเจ๊กาก้าครับ (โดยเฉพาะรูปหน้ากลาง ... ที่ผมไม่ได้เอามาลงให้ชมครับ เพราะเดี๋ยวจะเป็นการ spoil ภาพในอัลบั้มมากเกินไป ^ ^")
สรุป แม้ซิงเกิ้ลเดี่ยวๆ อาจจะไต่ยอดไปได้ไม่ดีเท่างานเก่าๆ แต่ตัวอัลบั้มรวมๆ คาดว่าแฟนๆของเจ๊กาก้าไม่น่าจะผิดหวังครับ
เป็นเพลงที่เหมาะกับคนชอบสนุกคึกคัก ... ถ้าให้เปรียบ ผมว่าคล้ายๆงานของ Garbage ชุดหลังๆ เพียงแต่ Garbage มีความเป็น Rock เข้ามาเจือมากกว่าและไม่แดนซ์เท่าครับ แต่อารมณ์ไม่ต่างกันมาก ^ ^

รีวิวครีมทาหน้าสำหรับผู้ชาย POND'S Men Energy Charge ^ ^

POND'S Men Energy Charge พอนด์ส เมน เอ็นเนอร์จี้ ชาร์จ ครีมทาหน้าตัวใหม่ล่าสุดของพอนด์ส ที่หันมาเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ชายตอนนี้ กำลังโฆษณาโดยมีมาริโอ้เป็นพรีเซนเตอร์ ... ซึ่งนับว่าเป็นการเลือกพรีเซนเตอร์ที่ดี เพราะมาริโอ้จัดเป็นหนุ่มหล่อในแนวหน้าใส เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ชายที่อยากหน้าใสเด้งและขาว ... และแน่นอน ว่าผมคนนึงก็เป็นเหยื่อโฆษณา ... ซื้อมาใช้เรียบร้อยแล้วครับ สำหรับครีมทาหน้าตัวใหม่อย่าง พอนด์ส เมน เอ็นเนอร์จี้ ชาร์จ
สาเหตุที่เห็นโฆษณาแล้วซื้อมาใช้เลยนั้น ก็มีหลายเหตุผล
1. เท่าที่ใช้ของพอนด์ส มักจะได้รับประสบการณ์ที่ดี ซึ่งผมก็ได้รีวิวครีมของพอนด์สตัวอื่นๆอยู่บ้างเหมือนกัน
2. หาซื้อง่าย มีขายในเซเว่น ซึ่งเป็นขนาดปริมาณน้อย เหมาะแก่การทดลอง (ใช้ดี ค่อยซื้อกระปุกหรือหลอดใหญ่อีกที ^ ^)
สำหรับครีม POND'S Men Energy Charge นั้น ... มันก็ไม่ได้เป็นเนื้อครีมหรอกครับ เป็นเนื้อเจลเหลวๆ ที่พอนด์สบอกว่าเป็น "เจลมอยซ์เจอร์ไรเซอร์" (gel moisturizer) น่ะครับ
เนื้อเจลเหลวๆคล้ายๆโลชั่น เบาๆไม่หนักหน้าครับ
ส่วนคำว่า Energy Charge นี่แบบว่าแหม ยังกะชาร์จพลังแน่ะ เจลทาหน้าแล้วจะมีพลัง? ฟังดูแปลก แต่จริงๆแล้วที่พอนด์สใช้คำนี้เพราะต้องการสื่อว่าช่วยปรับหน้าทรุดโทรมให้กลับมาดูเปล่งปลั่งได้ เสมือนได้รับการชาร์จพลังใหม่นั่นเอง
จุดเด่นหลักๆคือ Coffee Bean Extract สารสกัดจากเมล็ดกาแฟครับ ซึ่งทางพอนด์สบอกว่า "เห็นผลแม้จะใช้ในครั้งแรก" อะไรจะขนาดนั้น
เนื้อเจลจะเป็นสีกาแฟจางๆอ่อนๆแบบนี้ครับ
หลังจากใช้ ... ส่วนตัวชอบครับ อย่างแรกคือผลิตภัณฑ์พอนด์สนั้น ผมใช้ไม่แพ้ ดังนั้นใช้ทีไหนก็ถูกใจทีนั้น
ส่วนเรื่องที่ว่าใช้แล้วหน้าหมองคล้ำกลับกลายเป็นดีทันทีหรือไม่? อันนี้มองไม่ออกครับ แต่ฟีลลิ่งของเจลบนหน้านั้นค่อนข้างดีครับ ไม่เหนียวเหนอะหนะเท่าพวกผลิตภัณฑ์ครีมของพอนด์สที่เจาะกลุ่มผู้หญิง ... ซึ่งปกติ ถ้าคุณไปซื้อผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายยี่ห้ออื่นๆ เนื้อครีมจะหนักกว่าของผู้หญิง แบบว่าผู้ชายหน้าหนากว่ามั้ง ส่วนใหญ่เลยทำเข้มข้นเจาะลึก ซึ่งผู้ชายส่วนใหญ่ไม่น่าจะชอบครับ เพราะผู้ชายจะเคยชินกับการที่หน้าไม่ได้โปะเครื่องสำอางค์แบบผู้หญิง (ผู้หญิงสมัยนี้ เอาเข้าจริงๆหน้าหนักมาก แต่ก็มิหวั่น 555+)
รวมๆก็เลยอยากแนะนำครับ ผมว่าใช้ดีในแง่ความรู้สึกแรกใช้ แต่หน้าจะเด้งจะใสแบบมาริโอ้หรือไม่นั้น รอดูกันอีกทีครับ 555+ ^ ^

รีวิว Manifesto Yves Saint Laurent น้ำหอมหวานกรุ่น ^ ^

Manifesto Yves Saint Laurent เป็นน้ำหอมที่ไปเจอมาที่เคาท์เตอร์ของ Yves Saint Laurent ที่โรบินสันครับ
เห็นว่าเพิ่งออกใหม่ แบบว่ามีโบรชัวร์ พร้อมกับเชิญชวนให้ทดลอง ... ก็เลยลองสักหน่อย!! ^ ^

เริ่มด้วยโบรชัวร์ก่อนครับ เป็นการ์ดที่ใช้รูปที่สะดุดตาด้วยหญิงสาวที่มีมือเปื้อนสีม่วงเข้มๆ พร้อมกับขวดทรงคอดกลาง
และเมื่อพนักงานขายที่เคาเตอร์เชิญชวนให้ลองเพราะเห็นผมด้อมๆมองๆมันอยู่นาน ก็มีหรือที่ผมจะปฏิเสธ ก็เลยขอลองสักหน่อยครับ ว่าน้ำหอมตัวนี้ของ Yves Saint Laurent เป็นเช่นไร? (หยิบโบรชัวร์ติดมือมาถ่ายรูปอีกทีครับ ... ขออภัยที่กล้องเห่ยไปนิด ... กล้องมือถือน่ะครับรอบนี้)
หลังจากได้ทดลองกลิ่น ... อืมมม!! โอเคเลย!! กลิ่นหญิงมากๆ แต่ไม่เน้นดอกไม้เกร่อๆ
... กลิ่นออกหวานๆน้ำตาลครับ ... แล้วก็วานิลลานำมาพร้อมๆกับความหวาน แล้วก็ตามด้วยความหอมของดอกไม้ กลิ่นที่เหลือ ผมอ่านไม่ออกครับ แต่รวมๆปนๆกันค่อนข้างมีเสน่ห์ กลิ่นออกแนวน่าอร่อยอ่ะครับ

และนี่คือหน้าตาของแผ่นทดสอบน่ะครับ
หลังจากทดสอบแล้ว เอากลับมา ... ลองดมดูอีกที (ห่างกัน 5 ชม.) ... น้ำหอมตัวนี้ ผมว่า top กับ middle ไม่ต่างกันมากครับ แต่ตอน middle ความหวานจะลดลง แต่ยังหวานอยู่ วานิลลาและดอกไม้ยังคงทนดังเดิมครับ ... ตัวนี้เป็น EDP ซึ่งก็ถือว่าทนนานดีครับ กับความเป็น EDP ของมัน

สรุป ถ้าชอบความหอมสมัยใหม่หวานๆ ตัวนี้แนะนำครับ
แต่หากพูดถึงความแปลกหรือความขลังตลอดจนตำนาน ... ตัวนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้นครับ

สำหรับราคา Manifesto Yves Saint Laurent มี 3 ขนาดครับ คือ 30 ml, 50 ml และ 90 ml ครับ ราคาเรียบง่ายดีครับ 2,000, 3,000 และ 4,000 บาท ตามลำดับครับ ^ ^

กล้องที่แพงสุดๅ Leica Luxus II ประมูลขายได้ 20 ล้าน บอกว่า "ล้มเหลว" !!

กล้องที่แพงที่สุดในโลกตัวไหนรุ่นใดแพงที่สุด ผมไม่รู้ รู้แต่ว่าเจ้า Leica Luxus II ที่ทำมาเป็นสีทอง มาพร้อมเคสหนังจระเข้ ผลิตเมื่อปี 1932 และมีเพียง 4 ตัวในโลกตัวนี้ ประมูลขายได้ถึง 620,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราวๆ 20,000,000 บาท!!
ตามในรูปนี้เลยครับ เก่าโคตรๆ (แต่ตอนมันออกใหม่ๆในตอนนั้น คงจะอร้าอร่ามน่าดูชม)
...
กระนั้นก็ตาม แม้เจ้าตัวนี้จะขายได้ถึง 20 ล้านบาท ... สำนักข่าวของ BBC ก็รายงานว่า มันล้มเหลวไม่เป็นท่า!! (อร๊ายยย กล้องฟิล์มโบราณบุโรทั่ง ขายได้ 20 ล้าน บอกล้มเหลว!!)
สาเหตุที่ล้มเหลวก็เพราะมีการคาดการณ์ว่าจะถูกประมูลไปในราคาสูงถึง 40 ล้านบาท!! แต่กลับขายได้เพียง 20 ล้าน หรือเพียงครึ่งเดียวของราคาประเมินนั่นเอง!! (แต่โดยส่วนตัวอ่ะนะ รู้สึกว่า ขายได้ก็บ้าแล้ว)
... แหล่งข่าวยังระบุอีกว่า ก่อนหน้านี้ ที่ทำสถิติไว้แรงที่สุดของ Leica คือ Leica O ซึ่งถูกประมูลไปด้วยราคา 88 ล้านบาท!! หรือ 2.78 ล้านดอลล่าร์ (สรุปแล้ว มันก็มีคนบ้าพอจะซื้อ แม้ราคาเกือบร้อยล้าน ... แบ่งเงินมาให้เราสัก 8 ล้านก็ยังดี -*-)

ที่มา: BBC

กล้องที่ดีที่สุดแห่งปี 2013-2014 โดย DPReview!!

คนเล่นกล้องที่ชอบเสิร์ชดูข้อมูลกล้องในอินเตอร์เนท รับรองว่าไม่มีใครไม่รู้จัก DPReview.com แน่นอน!! เพราะเจ้านี้รีวิวกล้องเยอะแยะมากมายหลากหลาย รีวิวอ่านง่าย แถมมีภาพในช่วงต่างๆมาเปรียบเทียบกันระหว่างกล้องต่อกล้องได้เห็นชัดเจนที่สุด!! แถมข่าวคราวในวงการกล้องและการถ่ายภาพ ตลอดจนโปรแกรมตกแต่ง เวบ DPReview ก็อัพเดทตลอดครับ

มาตอนนี้ ใกล้สิ้นปี 2013 ละ ... ทาง DPReview ก็ได้สรุปกล้องที่ทางเวบชอบที่สุดออกมาครับ!! ในชื่อว่า Gear of the Year ครับ โดยให้บรรณาธิการและนักรีวิวของเวบได้เลือกกล้องที่ชอบที่สุดตามใจตนออกมา
... บอกตรงๆว่าผลของ Part 1-2 นั้น "ตรงใจผมมาก" มันเป็นกล้องรุ่นที่อยากได้ที่สุดในตอนนี้พอดี ทั้ง 2 ตัวเลยครับ!! และนั่นก็คือสาเหตุที่เอาข้อมูลมาลงนี่ล่ะครับ ^ ^"
คือปกติเรื่องแบบนี้ ไม่กล้อง Canon DSLR ก็กล้อง Nikon DSLR นี่แหละครับ ที่มักจะถูกหยิบยกออกมา ว่าเป็นกล้องน่าสนใจแห่งปี ... แต่โดยส่วนตัวผมแล้ว กำลังปลื้มกล้องอยู่สองรุ่นที่ไม่ใช่ของ 2 ค่ายนั้นอยู่เป็นการส่วนตัว ... แล้ว DPReview ดันหยิบ 2 รุ่นนี้มา ... มันก็เลยแบบว่า "เฮ้ยย!!" ตรงใจง่ะ!!
... มาดูกันเลยดีกว่า ว่ามีกล้องอะไรบ้าง ^ ^

Part 1 โดย Barnaby Britton
"Fujfilm X100S"
นี่คือกล้องยั่วกิเลสโดยส่วนตัวมากๆ ด้วยไฟล์ภาพที่กินกล้อง Fullframe ในด้าน resolution ของ Fuji นั้น มันก็ทำให้เรารู้สึกทึ่งอยู่แล้ว ... แต่มาด้วยบอดี้เท่ๆ มาด้วยเลนส์เท่ๆ และบวกด้วยความวินเทจ มันทำให้กล้อง Fujfilm X100S ไม่ได้มีดีแค่ภาพ หรือหน้าตาเพียงด้านเดียว แต่ดีไปซะทุกด้าน!! ... และที่สำคัญ จุดอ่อนของกล้อง Fuji ที่โฟกัสช้า รุ่นนี้ก็แก้มาแล้ว!! มันจึงแทบจะไร้เทียมทาน!!
สำหรับความเห็นของ Barnaby Britton ก็ตามนี้ครับ
  • 16MP X-TRANS sensor ให้ภาพที่ดีมากๆ เร่ง ISO ถึง 3200 ก็ยังไม่มี noise เลยสักแอะ!! (และแม้จะ 6400 หรือ 12800 ผมก็ว่ายังพอรับได้นะครับ ... ความเห็นในวงเล็บนี่เติมเอง 555+)
  • เลนส์ 35mm (equivalent) F2 คมทุกช่วงรูรับแสง ทำให้ถ่ายได้ทุกสภาพแสงได้อย่างดี
  • มี OVF ในแบบ Built-in Hybrid electronic / optical finder ซึ่งหรูหราและใช้งานได้ดีเยี่ยม
  • ระบบปรับรูรับแสงแมนวล รวมถึงสปีดชัตเตอร์และปุ่มต่างๆ ดูมีระดับ ใช้ได้ดี
  • ระบบโฟกัสแบบ On-sensor phase-detection AF เร็วและเที่ยงตรงแทบจะในทุกสถานการณ์
  • ระบบ Focus peaking และ Digital Split Image ช่วยให้ถ่ายแบบมือหมุนได้ดี
อ่านฉบับเต็มได้ที่ http://www.dpreview.com/articles/5641954404/dpreview-gear-of-the-year-part-1-fujifilm-x100s

Part 1 โดย Allison Johnson
"Panasonic Lumix GM1"
เพียงแค่ได้ข่าวกล้องตัวนี้ปุ๊บ ก็อยากได้ปั๊บเลยครับ ... เพราะนี่คือ M4/3 ที่ไซส์คอมแพคมากๆ คอมแพคแท้ๆ น่าพกน่าใช้ และผมเองมีเลนส์ 20mm 1.7 อยู่แล้ว มันคงจะเหมาะกับกล้องตัวนี้มาก
ที่สำคัญอีกอย่างก็คือ Panasonic ทำไฟล์ภาพได้ดีเยี่ยมแล้วด้วย!!
สำหรับความเห็นของ Allison Johnson ก็ตามนี้ครับ
  • เซนเซอร์ 16 megapixel Four Thirds sensor (ไม่ได้อธิบายเลยว่าเด่นตรงไหน -*- ผมตอบแทนว่าไฟล์มันดีมากๆไม่แพ้ GX7 ครับ)
  • มีระบบเชื่อมต่อ Wi-Fi
  • หน้าจอ 3.0 นิ้ว แบบ touch screen
  • มันเหมาะกับเลนส์ฟิกซ์คอมแพคอย่าง 20mm 1.7 มากๆ (ความคิดเหมือนผมเลย เพราะเลนส์ตัวนี้สุดยอดจริงๆ)
  • มีระบบ Mode dial และการควมคุมจากปุ่มภายนอกอื่นๆที่สะดวก
  • หนังที่หุ้มอยู่ดูดี บอดี้แบบแมกนีเซียมอัลลอย แถมยังดูเป็นโลหะที่แข็งแรง
อ่านฉบับเต็มได้ที่ http://www.dpreview.com/articles/5355550938/dpreview-gear-of-the-year-part-2-panasonic-lumix-dmc-gm1

คิดว่าต้องมีคนชอบเหมือนผมบ้างแหละ ^ ^
ถ้ามี Part 3 เพิ่ม จะมาอัพเดทอีกทีครับ ^ ^

"รวมรีวิว" Cape Nidhra เคปนิทราหัวหิน สระว่ายน้ำทุกห้อง!!

Cape Nidhra Hotel Hua Hin - เคปนิทรา หัวหิน เป็นโรงแรมรีสอร์ทที่เปิดใหม่ได้ 2-3 ปีกว่าๆเองมั้งครับ ตอนแรกก็สะดุดใจกับชื่อที่มีคำว่า cape ว่ามาจากเครือพวก cape ต่างๆที่เปิดโรงแรมหลายๆแห่งในไทยหรือเปล่า? สรุปแล้วก็คือใช่ครับ Cape Nidhra เป็นโรงแรมในกลุ่มของ Cape Hotel Collection ครับ ซึ่งโรงแรมของเครือนี้ ที่อื่นๆก็จัดว่าน่าสนใจครับ โดยเฉพาะ Cape Panwa ที่ทำเลดีมากๆในภูเก็ต
และ สำหรับตัว Cape Nidhra Hotel Hua Hin นั้น สำหรับทำเลในหัวหิน ก็จัดว่าทำเลเยี่ยมเช่นกัน!! และความหรูหราของห้องพักก็เกินหน้าเกินตารุ่นพี่ไปมาก เพราะที่นี่นั้น เค้ามีสระว่ายน้ำส่วนตัวให้ทุกห้อง พูดง่ายๆก็คือ แม้จะไม่ได้เป็นวิลล่า แต่ใครที่มองหาที่พักสไตล์พูลวิลล่าย่านหัวหินชะอำ ห้ามลืมพิจารณาเคปนิทราหัวหินเด็ดขาด!!


ขอรวมรีวิวเอาไว้ให้สำหรับคนที่กำลังมองหารีวิวของที่นี่กันหน่อยครับ ส่วนใหญ่มาจาก pantip ครับ (แบ่งเป็นปีๆไว้ครับ)

ปี 2555

ปี 2554

โรงแรมรีสอร์ทที่หัวหินที่ผมอยากไปพักนั้น มีอยู่หลายที่เลยครับ ที่ยังไม่ได้พัก เจอ Cape Nidhra เข้าไปอีก ยิ่งลำบากใจไปใหญ่ เพราะที่นี่ก็น่าพักมากๆเช่นกัน!!
รีวิวแต่ละเวบที่เห็นก็ยั่วกิเลสเอามากๆ -*-

"รวมรีวิว" Let's Sea Hua Hin รีสอร์ทดังแห่งหัวหิน ^ ^

Let's Sea Hua Hin Al Fresco Resort - เล็ทส์ซีหัวหิน เป็นรีสอร์ทที่อยากไปนานมากๆแล้ว นานตั้งแต่เวอร์ชั่นเก่า จนเค้าปรับปรุงทาสีตกแต่งใหม่ ก็ยังไม่ได้ไปครับ ^ ^"
สาเหตุก็หลายอย่าง อย่างแรกก็คือหัวหินรีสอร์ทสวยๆเยอะเหมือนกัน แล้วไม่รู้เป็นอะไร ช่วงว่างๆที่อยากไปหัวหิน (ซึ่งก็นานๆทีอ่ะนะ จะได้ไป) มักจะเป็นช่วงที่ Let's Sea Hua Hin ราคากำลังแพง แรงแซงทางโค้งทุกที -*- เลยไม่ได้ไปพัก
... แต่ก็นะ โอกาสหน้า ถ้าได้แว่บไปเที่ยวหัวหินกับคุณภรรยาอีก คงจะได้พักที่นี่จนได้ล่ะ


และนี่คือรีวิวของ Let's Sea Hua Hin ที่ผมได้รวมๆเอาไว้ครับ จะแบ่งเป็นห้อง Studio Pier (ห้องชั้นล่างแบบ Pool Access ติดสระว่ายน้ำ) กับห้อง Moon Deck Suite (ห้องชั้นบนที่มีดาดฟ้า) เอาไว้ครับ
รีวิวส่วนใหญ่ก็จาก pantip น่ะล่ะครับ ^ ^"

Studio Pier

Moon Deck Suite

เป็นไงครับ Let's Sea หัวหิน ... เป็นรีสอร์ทที่เปิดมานานมากแล้ว แต่ปัจจุบัน ก็ยังดูทันสมัยมากๆ ไม่ตกยุคเลยครับ น่าพักอย่างไรก็น่าพักอยู่อย่างนั้น!!

ซิฟิลิสที่ลำยองเป็น ป้องกันยากกว่าเอดส์

ตอนนี้กระแสละครเรื่อง "ทองเนื้อเก้า" กำลังดัง ... ผมก็เลยขอโหนกระแสตอนนี้กับเรื่องของ ซิฟิลิส (Syphilis) กับเค้าหน่อย
เพราะเท่าที่เห็นข้อมูลสื่อที่ออกมาจากบอร์ดต่างๆหรือตามเวบข้อมูลสุขภาพต่างๆ ยังมีความคลาดเลื่อนอยู่เล็กน้อยในเรื่องของการป้องกัน เลยมาบอกต่อกันครับ ^ ^

หากพูดถึงการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เราจะบอกว่า "ใช้ถุงยางอนามัยสิ" ซึ่งกับกามโรคทั่วๆไป ก็ได้ผลที่โอเคดี โรคเอดส์หรือติดเชื้อ HIV ก็ป้องกันได้
แต่กับ "ซิฟิลิส" ที่ลำยองเป็นนั้น ไม่เสมอไปครับ!!
ที่ใช้คำว่า ไม่เสมอไปนั้น จริงๆก็คือ ตามปกติแล้ว ถุงยางอนามัยก็ป้องกันซิฟิลิสได้แหละครับ ^ ^
แต่ซิฟิลิส มีความพิเศษที่ช่วยเพิ่มโอกาสติดขึ้นมาได้มากกว่ากามโรคอื่นๆแม้จะใช้ถุงยางอนามัยครับ เพราะการติดต่อเชื้อของซิฟิลิสนั้น จะเกิดจากติดจากแผลซิฟิลิส (ที่เรียกกันว่าแผลริมแข็ง ซึ่งเป็นอาการของซิฟิลิสระยะแรกๆครับ) ซึ่งเจ้าแผลริมแข็งนี้ หากปรากฎบนอวัยวะเพศชาย ก็ใช่ว่าจะอยู่ในส่วนที่ถุงยางอนามัยหุ้มเอาไว้เสมอไป อาจจะอยู่บริเวณขาหนีบหรือหัวเหน่าก็ได้ หรือหากมีแผลอยู่บริเวณอวัยวะเพศหญิง ก็ใช่ว่าบริเวณที่เป็นแผลซิฟิลิสนั้น จะไม่สัมผัสส่วนที่ไม่ถูกถุงยางอนามัยห่อหุ้มไว้!! ... ดังนั้น ถ้าโชคร้าย แผลซิฟิลิสไปอยู่ในส่วนที่ถุงยางอนามัยไม่ได้คลุมเอาไว้ ก็ป้องกันไม่ได้!!
ซึ่งมันจะต่างจากเอดส์ครับ ต่อให้น้ำในช่องคลอดที่มีเชื้อเอดส์มาโดนบริเวณอื่นๆนอกจากส่วนของ glans, corona และช่วงผิวหนังที่ถัดจาก corona ไม่มากนัก ... ก็ไม่ติดเอดส์ครับ!! (ใครงงว่า glans เอย corona เอย คือตรงไหน? ไปเสิร์ชกูเกิ้ลเอาเองจ้า)
แต่กับซิฟิลิสนั้นไม่ใช่ สามารถติดต่อได้แม้แต่บริเวณขาหนีบหรือหัวเหน่าตามที่ได้พิมพ์กล่าวมาแล้ว ซึ่งบริเวณนั้นๆ ถุงยางอนามัยคงไม่สามารถไปป้องกันได้ครับ

อย่างไรก็ตาม โชคดีที่ซิฟิลิสรักษาได้ครับ (แต่ถ้าเป็นระยะท้ายๆ รักษาไม่ทันเหมือนกันครับ ตายแบบลำยองแน่ๆ) แต่ถ้าจะให้ดี อย่าเสี่ยงดีกว่า ^ ^

รีวิว Fat Boy's BBQ and Grill ร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างเด็ดๆ จังหวัดตาก ครับ ^ ^

ร้าน Fat Boy's BBQ and Grill นี้ เป็นร้านอาหารในอำเภอเมืองตาก เป็นบุฟเฟ่ต์หมูกระทะไฮโซปิ้งย่างครับ อยู่บนถนนเส้นหลัก 10 เลนของจังหวัดตากครับ ดังนั้นใครขับรถผ่านไปจังหวัดตาก รับรองว่าหาไม่ยาก
ผมเห็นร้านนี้นานแล้ว ก็อยากไปลองเหมือนกัน เพราะมันตั้งอยู่ในอาคารเสริมส้มปล่อย ที่หน้าตาอาคารดูดีน่านั่งอยู่เหมือนกันน่ะครับ
จนได้มีโอกาสแวะไปชิม ก็เลยขอเอามารีวิวให้ดูกันหน่อยครับ ^ ^
เริ่มด้วยรูปโลโก้ของร้าน Fat Boy's ครับ ... แม้จะไม่ได้รู้จักเจ้าของร้านเป็นการส่วนตัว แต่ใครที่เห็นก็คงเดาไปในทางเดียวกันว่าบุคคลในภาพคือเจ้าของร้านแน่ๆอ่ะ ^ ^
หน้าตาร้านครับ เป็นร้านที่ดูเล็กๆ แต่บรรยากาศดี น่านั่งครับ พนักงานก็บริการดี น้องคนผู้ชายที่เห็นยืนอยู่ในภาพด้านล่างก็ดูแข็งขันกับการให้บริการดีครับ แม้ลูกค้าจะเต็มร้านในตอนที่ผมไปทาน
ดูครับ เต็มร้านเลยครับ (โต๊ะที่ว่างน่ะ โต๊ะผมเอง เพิ่งลุกออกมาถ่ายรูปตอนทานเสร็จ)
สำหรับราคา ก็ไม่ได้ถูกครับ 299 ต่อคน บุฟเฟ่ต์ไม่อั้น แต่ผมรับกับราคาได้ เพราะเนื้อเอยอะไรเอยที่เอามาเสิร์ฟ ดูอย่างดี รสชาติดี ทุกอันเลยครับ!! อย่างไส้กรอกเวียนนาก็น่าจะอย่างดี (คืออย่างดีไม่อย่างดี ผมไม่รู้หรอก แต่รู้สึกว่ามันอร่อย!!)
ในรูปอาจจะดูไม่หลากหลาย แต่ผมว่ามันเป็นอะไรที่แบบ "เน้นๆ" แล้วอ่ะครับ เนื้อหมูเนื้อวัว ก็จะแบ่งมาเลยว่าเป็นเนื้อประเภทไหน จากส่วนไหนอย่างไร
มาแล้วครับ แล่ได้บางดีมากๆ ... แว่บแรกรู้สึกว่ากินไม่อิ่มแน่ๆ เพราะบางขนาดนี้ แม้จะรู้ว่าบางๆนี่แหละ ย่างอร่อย ... แต่แว่บถัดมา ลืมไปว่าบุฟเฟ่ต์ สั่งได้ไม่อั้นนี่นา อย่างนี้ก็เปรมน่ะสิ ฮุฮุฮุ (แล้วก็อิ่มสุดๆ -*-)
คุณภรรยาชอบอันนี้มากครับ เห็ดออรินจิ เห็ดออรินจินี่ย่างแล้วนุ่มหนึบอร่อยมากๆเลย ว่างๆเดี๋ยวซื้อมาทำกินเองที่บ้านมั่งดีกว่า
มียำสาหร่ายแกล้มด้วย ยำมารสชาติเข้ม อร่อยดีครับ
น้ำซอสจะเป็นน้ำซอสเนื้อแท้ๆครับ กลมกล่อมเข้ากับเนื้อย่างสุดๆแล้ว ... แต่แน่นอน คนไทยต้องไม่พลาดกับความแซ่บ!! และเผ็ดร้อน!! เค้าก็เลยให้พริก ให้กระเทียม และมะนาวมาด้วย
ย่างแล้วครับ ... ดูหน้าตาครับ น่ากินไหมล่ะ!! ขอบอกว่าอร่อยมากกก!!
ที่นี่คล้ายๆ Sukishi ครับ แต่ดีกว่าอยู่อย่างนึงคือ ไม่มีที่ดูดควันอยู่ด้านบน ซึ่งบางครั้งมันบางหน้าคู่สนทนาน่ะครับ อันนี้ดีกว่า ดูดควันในตัวครับ ไม่มีปล่องห้อยมาเกะกะ
และเห็ดออรินจิที่คุณภรรยาโปรดปราณ
ของหวานตบท้ายมีให้เลือกไม่มาก เป็นน้ำแข็งใสถั่วแดงครับ คุณภรรยาบอกว่าถ้าเพิ่มไอศครีมเข้าไป น่าจะดี ซึ่งผมก็เห็นพ้องครับ (เพราะมันเก็บรักษาไม่ยากมาก จะได้เหมือนมีทางเลือกเพิ่มด้วย)
หากใครอยากจะแวะมาชิมมากิน ก็มองหานี่เลยครับ อาคารเสริมส้มปล่อยครับ
แนะนำครับ บรรยากาศโอเค ราคาแพงนิด แต่ผลิตภัณฑ์คุณภาพ ละมุนลิ้นครับ ^ ^
แต่ก็นะ ถ้ากินบ่อยๆคงไม่ไหว นานๆทีนับว่าน่าสนใจครับ ^ ^

รีวิว Lorde - Pure Heroine อัลบั้มฮิตของสาว 16

ได้เห็น Lorde นักร้องสาวผมหยักฟูหน้าใหม่เป็นครั้งแรก ก็ตอนที่เห็นเพลงเค้าค่อยๆไต่ชาร์ทในฝั่งเพลง Rock ของ Billboard น่ะครับ
ตอนแรกก็เอ๊ะ ชื่อเจ๊นี่อ่านว่าไงหนอ? ก็คงอ่านเหมือน Lord แหละมั้ง
... ก็ลองเปิดฟังดู ...
สำหรับเพลงแรกที่ได้ฟังก็แน่นอน เพลง Royals ครับ ... ฟังทีแรกก็ยังไม่ติดหูหรอกครับ ... ฟังครั้งสองก็เริ่มจะเข้าเค้า ... แล้วจึงรู้สึกว่าเพลงนี้ดีไปซะทุกๆด้าน เสียงร้องที่ไม่ป๊อปกระแสนิยม ทำนองก็ไม่ป๊อป แต่มันทำออกมาเนื้อๆเน้นๆสำหรับแนวของมัน ตอนนั้นก็เลยคิดว่า Lorde คือนักร้องหน้าใหม่ที่มีเพลงดีๆกับเค้าอยู่เพลงอย่าง Royals แต่ก็ไม่ได้คาดหวังกับเพลงอื่นๆมาก
จากนั้นก็เจอเพลงที่ 2 ... Tennis Court ที่ตัดมาเป็นซิงเกิ้ลต่อมา ... ตอนนั้น Royals ก็ขึ้นอันดับหนึ่งใน chart เพลง Rock หลายๆสาขาแล้ว
เพลง Tennis Court ก็ดีแฮะ ผมชอบ ... นานๆจะเจอนักร้องหน้าใหม่ที่ตัดซิงเกิ้ลออกมาสองเพลงแล้วผมชอบทั้ง 2 เพลงน่ะครับ ก็เลยตัดสินใจ ซื้ออัลบั้ม Pure Heroine ของ Lorde มาฟัง (หลังจากซื้อมาฟังได้สัปดาห์กว่าๆ ... Royals ของ Lorde ก็ติดอันดับ 1 ของ Hot 100 ใน Billboard Chart ไปแล้ว!! อะไรจะดังไวขนาดนี้)

และ พอเห็นว่าดัง ... ผมก็เลยขอโหนกระแส ... จับอัลบั้มมารีวิวซะเลย 555+ (แต่ไม่มีความรู้ด้านดนตรีหรอกครับ ดังนั้นจะเน้นรีวิวตัวซีดีมากกว่า ว่าได้อะไรบ้าง)
หน้าปกของ Lorde Pure Heroine นั้นเรียบๆครับ ไม่มีอะไร นอกจากพื้นสีดำ และตัวหนังสือ
ตอนแรกผมเข้าใจคำว่า Pure Heroine ไปในทางที่ดีครับ คิดว่าคงอยากจะสื่อคำว่า Heroine ที่หมายถึงบุคคล ... แต่ตอนแฟนผมเห็นปกอัลบั้ม ก็พูดขึ้นมาประมาณว่าชื่ออะไรเนี่ย ประมาณว่าไม่ดีน่ะครับ
เลยถึงบางอ้อ ว่าเอ๊ะ หรือว่ามันจะสื่อไปอีกความหมายหนึ่ง!! เพราะหน้าปกดำๆ ตัวหนังสือสีขาวๆ ... มันก็เหมาะกับความหมายของเฮโรอีนที่เป็นยาเสพติดมากกว่าอ่ะนะ แถมใช้คำว่า Pure ด้วย
และที่สำคัญ แนวเพลงของ Lorde ก็จะเน้นการใช้เสียงแบบ smoky ฟุ้งเฟ้อ ... ก็เหมาะกับพวกยาเสพติดดีอ่ะนะ เหอๆ

และนี่่คือเพลงทั้งหมดในอัลบั้มครับ 10 เพลง ไม่มากไม่น้อย
ดูแผ่นซีดีครับ เรียบๆ ไม่ได้หวือหวาเกินหน้าเกินตาหน้าปกแต่อย่างใด มีรูปโลโก้หญิงสาวหันข้างด้านบน แล้วก็ตัวหนังสือ L ตัวใหญ่ด้านล่าง (ชวนให้นึกถึง L จาก Death Note แม้จะคนละฟอนต์ก็ตาม)
เพลงทั้งหมดจากอัลบั้ม Pure Heroine เป็นเพลงเนื้อดีทั้งเนื้อเพลงและทำนองครับ เนื้อเพลงเอาจริงๆผมไม่เข้าใจความหมายมันในเชิงลึกมากหรอก แต่เนื้อเพลงแหวกกระแสทะลึ่งๆลามกที่กำลังไต่ชาร์ทของอเมริกาแบบคนละด้านไปเลย ... คือเพลงรักฝั่งเมกาสมัยนี้ มักจะเอาเรื่องบนเตียงไปบรรยายเป็นเพลง (ซึ่งก็ไม่รู้ว่านิยมกันตอนไหน -*-) แต่คุณจะไม่ได้เจออะไรพื้นๆแบบนั้นจาก Pure Heroine

เพลงที่ผมชอบ ในอัลบั้มมี 5 เพลง จาก 10 เพลง ซึ่งนับว่ามากพอควร ... ปกติที่เคยเจอก็จะชอบประมาณ 3 เพลงครับ ... นอกจากนั้น อีก 5 เพลงที่ไม่ได้ชอบ ก็ค่อนข้างทำได้ดี รับได้ และฟังได้ไม่ระคายหู ... (โดยปกติเป็นคนที่มีนิสัยชอบเปิดผ่านเพลงที่ไม่ชอบครับ ซึ่งคนปกติจะฟังไปผ่านๆได้หมด แต่ผมไม่ใช่แบบนั้น แต่สำหรับ Pure Heroine ผมฟังได้หมดเลยนะ ... คล้ายๆอัลบั้มของ Jason Mraz ผมก็ฟังได้หมด)

ข้อดีที่หายากยิ่งของอัลบั้มนี้ คือมีเนื้อเพลงให้ครบ!! อยากให้ทำแบบนี้กันทุกๆศิลปินครับ เพราะ Lyrics ตามเน็ทก็ใช่ว่าจะถูกเสมอ เจอไม่ตรงกันหลายๆครั้ง แบบนี้ดีกว่า เชื่อถือได้แน่นอน ^ ^
ส่วนใครที่นอกจากจะชอบเพลงของ Lorde แล้ว
แต่แอบเป็นแฟนคลับแบบคลั่งไคล้เป็นการส่วนตัว ... ก็มีรูปของ Lorde ให้ดูอยู่แค่ 2 รูป ... คงไม่อิ่มหนำ
แต่แนวเพลงของ Lorde ก็ไม่ได้เน้นจับกลุ่มผู้คลั่งไคล้อยู่แล้วอ่ะนะ
หน้าตรงอีกรูป
โดยรวมแล้ว Pure Heroine เป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จโดยเนื้อแท้ของมันจริงๆครับ
เพราะมันชัดเจนว่า Lorde ไม่ใช่นักร้องสไตล์ขายความเซ็กซี่หรือหน้าตา
ลักษณะความดังของ Lorde จึงค่อยๆดัง ไต่เต้ามาเรื่อยๆนี่แหละครับ เริ่มจากไต่ได้ชาร์ทอันดับหนึ่งที่ New Zealand ตามด้วย Australia แล้วก็ค่อยๆลามไปชาร์ทเพลงร็อคของ Billboard จนกระทั่งอยู่ในอันดับ 1 ของ Hot 100 จนได้ (ซึ่งถือว่าเป็นชาร์ทที่อนุมานได้ว่า เพลงไหนขึ้นอันดับหนึ่ง ก็แปลว่าฮิตที่สุดแล้วในตอนนั้น)

ใครชอบ Royals ไม่ต้องกลัวครับ ว่าเพลงอื่นๆจะโบ๊เบ๊หรือเปล่า (ปกตินักร้องหน้าใหม่ มักจะเพราะเพลงเดียว นอกนั้นต๊ะติ๊งโหน่ง) เพลงจาก Pure Heroine ดีทุกเพลงครับ
ที่น่าสนใจก็คือ Royals, Tennis Court, Team, Buzzcut Season แล้วก็ 400 Lux ครับ (ตามความเห็นส่วนตัวน่ะนะ) แล้วแนวเพลงก็ล้อตามกันครับ
ถ้าคุณชอบ Royals ไม่ต้องลังเลกับ Pure Heroine ครับ ^ ^

รีวิว Bright Crystal Versace น้ำหอมใสๆไม่กระจ่าง ^ ^"

Bright Crystal Versace เป็นน้ำหอมรุ่นที่ดังมากๆรุ่นหนึ่งของ Versace เค้าล่ะครับ
แต่ผมใช้แล้ว ... ไม่ประทับใจอย่างแรง -*-
เป็นอย่างไร ลองอ่านดูครับ ... (อย่างไรก็ตาม อาจจะเป็นเพราะการเก็บขวดตัวอย่างไม่ดี ทำให้น้ำหอมเสียคุณภาพไปบ้าง ก็อาจจะเป็นได้)
น้ำหอม Bright Crystal Versace นั้น ใช้กลิ่น citrus ที่ดูน่าสนใจ เพราะใช้ส้มยูซุ มาเป็น top แล้วตามด้วยกลิ่นดอกไม้ใน middle
... ซึ่งเท่าที่ฟังดู มันน่าจะมีความแปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร
แต่พอผมลองแล้ว ... ผมกลับแยกกลิ่น citrus นี้ไม่ออกว่าจากอะไร ที่แน่ๆกลิ่นมันไม่เข้ม ไม่แรงครับ เป็น citrus เบาๆสบายจมูก
แต่มันไม่เด่นเลย!! (น่าแปลก ตัวนี้ค่อนข้างนิยมเลยล่ะครับ) ไม่มีอะไรแปลกใหม่หรือทำให้เกิดความประทับใจเลยสักนิด
นอกจากนั้น มันก็ไม่ได้หอมเลิศเลออะไร คือธรรมดาเลยล่ะครับ หอมๆ ธรรมดาๆ ไม่มีอะไร ... แล้วกลิ่นก็จางเร็วมาก ช่วง middle นี่แทบไม่เหลืออะไรเลย
...
อย่างไรก็ตาม รีวิวผมอาจจะมีความผิดพลาดก็ได้ คือไม่แน่ใจว่าตัวอย่างนี้เก็บดีแค่ไหน (แต่ล็อตเดียวกันยี่ห้ออื่นๆ กลิ่นก็ยังเข้มอยู่เลย ... ก็ไม่น่าจะเกี่ยวน้าาา)
นอกจากนั้น ตัวที่ผมรีวิวเป็น EDT น่ะครับ ... ไม่รู้ว่ามันดรอปมาจาก EDP เยอะไหม? ถ้าเป็น EDP ก็อาจจะดีก็ได้ครับ แต่กับ EDT เบาเกิน ไร้เสน่ห์มากๆ
ก็เอาเป็นว่าอย่าเชื่อผมมากแล้วกันครับ ไปลองที่เคาเตอร์ดูก่อนได้ครับ แต่สำหรับผม ไม่มีอะไรให้จดจำเลยอ่ะครับ -*-

รีวิว Chloe Love น้ำหอมสร้างรัก ^ ^

Chloe Love น้ำหอมสูตรดอกไม้ล้วนๆที่เน้นกลิ่นหอมละมุนคละคลุ้งตัวนี้ ใช้คำที่แม้แต่นักปรัชญายังหา definition ได้ยากอย่าง Love มาเป็นชื่อ
ก็ถือว่าน่าสนใจล่ะครับ ว่า "รัก" ที่ Chloe ทำนั้น จะออกมาในรูปแบบไหน!!
หลังได้ทดสอบแล้ว ... อืมม กลิ่นยังไม่ถึงกับตั้ง definition ไม่ได้
แต่จัดว่าหอมสวยหรู ควรคู่พอจะใช้คำว่า Love ได้อยู่บ้างในระดับหนึ่งล่ะครับ!!

กลิ่นของมันนั้น ... ไม่รู้ดอกอะไรอ่ะ แต่กลิ่นดอกไม้นำมาเลยครับ หลายๆตัวผสมกันนะ เป็นกลิ่นหอมๆฟุ้งเฟ้อ ที่เครียด ไม่กดดัน หอมเบาสบายครับ
หลังจากผ่าน top note ไปแล้ว ก็จะเริ่มได้กลิ่นของแป้งที่ช่วยตีกลิ่นให้แตกซ่านและละมุนละม่อมมากขึ้น ... แต่โทนหลักจะยังเป็นดอกไม้หอมๆอยู่ครับ

รวมๆแล้วมันคือน้ำหอมสูตรสำเร็จที่ค่อยๆพิถีพิถันปรุงมันออกมา ค่อนข้างใช้ได้กับผู้หญิงแทบทุกคนครับ เน้นวัยใสไปจนถึงวัยกลางคนได้เลย (แต่ถ้าแก่หน่อย คงไม่เหมาะกับกลิ่นนี้)
ก็เป็นอีกตัวที่ผมอยากจะแนะนำไปในทางเดียวกับ Amani Code ว่ามัน universal ... ผู้หญิงแทบทุกคนใช้ เป็นต้องชอบครับ ไม่ชอบก็น่าจะส่วนน้อย
ข้อเสียก็คือยังให้ความรู้สึกธรรมดาไปบ้าง แต่รวมๆแล้วมันเป็นน้ำหอมสายกลางที่ทำมาครอบคลุมผู้คนในหลากหลายรสนิยมในวงกว้างครับ

รีวิว Private Collection Tuberose Gardenia Estée Lauder น้ำหอมพวงมาลัย ^ ^

Private Collection Tuberose Gardenia Estée Lauder เป็นน้ำหอมที่มีกลิ่นดอก Tuberose ครับ ตามชื่อก็คือ น้ำหอมสวนดอกซ่อนกลิ่น!! นั่นเอง!!

แม้ซองของตัว sample จะเยินแต่น้ำหอมภายในหรูหราฟู่ฟ่า กลิ่นยังเตะจมูกดีอยู่ครับ
จากชื่อของน้ำหอมนั้น คือน้ำหอมดอกซ่อนกลิ่น ... ดอกไม้ที่คนไทยคุ้นเคยกันดี ... แต่ทว่า ... ผมนึกไม่ออกว่ากลิ่นของดอกซ่อนกลิ่นเป็นอย่างไร -*-
แต่เท่าที่ลองใช้น้ำหอมตัวนี้ กลิ่นมันคุ้นเคยครับ แน่นอนว่า มีกลิ่น "มะลิ" แน่ๆละ ... เด่นกว่าซ่อนกลิ่นอีก!! (ผมว่านะ ... แต่อาจจะเป็นเพราะผมไม่รู้จักกลิ่นดอกซ่อนกลิ่นก็ได้)
ดมไปดมมา ... นึกถึงพวกมาลัยมะลิที่ดอกไม้ยังสดมากๆๆ ที่เพิ่งซื้อแล้วแขวนไว้หน้ารถ แล้วกลิ่นมันก็โชยหอมมาน่ะครับ
ก็เลยบอกว่าน้ำหอมตัวนี้เป็น "น้ำหอมพวงมาลัย"
น้ำหอมตัวนี้ ผมไม่ recommend ครับ ... เพราะกลิ่นมันคุ้นเคยกับคนไทยไปหน่อย!! แต่ถ้าคนต่างชาติมาถาม คง recommend อ่ะครับ เพราะมันหอมมากกกกกก!! หอมรัญจวนใจเลยเชียวล่ะ หอมจนแอบรู้สึกไม่ดี ที่ลำเอียง ไม่ยอม recommend ตัวนี้อ่ะครับ ... คือยังไงดีล่ะ ผมชอบกลิ่นมัน แต่ไม่อยาก recommend เพราะมันชินกลิ่นอ่ะ พูดไม่ถูก
ไปๆมาๆ มันให้อารมณ์คล้ายๆสบู่นกแก้วสีอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่สีเขียวอ่ะครับ (ถ้าจมูกจำไม่ผิดน่ะนะ) แต่มันหอมมากหอมกว่านะครับ จะซื้อมาใช้ก็ไม่น่าผิดหวังครับ (ตัวนี้จะคล้ายๆกับ Amani Code for Women ครับ หอมดีมากๆ แต่ก็ไม่อยาก recommend)

รีวิว Amani Code for Woman Giorgio Armani น้ำหอมขวัญใจสตรี ^ ^

Amani Code for Woman จาก Giorgio Armani เป็นน้ำหอมที่ค่อนข้างจะเป็นที่นิยมและเป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงคนใช้น้ำหอม ในไทยก็หาซื้อง่ายครับ เดินไปช้อป Giorgio Armani ที่เซ็นทรัลก็เจอครับ
และจากที่ได้ลองทดสอบดู ... บอกตรงๆว่าเข้าใจเลยว่าน้ำหอมตัวนี้ สาวๆชอบมากแน่ๆ!!

ตัวทดสอบเก็บไว้แย่ไปหน่อย สภาพเยินมาก แต่น้ำหอมมีระดับทั้งที จะอยู่ในสภาพแบบไหนก็ไม่หวั่น 555+
บอกตรงๆว่าโดยส่วนตัวรู้สึกว่า Amani Code ตัวนี้ค่อนข้างธรรมดาครับ แต่เป็นความธรรมดาแบบถูกจริตคนส่วนใหญ่แน่นอน!! และเอาความธรรมดาหลายๆแนวมารวมกัน
รวมกันเข้า รู้สึกว่ากลิ่นมันหอมดีมากๆ อย่างที่ไม่น่าจะมีใครแย้งว่ามันไม่หอมครับ แม้จะไร้สีสันความแปลกใหม่ไปบ้าง แต่ต้องยอมรับว่าเค้าทำมาหอมดีจริงๆ
ตอน Top Note ค่อนข้างธรรมดาครับ กลิ่นแรงหลากหลายคละคลุ้ง มี citrus ยอดนิยม แล้วก็ดอกไม้ต่างๆ มีความหวานและความเผ็ดเจือจางอีกนิดหน่อย แล้วก็เหมือนจะแป้งนิดๆไม่มาก
พอจากนั้นก็เริ่มจะได้กลิ่นวานิลลาแรงขึ้นมาครับ ใครชอบกลิ่นวานิลลา คงชอบตัวนี้
Amani Code นี่บอกตรงๆว่า เป็นน้ำหอมที่ไม่ตรงใจโดยส่วนตัว แต่คาดว่าคนส่วนใหญ่ต้องชอบมากแน่ๆ (คิดว่างั้น)
สรุปแล้ว Amani Code นี่ ... ผมไม่อยาก recommend เป็นการส่วนตัวครับ แต่เป็น recommend แบบ universal แทนน่ะครับ
คิดไม่ออกบอกไม่ถูก ซื้อตัวนี้มาใช้ได้เลย
หรือสมมุติว่าหนุ่มๆ อยากจะซื้อน้ำหอมให้แฟน ... แต่เลือกไม่ถูก หรือไม่แน่ใจว่าแฟนจะชอบไหม?
ผมว่าเลือก Amani Code ไว้ก่อนน่าจะดีครับ มันเป็นกลาง ไม่แปลกใหม่ก็จริงอยู่ แต่นั่นก็หมายความว่าน้ำหอมตัวนี้ไม่ต้องเสี่ยงต่อการที่จะถูก "ไม่ชอบ" นั่นเอง!!

ปล. แต่ถ้าไม่ชอบวานิลลาเป็นทุนเดิม ไงๆก็คงไม่ชอบล่ะนะครับ ^ ^"

รีวิว Pure DKNY Verbena น้ำหอมใสไม่ซื่อ ^ ^

Pure DKNY มี 3-4 รุ่นได้มั้งครับ ตัวที่ได้ทดลองเป็นรุ่น Pure DKNY Verbena ครับ
น้ำหอมตัวนี้ใช้คำว่า Pure เป็นชื่อ แต่ส่วนตัวรู้สึกว่ามันไม่ค่อยตรงเท่าไหร่นัก และนอกจากนั้น ผมรู้สึกว่ามันธรรมดาไปนิด (แต่ไม่ใช่ไม่หอมนะ ก็โอเคดี)
กลิ่นของมัน ผมรู้สึกได้ถึงโทน citrus ที่เป็นสูตรสำเร็จหน่อย
แล้วมันก็โทนเดียวกันตั้งแต่ top - middle เลยครับ ไม่ได้เปลี่ยนมากมายอะไร ตัว citrus จะจางขึ้นนิดๆ กลิ่นอื่นๆจะเด่นขึ้นมาหน่อย แต่ภาพรวมก็ไม่ต่างกันมาก
... รวมๆก็ไม่รู้จะรีวิวอะไรสำหรับตัวนี้ครับ ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แล้วกลิ่นมันก็ไม่ค่อยเข้ากับชื่อ Pure ที่ใช้ด้วย ... เลยตั้งชื่อว่า น้ำหอมใสไม่ซื่อครับ ^ ^"
อย่างไรก็ตาม ตัวนี้ก็หอมโอเคนะ แต่ที่ไม่ชอบเพราะมันอยู่แค่ระดับโอเคน่ะครับ ... คิดว่าคนอื่นๆที่ได้กลิ่นคงไม่ถึงกับถามว่า "นี่เธอ ใช้น้ำหอมอะไรน่ะ หอมจัง" ... คือไม่ถึงขั้นอยากรู้น่ะครับ ... อย่างมากก็คงแค่นึกในใจว่าก็หอมดี เท่านั้นเอง
ข้อดีก็พอมี นั่นก็คือกลิ่นนี้ คนทั่วไปคงรับได้กันหมด ไม่มีใครเกลียดครับ กลิ่นกลางๆครับ

รีวิว Si Lolita Lolita Lempicka น้ำหอมแห่งความหวานหอม ^ ^

Si Lolita Lolita Lempicka น้ำหอมจาก Lolita Lempicka ตัวนี้เป็นอีกรุ่นที่กลิ่น ขวด ภาพโฆษณาต่างๆ เข้ากันมากๆครับ แบบว่ามันสื่อออกมาตรงกันหมดเลย
Si Lolita Lolita Lempicka จะเป็นน้ำหอมแนวหญิงๆ วัยรุ่นหน่อย แต่เป็นสาวหวาน น่ารักๆ ประมาณนั้นครับ ... แต่กลิ่นของมันมีความลุ่มลึกหรูหราไปในคราเดียวกัน เป็นน้ำหอมที่คาดว่าผู้หญิงเกือบทุกคนน่าจะชอบครับ
หลังจากได้ทดสอบแล้ว บอกตรงๆว่า top note ธรรมดาๆครับ กลิ่น citrus นำ แล้วก็ผสมกลิ่นหอมอ่อนๆตามมาตามปกติแบบสูตรสำเร็จของน้ำหอมโทน citrus
แต่ไม่นานครับ พอ citrus เริ่มหาย เข้าสู่ช่วง middle ... จะหอมหวาน ละมุนมากๆ
กลิ่นจะคล้ายๆของ Lady Million Paco Rabanne ที่ได้รีวิวไปก่อนหน้านี้ครับ คือมันน้ำตาลหวานๆ แต่คนละสไตล์นะ
ตัว Si Lolita Lolita Lempicka มันจะเผ็ดนิดๆจางๆ แล้วก็หอมดอกไม้เจือจางกับกลิ่นน้ำตาลในปริมาณเท่าๆกัน ละมุนละม่อมกลมกล่อมดี
รวมๆแล้ว ... ค่อนข้างจะเข้าท่าและมีเสน่ห์ไปพร้อมๆกับความแปลกใหม่
มันมีเอกลักษณ์และแปลกแต่ไม่พิลึก ยังเป็นน้ำหอมทางสายกลางที่คนทั่วๆไปยอมรับได้ครับ (และนอกจากกลิ่นแล้ว น้ำหอมตัวนี้ยังมีขวดที่สวยเท่ไปอีกแบบ)
โชคดีที่กลิ่น top มาเร็วไปเร็วครับ ภาพรวมของ Si Lolita Lolita Lempicka เลยค่อนข้างจะดีมากๆสำหรับผม (จริงๆช่วง top ไม่ได้เลวร้ายนะ แต่ผมว่ามันดูธรรมดา)
แต่กลิ่นมันหญิงชัดเจนครับ คงไม่เหมาะกับชายหนุ่ม ผมคงไม่มีทางหาขวดมาใช้แน่นอน แต่กับสาวๆทั้งหลายค่อนข้าง recommend ครับ (ไม่ได้ highly recommend เพราะมันไม่หลุดโลกมากนัก โดยส่วนตัวจะให้ highly สำหรับตัวที่มันหลุดโลกหน่อยๆ ... แต่กับคนส่วนใหญ่ผมว่าตัวนี้ต้องชอบกันเยอะแน่ๆ)

พาชม Eastin Easy Patong โรงแรมใหม่หาดป่าตองภูเก็ต ราคาดีมากๆ!!

มีโรงแรมรีสอร์ทมาแนะนำกันอีกแล้วจ้า กับ Eastin Easy Patong Phuket Hotel โรงแรมเปิดใหม่ที่หาดป่าตอง ภูเก็ตครับ!!
โรงแรมนี้ก็จัดว่าดูดี น่าพักล่ะครับ สบายๆมีสไตล์ และที่สำคัญ ตอนนี้ราคาดีมากๆครับ อยู่ที่คืนละ 1,099 บาทเท่านั้น!! ทำเลเค้าไม่ได้ไก่กาห่างจากชายหาดเยอะนะครับ เดินไปชายหาดไม่ยากด้วยครับ!!
นอกจากนั้น facilities ต่างๆก็มีเกินราคา มีสระว่ายน้ำด้วยครับ
ลองมาดูมาชมกันเลยครับ เป็นภาพจากเวบของ Eastin Easy Patong ครับ (ถ้าจะหารีวิว ตอนนี้คงยังไม่มี เพิ่งเปิดใหม่น่ะครับ)

ห้องนอนก็ดูดีนะครับ หน้าตาอย่างนี้ ปกติถ้าอยู่หาดป่าตองและไม่ไกลหาดมาก มักจะเกิน 2,000 เลยล่ะมั้งครับ
ห้องเค้าก็ดูกว้างขวางดีครับ มีโต๊ะใหญ่ ใช้งานได้จริง โซฟาก็มีให้
อีกมุมครับ ห้องดูกว้างขวางดีเหมือนกัน
ห้องน้ำก็ตกแต่งโมเดิร์นโอเคดี แยกโซนเปียกแห้งชัดเจน
ในส่วนของห้องอาหารครับ
และสุดท้าย สระว่ายน้ำครับ มีสระว่ายน้ำให้ด้วย ^ ^ ทางซ้ายของภาพ ก็น่าจะเป็นฟิตเนสนะครับ (อันนี้ไม่ชัวร์)
โดยรวมจัดว่าราคาถูกครับ ทำเลก็ดีด้วย ได้แค่นี้ในเขตหาดป่าตอง นับว่าหายาก เป็นโรงแรมเปิดใหม่ที่น่าสนใจครับ แต่อนาคต ราคาอาจจะปรับอีกที ช่วงนี้ใครจะไปภูเก็ต รีบจองเลยครับ แนะนำจ้า ^ ^
ดูข้อมูลหรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เวบ http://www.eastinhotelsresidences.com/eastinpatongphuket/ ครับผม ^ ^