วันนี้ขอพามาชมตลาดกล้อง Mirrorless กันหน่อยครับ ว่าสำหรับประเทศแม่ของบริษัทกล้องของโลกอย่างญี่ปุ่นนั้น ยอดขายกล้องเป็นอย่างไร? ขายดีแค่ไหน?
เริ่มด้วย Market Share หรือส่วนแบ่งของตลาดกล้อง Mirrorless เทียบกับกล้องที่เปลี่ยนเลนส์ได้ทั้งหมด (ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือ DSLR)
จะเห็นว่า ส่วนแบ่งของตลาดนั้น การเติบโตของ Mirrorless มาแรงมากๆตามกราฟด้านล่างนี้ครับ!!
จะเห็นว่า ช่วงต้นปี 2012 นั้นส่วนแบ่งของตลาดกินเกินเข้าไปถึง 50% (กว่าด้วยซ้ำ) ในช่วงต้นปี 2012
ซึ่งบ่งบอกว่า ต้นปี 2012 ในประเทศญี่ปุ่น กล้อง Mirrorless ขายดีกว่า DSLR ซะอีก
แต่จากนั้น ยอดขายก็ตกลงมา แต่ก็อยู่ในช่วง 40% กว่าๆ ซึ่งถือว่าชิงตลาด DSLR ไปได้เยอะเหมือนกัน (อย่างไรก็ตาม อาจจะต้องเปรียบเทียบตลาดของ Compact camera ที่หายไปด้วย การชิงส่วนแบ่ง อาจจะไม่ได้ถึง 40% ตามกราฟ ... แต่ที่มันสูงเพราะ Mirrorless แย่งตลาดของทั้ง DSLR และ Compact รวมกันนั่นเอง)
จากนั้นลองดูส่วนแบ่งรายยี่ห้อกันดูบ้างครับ
ที่ขายดีอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น ยังคงเป็น Olympus ครับ โดย Olympus ขายดีมาตั้งแต่ต้น จนปัจจุบันก็ยังจัดว่าขายดีที่สุดในญี่ปุ่นอยู่
รองลงมาคือ Sony ที่กราฟพุ่งขึ้นแซง Panasonic ที่เคยขับเคี่ยวกับ Olympus มา
ส่วน Panasonic ที่เคยผลัดกันทำยอดกับ Olympus ก็ตกมาอันดับ 3 โดน Sony NEX เอาไปกินนั่นเอง ... หากถามสาเหตุ ส่วนตัวมองว่า Panasonic เน้นทำลูกเล่นและคุณภาพกล้อง มากกว่าเซนเซอร์รับภาพไปหน่อย ถ้าดู Olympus เป็นตัวอย่าง น่าจะขายดีกว่านี้ (Olympus พัฒนาคุณภาพไฟล์ได้ดีมากๆ)
เพราะกล้อง Panasonic หากมองเฉพาะ Performance แบบรวมๆ ส่วนตัวมองว่าดีที่สุดในกลุ่มกล้อง Mirrorless เลยครับ แต่ไฟล์ภาพของ GH3 เท่าที่เห็น ถือว่า Panasonic ตั้งลำได้แล้ว รอดูปี 2013 อีกทีครับ ^ ^
ส่วน Nikon ก็มากลางๆเรี่ยๆ ตามสเปคกล้อง ก็เหมาะสมแล้วครับ
ส่วนที่น่าสนใจที่สุดก็คือยี่ห้อ Canon ที่เพิ่งมาเริ่มทำกล้อง Mirrorless ... ยอดขายกราฟเนี่ย พุ่งเชียว คนญี่ปุ่นก็ยังชอบ Canon กันมากเหมือนกัน ออก EOS-M มารุ่นเดียว แต่ก็ถือว่าขายได้ดี
ที่ดูเหมือนจะแย่คือ Fuji แต่จริงๆ Fuji ทำแต่กล้องระดับพรีเมี่ยม สเปคดีสุด ไฟล์ภาพดีสุด ... ทำให้ราคาโฉดชั่วครับ ขายได้น้อยไม่แปลกครับ เพราะกล้อง Fuji ตอนนี้ ราคาแตะ Full Frame DSLR ไปแล้ว
โดยหากนับเฉพาะรุ่นของกล้องแล้ว ที่ขายดีในช่วงท้ายปี 2012 นั้น เรียงลำดับตามนี้ครับ
1. Olympus E-PL3
2. Sony NEX-5N
3. Canon EOS-M
4. Olympus E-PM1
5. Panasonic GF5
6. Nikon 1 J1
7. Pentax Q (ตัวนี้ได้อันดับ 7 นับว่าตลาดญี่ปุ่นแนวมากๆ)
8. Sony NEX-F3
9. Sony NEX-C3
10. Olympus E-PL5
ข้อมูลทั้งหมด จากเวบ http://bcnranking.jp ครับ ^ ^
One of the best resort in Chiang Mai, Panviman Chiang Mai Spa Resort
About Panviman Resort
Located on a secluded moutain, Panviman Chiang Mai Spa Resort offers a magnificent view of the natural beauty of Thailand.
With tropical forests, flower gardens and orchards surrounding the resort, you will be able to experience nature at its finest.
It may even feel "as if you are in heaven" as the name Panviman suggests.
Restaurant
Enjoy Thai and international seasonal and organic selections at Panviman Restaurant.
Stop by the Moon Terrace for barbeque and a moonlit dinner amidst the natural surroundings.
If you're looking for a light snack and exotic cocktail, Spa Plus Restaurant and Pool Bar, overlooking the two-tiered pool, is the perfect place to go.
Accommodation
The High Mountain Room contains a private balcony overlooking the breathtaking mountainside while the Vimarn Pool Villas contain their own pool.
Ranging from deluxe rooms to villas, The Panviman is the perfect place to stay for any type of traveller.
Facilities
With loads of games, ranging from darts to mini-golf, and an outdoor swimming pool, the Panviman has all the facilities you need to have fun.
Whether you are looking to be active in the fitness center or relax in the meditation cave, Panvimarn Chiang Mai Spa Resort is can serve all your needs.
Conclusion
With its remote location and relaxing atmosphere, Panviman has an utterly natural feel accented by the evergreens, flowers and vegetables that surround it.
Price: Starting @ USD 275.
Contact Information
197/2 Moo 1, Pongyang, Maerim, Chiang Mai 50180 Thailand
Tel: +66 (0) 5387 9540-5
Fax: +66 (0) 5387 9495
Email: rsvn_chiangmai@panviman.com, reservations@panviman.com
Website: www.panviman.com
Located on a secluded moutain, Panviman Chiang Mai Spa Resort offers a magnificent view of the natural beauty of Thailand.
With tropical forests, flower gardens and orchards surrounding the resort, you will be able to experience nature at its finest.
It may even feel "as if you are in heaven" as the name Panviman suggests.
Restaurant
Enjoy Thai and international seasonal and organic selections at Panviman Restaurant.
Stop by the Moon Terrace for barbeque and a moonlit dinner amidst the natural surroundings.
If you're looking for a light snack and exotic cocktail, Spa Plus Restaurant and Pool Bar, overlooking the two-tiered pool, is the perfect place to go.
Accommodation
The High Mountain Room contains a private balcony overlooking the breathtaking mountainside while the Vimarn Pool Villas contain their own pool.
Ranging from deluxe rooms to villas, The Panviman is the perfect place to stay for any type of traveller.
Facilities
With loads of games, ranging from darts to mini-golf, and an outdoor swimming pool, the Panviman has all the facilities you need to have fun.
Whether you are looking to be active in the fitness center or relax in the meditation cave, Panvimarn Chiang Mai Spa Resort is can serve all your needs.
Conclusion
With its remote location and relaxing atmosphere, Panviman has an utterly natural feel accented by the evergreens, flowers and vegetables that surround it.
Price: Starting @ USD 275.
Contact Information
197/2 Moo 1, Pongyang, Maerim, Chiang Mai 50180 Thailand
Tel: +66 (0) 5387 9540-5
Fax: +66 (0) 5387 9495
Email: rsvn_chiangmai@panviman.com, reservations@panviman.com
Website: www.panviman.com
Bleach 515 : Ichigo's Father บลีชช่วงนี้ซ่อนเงื่อนดีแท้
บลีชตอนที่ 515 คาดเดาว่าคงไม่พ้นดราม่า ... และเฉลยปมบางอย่าง ... ซึ่งปมบางอย่างที่ผมว่านี้ คงไม่ใช่ปมว่าตกลงใครพ่อใครแม่อิจิโกะ แต่คงเป็นปมว่า "ตกลงใครตายจริงไม่จริง" อ่ะนะ ^ ^" (รอลุ้นว่าจะเดาถูกหรือไม่ ^ ^")
สำหรับบลีชตอนล่าสุดนั้น เท่าที่ลองอ่านๆคอมเมนต์ของหลายๆคนดู (เดา Bleach 514)
บางคนออกความเห็นใกล้เคียงเชียวล่ะครับ อย่างความเห็นของคุณ Etenal Esperanz ที่คาดเดาว่าแม่ของอิจิโกะอาจจะเป็นควินซี่ก็ได้
แล้วแม่ของอิจิโกะก็โดนทำร้ายจากฮอลโลว์ อิจิโกะเลยมีพลังมันทุกแบบเลย ทั้งยมฑูต ควินซี่ ฮอลโลว์
พออ่านตอนใหม่สุดแล้ว ... ส่วนตัวคิดว่าเค้าตั้งสมมุติฐานได้ฉลาดมากๆครับ ... เพราะในตอนใหม่นี้ ก็เหมือนจะมีการชี้นำเนื้อเรื่องไปตามการสันนิษฐานนั้น
บลีชล่าสุดนั้น ยูฮาโดนอิจิโกะโจมตีเต็มๆ แต่ก็แค่บาดเจ็บนิดหน่อย
แล้วก็พูดว่า "พลาดไปจริงๆ" ... อิจิโกะก็พูดประมาณว่า "พลาดที่ชั้นรอดจากการโจมตีของแกได้งั้นหรอ"
ยูฮาก็บอกว่า "ไม่ใช่" ที่พลาดเพราะใช้ควินซี่ไปสู้เพื่อหยุดอิจิโกะ แทนที่จะใช้ฮอลโลว์ไปสู้
เพราะการที่ส่งควินซี่ไปสู้ แล้วใช้คุกลูกแก้วนั่นไปขังนั้น ยิ่งทำให้พลังควินซี่ในตัวอิจิโกะตื่นขึ้นมานั่นเอง
แล้วยูฮาก็พูดต่อว่า คุก Kirge นั่น มันขังควินซี่ไม่ได้!! (แค่นี้ก็บอกชัดแล้ว ว่าอิจิโกะต้องมีสายเลือดของควินซี่ อย่างชัดเจนแล้ว)
อิจิโกะฟังแล้วก็ประมาณว่า แกพูดอะไรของแกเนี่ย ตูไม่เข้าใจว้อย (ตั้งแต่อ่านเรื่องนี้มา มีแต่อิจิโกะนี่แหละ ไม่เข้าใจโน่นนี่นั่นตลอด ต้องให้คนมาบอก -*-)
ยูฮาก็พูดต่อว่า "หุหุหุ แกเนี่ย ไม่ได้รู้อะไรเลยหนอ" ยูฮาสำทับกลับไป
ยูฮาพูดต่อไป "ไม่รู้แม้กระทั่งว่า แม่ตัวเองเป็นใคร!!"
อิจิโกะได้ยินดังนั้น ก็สติหลุดอีกรอบ (พระเอกคนนี้ได้ยินอะไรแปลกๆไม่ได้ น็อตหลุดตลอด)
ตะโกนออกมาว่า "แกพูดอะไรของแก" ... (เป็นคำถามจากพระเอกที่เป็นประโยชน์มาก -*-)
ยูฮาก็บอกว่า "ชั้นจะบอกแกแค่ครั้งเดียวนะเว้ยเฮ้ย แต่ต้องเป็นหลังจากที่พาแกกลับไป Vandenreich กับชั้นก่อน หุหุหุ"
ว่าแล้วยูฮาก็เตรียมโจมตีอิจิโกะอีกครั้ง พร้อมกับพูดว่า รอบนี้ Blut Vene ก็กันไม่อยู่แล้วนะนู๋ เพราะข้าจะเอาจริงแล้ว จะปล่อยพลังเต็มที่เลยล่ะ!!
...
ทว่า ... อยู่ๆก็มีเงาดำๆมืด ออกมาจากตัวยูฮา ...
จากนั้น Haschwald (น่าจะอ่านว่า ฮัชไวด์ ต้องไปถามคนเรียนภาษาเยอรมันอีกที) ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นควินซี่หน้าหล่อ (ก็สมควรกับฉายา เพราะพวกควินซี่ที่มา เจ้านี่หน้าตาดูดีเป็นผู้เป็นคนสุดแล้ว)
ก็บอกกับยูฮาว่า "ท่านอยู่นอกเขตฐานทัพเงานานมากไปแล้ว คงต้องรีบกลับ Vandenreich แล้วล่ะ" (โห มีจุดอ่อนแบบว่าออกนอกเขตนานไม่ได้ซะด้วย)
ยูฮาก็งงๆ ประมาณว่า มันยังไม่น่าจะถึงเวลานี่นา ... จากนั้นยูฮาก็นึกได้ ว่าน่าจะเป็นฝีมือของไอเซ็นที่ทำให้ตนเข้าใจคาดเคลื่อน
แต่ก็ยังไม่ได้บอกว่า ยูฮาจะอยู่นอกเขตเงาอะไรนั่นได้นานแค่ไหนนั้น ต้องขึ้นกับอะไร และไอเซ็นทำอะไร (แม้ไอเซ็นจะมีสกิลหลอน แต่ถ้าไม่ได้ถือดาบฟันวิญญาณ ก็ไม่น่าจะใช้สกิลนี้ได้นี่นา)
เมื่อยูฮาเห็นว่าตัวเองอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ก็ทำท่าจะกลับนั่นเอง
...
อิจิโกะก็ตะโกนมาว่า "คิดว่าจะให้กลับง่ายๆหรือไงฟะ มาทำโซลโซไซตี้ตูเละขนาดนี้ อย่าคิดจะกลับง่ายๆนะเฟ้ยย"
ว่าแล้วอิจิโกะก็พุ่งเข้าหายูฮาทันที
... และแล้ว เจ้าควินซี่หน้าหล่อ ก็มีบทจนได้ ...
เจ้าควินซี่หน้าหล่อชักดาบ ฟันดาบอิจิโกะ โช๊ะเดียวหักสองท่อนเยย -*-
อิจิโกะก็ได้แต่อึ้งตาค้าง นี่ดาบตูหักง่ายอย่างนี้เชียวหรือ?
...
โถๆๆๆ พระเอกของเรา ควินซี่ขังไว้ ไม่ให้มาช่วยโซลโซไซตี้ได้ ... เหล่ายมฑูตก็พยายามส่งข่าวให้อิจิโกะมาช่วย ... มาถึง เบียคุยะผู้ไม่รู้ว่าจะตายหรือจะรอด ก็ฝากฝังพระเอกเป็นอย่างดี ...
... ดูจาก profile ที่ผ่านมา เหมือนเนื้อเรื่องจะถูกปูออกไปว่า พระเอกจะเป็นตัวอันตราย ที่ควินซี่กลัว แต่พอเอาเข้าจริง ... นกกระจอกไม่ทันจิบน้ำ เอวัง -*-
ก่อนจากไป ยูฮาก็บอกอีกว่า ... "อีกไม่นาน ช้านจะมาเอาตัวแกกลับไป เลียแผลใจคอยวันนั้นไว้ให้ดีเหอะ วะฮ่ะฮ่าาๆๆๆ"
แล้วก็พูดต่อว่า "ลูกชายของชั้น ... ผู้ที่เกิดมาท่ามกลางความมืด" !!!!! ????
... จบตอน
----------------------------------
อ่านตอนล่าสุดจบแล้ว โอ้ยยย ปริศนาโผล่ออกมาให้เดาทุกตอน!!
ผมว่าใครเดาว่าแม่อิจิโกะเป็นควินซี่ ถือว่าเดาแม่นนะครับ กลางตอน 514 เนื้อเรื่องชี้นำไปทางนั้น
แต่พอจบตอน อ้าวว!! ตกลงอิจิโกะเป็นลูกนังยูฮานี่หรือไร? ช็อคซีนีม่า!! (ก็มาเรียกว่า "ลูกชายของชั้น" ซะอย่างงั้น!!)
ถ้ายูฮาเป็นพ่อ แม่อิจิโกะก็ไม่ใช่ควินซี่แน่ๆ ... และอิชชิน ก็ไม่ใช่พ่อ!! หรือว่าจริงๆแล้ว ฝ่ายแม่ที่เป็นยมฑูต?
เรื่องราวสายเลือด สายโลหิตอันน่าซับซ้อนซ่อนเงื่อนน่าติดตาม โผล่มาให้เป็นประเด็นอีกแล้ว
(ใครเป็นลูกใครเนี่ย เป็นเรื่องน้ำเน่าฮอตฮิตที่ใช้ในละครไทยหลังข่าว มาวันนี้ การ์ตูนญี่ปุ่นเอามุขนี้ไปใช้แล้วเรียบร้อย 555+ ^ ^")
สรุปตอนนี้ Bleach เปิดประเด็นปริศนาไว้ไม่รู้กี่เรื่องแล้ว พี่แกจะเคลียร์ให้ครบทุกเรื่องเมื่อไหร่เนี่ย -*-
... แล้วไอ้คนที่เอาดาบไปจ่ออุราฮาร่านี่มันใครล่ะ -*-
อย่างไรก็ตาม ตอน Bleach 515 ผมเดาว่าคงมีแต่เรื่องดราม่าให้ดูล่ะครับ (สำหรับการตายหรือไม่ตายของพี่เขย ก็คงเฉลยตอนที่ 515 นี่แหละมั้งครับ แม่ยกรอลุ้น!!)
ตอนที่ 515 ออกแล้วนะครับ ตามไปอ่าน เนื้อเรื่องย่อ 515 และร่วมคาดเดา Bleach 516 กันต่อได้ที่นี่ครับ
สำหรับบลีชตอนล่าสุดนั้น เท่าที่ลองอ่านๆคอมเมนต์ของหลายๆคนดู (เดา Bleach 514)
บางคนออกความเห็นใกล้เคียงเชียวล่ะครับ อย่างความเห็นของคุณ Etenal Esperanz ที่คาดเดาว่าแม่ของอิจิโกะอาจจะเป็นควินซี่ก็ได้
แล้วแม่ของอิจิโกะก็โดนทำร้ายจากฮอลโลว์ อิจิโกะเลยมีพลังมันทุกแบบเลย ทั้งยมฑูต ควินซี่ ฮอลโลว์
พออ่านตอนใหม่สุดแล้ว ... ส่วนตัวคิดว่าเค้าตั้งสมมุติฐานได้ฉลาดมากๆครับ ... เพราะในตอนใหม่นี้ ก็เหมือนจะมีการชี้นำเนื้อเรื่องไปตามการสันนิษฐานนั้น
บลีชล่าสุดนั้น ยูฮาโดนอิจิโกะโจมตีเต็มๆ แต่ก็แค่บาดเจ็บนิดหน่อย
แล้วก็พูดว่า "พลาดไปจริงๆ" ... อิจิโกะก็พูดประมาณว่า "พลาดที่ชั้นรอดจากการโจมตีของแกได้งั้นหรอ"
ยูฮาก็บอกว่า "ไม่ใช่" ที่พลาดเพราะใช้ควินซี่ไปสู้เพื่อหยุดอิจิโกะ แทนที่จะใช้ฮอลโลว์ไปสู้
เพราะการที่ส่งควินซี่ไปสู้ แล้วใช้คุกลูกแก้วนั่นไปขังนั้น ยิ่งทำให้พลังควินซี่ในตัวอิจิโกะตื่นขึ้นมานั่นเอง
แล้วยูฮาก็พูดต่อว่า คุก Kirge นั่น มันขังควินซี่ไม่ได้!! (แค่นี้ก็บอกชัดแล้ว ว่าอิจิโกะต้องมีสายเลือดของควินซี่ อย่างชัดเจนแล้ว)
(รูปประกอบ : แขนอิจิโกะที่มีพลัง Blut Vene สกิลของควินซี่)
อิจิโกะฟังแล้วก็ประมาณว่า แกพูดอะไรของแกเนี่ย ตูไม่เข้าใจว้อย (ตั้งแต่อ่านเรื่องนี้มา มีแต่อิจิโกะนี่แหละ ไม่เข้าใจโน่นนี่นั่นตลอด ต้องให้คนมาบอก -*-)
ยูฮาก็พูดต่อว่า "หุหุหุ แกเนี่ย ไม่ได้รู้อะไรเลยหนอ" ยูฮาสำทับกลับไป
ยูฮาพูดต่อไป "ไม่รู้แม้กระทั่งว่า แม่ตัวเองเป็นใคร!!"
อิจิโกะได้ยินดังนั้น ก็สติหลุดอีกรอบ (พระเอกคนนี้ได้ยินอะไรแปลกๆไม่ได้ น็อตหลุดตลอด)
ตะโกนออกมาว่า "แกพูดอะไรของแก" ... (เป็นคำถามจากพระเอกที่เป็นประโยชน์มาก -*-)
ยูฮาก็บอกว่า "ชั้นจะบอกแกแค่ครั้งเดียวนะเว้ยเฮ้ย แต่ต้องเป็นหลังจากที่พาแกกลับไป Vandenreich กับชั้นก่อน หุหุหุ"
ว่าแล้วยูฮาก็เตรียมโจมตีอิจิโกะอีกครั้ง พร้อมกับพูดว่า รอบนี้ Blut Vene ก็กันไม่อยู่แล้วนะนู๋ เพราะข้าจะเอาจริงแล้ว จะปล่อยพลังเต็มที่เลยล่ะ!!
...
ทว่า ... อยู่ๆก็มีเงาดำๆมืด ออกมาจากตัวยูฮา ...
จากนั้น Haschwald (น่าจะอ่านว่า ฮัชไวด์ ต้องไปถามคนเรียนภาษาเยอรมันอีกที) ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นควินซี่หน้าหล่อ (ก็สมควรกับฉายา เพราะพวกควินซี่ที่มา เจ้านี่หน้าตาดูดีเป็นผู้เป็นคนสุดแล้ว)
ก็บอกกับยูฮาว่า "ท่านอยู่นอกเขตฐานทัพเงานานมากไปแล้ว คงต้องรีบกลับ Vandenreich แล้วล่ะ" (โห มีจุดอ่อนแบบว่าออกนอกเขตนานไม่ได้ซะด้วย)
ยูฮาก็งงๆ ประมาณว่า มันยังไม่น่าจะถึงเวลานี่นา ... จากนั้นยูฮาก็นึกได้ ว่าน่าจะเป็นฝีมือของไอเซ็นที่ทำให้ตนเข้าใจคาดเคลื่อน
แต่ก็ยังไม่ได้บอกว่า ยูฮาจะอยู่นอกเขตเงาอะไรนั่นได้นานแค่ไหนนั้น ต้องขึ้นกับอะไร และไอเซ็นทำอะไร (แม้ไอเซ็นจะมีสกิลหลอน แต่ถ้าไม่ได้ถือดาบฟันวิญญาณ ก็ไม่น่าจะใช้สกิลนี้ได้นี่นา)
เมื่อยูฮาเห็นว่าตัวเองอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ก็ทำท่าจะกลับนั่นเอง
...
อิจิโกะก็ตะโกนมาว่า "คิดว่าจะให้กลับง่ายๆหรือไงฟะ มาทำโซลโซไซตี้ตูเละขนาดนี้ อย่าคิดจะกลับง่ายๆนะเฟ้ยย"
ว่าแล้วอิจิโกะก็พุ่งเข้าหายูฮาทันที
... และแล้ว เจ้าควินซี่หน้าหล่อ ก็มีบทจนได้ ...
เจ้าควินซี่หน้าหล่อชักดาบ ฟันดาบอิจิโกะ โช๊ะเดียวหักสองท่อนเยย -*-
อิจิโกะก็ได้แต่อึ้งตาค้าง นี่ดาบตูหักง่ายอย่างนี้เชียวหรือ?
...
โถๆๆๆ พระเอกของเรา ควินซี่ขังไว้ ไม่ให้มาช่วยโซลโซไซตี้ได้ ... เหล่ายมฑูตก็พยายามส่งข่าวให้อิจิโกะมาช่วย ... มาถึง เบียคุยะผู้ไม่รู้ว่าจะตายหรือจะรอด ก็ฝากฝังพระเอกเป็นอย่างดี ...
... ดูจาก profile ที่ผ่านมา เหมือนเนื้อเรื่องจะถูกปูออกไปว่า พระเอกจะเป็นตัวอันตราย ที่ควินซี่กลัว แต่พอเอาเข้าจริง ... นกกระจอกไม่ทันจิบน้ำ เอวัง -*-
ก่อนจากไป ยูฮาก็บอกอีกว่า ... "อีกไม่นาน ช้านจะมาเอาตัวแกกลับไป เลียแผลใจคอยวันนั้นไว้ให้ดีเหอะ วะฮ่ะฮ่าาๆๆๆ"
แล้วก็พูดต่อว่า "ลูกชายของชั้น ... ผู้ที่เกิดมาท่ามกลางความมืด" !!!!! ????
... จบตอน
----------------------------------
อ่านตอนล่าสุดจบแล้ว โอ้ยยย ปริศนาโผล่ออกมาให้เดาทุกตอน!!
ผมว่าใครเดาว่าแม่อิจิโกะเป็นควินซี่ ถือว่าเดาแม่นนะครับ กลางตอน 514 เนื้อเรื่องชี้นำไปทางนั้น
แต่พอจบตอน อ้าวว!! ตกลงอิจิโกะเป็นลูกนังยูฮานี่หรือไร? ช็อคซีนีม่า!! (ก็มาเรียกว่า "ลูกชายของชั้น" ซะอย่างงั้น!!)
ถ้ายูฮาเป็นพ่อ แม่อิจิโกะก็ไม่ใช่ควินซี่แน่ๆ ... และอิชชิน ก็ไม่ใช่พ่อ!! หรือว่าจริงๆแล้ว ฝ่ายแม่ที่เป็นยมฑูต?
เรื่องราวสายเลือด สายโลหิตอันน่าซับซ้อนซ่อนเงื่อนน่าติดตาม โผล่มาให้เป็นประเด็นอีกแล้ว
(ใครเป็นลูกใครเนี่ย เป็นเรื่องน้ำเน่าฮอตฮิตที่ใช้ในละครไทยหลังข่าว มาวันนี้ การ์ตูนญี่ปุ่นเอามุขนี้ไปใช้แล้วเรียบร้อย 555+ ^ ^")
สรุปตอนนี้ Bleach เปิดประเด็นปริศนาไว้ไม่รู้กี่เรื่องแล้ว พี่แกจะเคลียร์ให้ครบทุกเรื่องเมื่อไหร่เนี่ย -*-
... แล้วไอ้คนที่เอาดาบไปจ่ออุราฮาร่านี่มันใครล่ะ -*-
อย่างไรก็ตาม ตอน Bleach 515 ผมเดาว่าคงมีแต่เรื่องดราม่าให้ดูล่ะครับ (สำหรับการตายหรือไม่ตายของพี่เขย ก็คงเฉลยตอนที่ 515 นี่แหละมั้งครับ แม่ยกรอลุ้น!!)
ตอนที่ 515 ออกแล้วนะครับ ตามไปอ่าน เนื้อเรื่องย่อ 515 และร่วมคาดเดา Bleach 516 กันต่อได้ที่นี่ครับ
iPhone 5 ผ่อน 0% ... แทบจองไอโฟนไม่ทัน!!
ผมเองก็เป็นสมาชิกบัตรเครดิตของกสิกรไทยอยู่ครับ
แล้ววันที่ 29 ต.ค. อยู่ๆก็ได้เมลโปรโมทการผ่อน 0% ของสินค้าชิ้นหนึ่ง นั่นก็คือ iPhone 5 ซึ่งกำลังเป็นโทรศัพท์มือถือที่เป็นข่าวมากที่สุดสำหรับขาไฮเทคชอบตามเทรนด์ในตอนนี้ครับ
...
ทว่า ... เมลส่งมาวันที่ 29 ต.ค. ครับ
แต่ลองดูเนื้่อหาเมลสิ?
อืม ก็โอเคนะ ... ผ่อนสิบเดือน ก็น่าจะสองพันกว่าๆ สบายๆ ไม่เท่าไหร่
...
แต่พอมาดูอันล่าง ...
... ภายในวันที่ 30 ต.ค. 55 ก่อนสี่โมงเย็น ... แม่เจ้า!!
นี่ตกลงจะให้เวลาตัดสินใจแค่วันเดียวใช่ไหมเนี่ย!!
สรุป ... ผมที่ไม่ได้คิดจะซื้ออยู่แล้ว ก็เลยยิ่งไม่คิดจะซื้อไปกันใหญ่ 555+
อย่างไรก็ตาม ที่เค้าประกาศหนึ่งวันแล้วหมดเขต 1 วันเนี่ย!! ดูผิวเผินเหมือนจะโหด
แต่เชื่อไหม ผมคิดว่านะ ผมว่าวันเดียวนี่แหละ ยอดจองเกิน 200 คนแน่ๆอ่ะ!! (เค้าก็เลยให้เวลาแค่วันเดียวไง)
เพราะความดังของ iPhone 5 นั้น ผมเชื่อว่าแค่ยอดจองวันเดียว วันแรก ก็แย่งกันมือเป็นระวิงแน่ๆ โดยเฉพาะผ่อน 0% แบบนี้ด้วยแล้ว
...
ก็เลยอยากจะมาบอกคนที่คิดว่าจะซื้อแน่ๆน่ะครับ รอดูโปรให้ดีๆ ตามข่าวให้ไวๆ เพราะข่าวไอโฟน 5 นั้น รับรองมาไวไปไวแน่ๆ
ส่วนใครที่คิดจะซื้อแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่คิดจะผ่อน ก็รอวางขายครับ อีกวันสองวันนี้เท่านั้นเอง ได้สัมผัสแน่นอน ^ ^
แล้ววันที่ 29 ต.ค. อยู่ๆก็ได้เมลโปรโมทการผ่อน 0% ของสินค้าชิ้นหนึ่ง นั่นก็คือ iPhone 5 ซึ่งกำลังเป็นโทรศัพท์มือถือที่เป็นข่าวมากที่สุดสำหรับขาไฮเทคชอบตามเทรนด์ในตอนนี้ครับ
...
ทว่า ... เมลส่งมาวันที่ 29 ต.ค. ครับ
แต่ลองดูเนื้่อหาเมลสิ?
อืม ก็โอเคนะ ... ผ่อนสิบเดือน ก็น่าจะสองพันกว่าๆ สบายๆ ไม่เท่าไหร่
...
แต่พอมาดูอันล่าง ...
... ภายในวันที่ 30 ต.ค. 55 ก่อนสี่โมงเย็น ... แม่เจ้า!!
นี่ตกลงจะให้เวลาตัดสินใจแค่วันเดียวใช่ไหมเนี่ย!!
สรุป ... ผมที่ไม่ได้คิดจะซื้ออยู่แล้ว ก็เลยยิ่งไม่คิดจะซื้อไปกันใหญ่ 555+
อย่างไรก็ตาม ที่เค้าประกาศหนึ่งวันแล้วหมดเขต 1 วันเนี่ย!! ดูผิวเผินเหมือนจะโหด
แต่เชื่อไหม ผมคิดว่านะ ผมว่าวันเดียวนี่แหละ ยอดจองเกิน 200 คนแน่ๆอ่ะ!! (เค้าก็เลยให้เวลาแค่วันเดียวไง)
เพราะความดังของ iPhone 5 นั้น ผมเชื่อว่าแค่ยอดจองวันเดียว วันแรก ก็แย่งกันมือเป็นระวิงแน่ๆ โดยเฉพาะผ่อน 0% แบบนี้ด้วยแล้ว
...
ก็เลยอยากจะมาบอกคนที่คิดว่าจะซื้อแน่ๆน่ะครับ รอดูโปรให้ดีๆ ตามข่าวให้ไวๆ เพราะข่าวไอโฟน 5 นั้น รับรองมาไวไปไวแน่ๆ
ส่วนใครที่คิดจะซื้อแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่คิดจะผ่อน ก็รอวางขายครับ อีกวันสองวันนี้เท่านั้นเอง ได้สัมผัสแน่นอน ^ ^
ชายหาดมีขยะจำนวนมาก แท้จริงคือฤดูมรสุม!! อย่าไปโทษเจ้าของหาด
ในบางช่วงเวลา ที่คุณไปทะเลแล้วพบว่า ชายหาดมีแต่ "ขยะ" เกลื่อนเต็มหน้าชายหาด แบบเว่อร์ๆ คือกองเกลื่อนกลาดเป็นกองๆเลยนั้น
หลายๆคนออกมาประนามว่าดูแลชายหาดกันอย่างไร? นักท่องเที่ยวเที่ยวกันอย่างไร ไม่มีผู้ดูแลเลยหรือ?
ขอบอกเลยว่า ถ้าเจอชายหาดสกปรกแบบนั้น เค้าเรียกว่า ช่วงมรสุมที่น้ำพัดขยะเข้าสู่ชายหาดนั้นๆพอดี ครับ!!
ซึ่งแต่ละหาด กระแสน้ำจะพัดขยะเข้าฝั่งตอนไหนนั้น แต่ละที่ก็จะไม่พร้อมกันครับ ช่วงนี้อาจจะย่านหาดแถวประจวบหรือเพชรบุรี เช่น หัวหิน ชะอำ ปราณบุรี ... บางช่วงก็ไปย่านพัทยา บางช่วงก็ไปจอมเทียน แล้วแต่การทำมุมของกระแสน้ำต่อหน้าหาดนั้นๆครับ
ดังนั้น เวลาที่หาดนั้นๆสกปรกมากๆ การที่เอาแต่โทษคนดูแลชายหาดอย่างเดียว ว่าดูแลกันอย่างไร? คงไม่ถูกต้องนัก!!
เพราะมันเป็นช่วงมรสุมที่จะพัดขยะทั้งหมดในทะเล เข้าสู่ย่านนั้นๆทั้งวัน ทั้งคืน ไม่มีหยุด!!
...
ผมเคยคุยเรื่องนี้กับคนอื่นมาเหมือนกัน ... บางคนก็แย้งว่า "ขยะมันก็มาจากมนุษย์ ถ้าไม่ใช่มนุษย์จะมาจากไหน ก็ต้องโทษคนแถวนั้นด้วยนั่นล่ะ" (บางคนก็ไม่เชื่อด้วยนะ ว่ามรสุมอะไรมันจะพัดขยะขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่ว่าคนแถวนั้นทิ้งกันเอง ... ถ้าใครคิดเช่นนี้ คงต้องไปศึกษาเรื่องกระแสน้ำในทะเลใหม่ให้หมดครับ แล้วคุณจะรู้ว่า "ทะเล" ทำได้แค่ไหน)
...
ขอบอกเลยว่า ถ้าจะโทษ ให้โทษคนบนฝั่งในแผ่นดินลึกเข้าไปหลายร้อยกิโลเมตรนี่ล่ะครับ!!
ยิ่ง "กรุงเทพฯ" นี่ล่ะครับ ตัวดีเลยล่ะ!!
ขยะที่เห็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่ว่าคนแถวนั้นทิ้งลงทะเล แล้วมันดันพัดกลับเข้าฝั่งของตัวเองนะครับ
หลักๆใหญ่สุดสำหรับขยะในอ่าวไทยก็คือจากแม่น้ำเจ้าพระยา นี่ล่ะครับ!! ที่เก็บสะสมขยะไล่มาตั้งแต่ภาคเหนือ ไล่ไปจนกรุงเทพฯ แล้วปล่อยสู่ทะเลอ่าวไทย!! (ซึ่งในความเป็นจริง ไม่ได้มีแค่เจ้าพระยา ... มันคือแม่น้ำทุกแห่งครับ ลองคิดภาพดู ว่าจะเยอะแค่ไหน)
เชื่อไม่เชื่อ เอาง่ายๆ คุณลองไปเดินดูแถวริมแม่น้ำเอาละกัน ว่ามีแหล่งสะสมขยะที่ทิ้งลงแม่น้ำเยอะแค่ไหน ...
ขยะที่เห็นตามริมแม่น้ำนั่นน่ะ ลงทะเลทั้งหมดครับ ... แล้วขยะก็ลองเคว้งคว้างไปในทะเลตามกระแสน้ำครับ
วันใดวันหนึ่ง กระแสน้ำซัดเข้าหาดไหน หาดนั้นก็เจอขยะที่เก็บสะสมตั้งแต่ต้นแม่น้ำยันปลายแม่น้ำ ทั้งวันทั้งคืนเต็มๆครับ!! แล้วคุณคิดว่า เค้าจะเก็บกันไหวไหมล่ะ?
แน่นอนครับ ว่าไม่ไหวก็ต้องไหว ... แต่ก่อนที่จะไหว มันก็ต้องมีภาพขยะเกลื่อนชายหาดให้คุณชมแน่นอน ^ ^"
ซึ่งมันจะพัดขยะเข้าฝั่งทั้งวันเป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ครับ ... แต่ก็ไม่แน่ไม่นอนครับ อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าก็ได้
ถ้าคนเก็บขยะ เก็บตอนเช้ากับตอนเย็น ใครไปทะเลช่วงบ่ายๆ ก่อนที่จะเก็บขยะเย็น ... รับรองว่ายังไงก็ต้องเจอขยะที่ชายหาดเป็นกองครับ (เพราะคงไม่สามารถจะไปเดินตามเก็บตลอดเวลาได้ คงต้องเก็บเป็นช่วงๆ)
ที่ผมออกมาพิมพ์เช่นนี้ก็อยากจะบอกว่า เวลาเจอขยะมากๆตามชายหาด อย่าเพิ่งไปตำหนิผู้ดูแลหาดหรือนักท่องเที่ยวครับ
ครัวเรือนบนฝั่งนี่ล่ะ คืออันดับหนึ่ง ที่ปล่อยขยะจนลอยไปติดหน้าชายหาดครับ
แต่ถ้าขยะตามชายหาดทั่วไปที่ไม่ได้เยอะจนผิดสังเกต อันนั้นขยะจากความรับผิดชอบของชายหาดจริงๆครับ
ปล. ผมเองก็เป็นคนหนึ่ง ที่เคยโทษคนที่ชายหาดและนักท่องเที่ยวครับ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเป็นยังไง เลยอยากแชร์ให้รับรู้โดยทั่วกันครับ
หลายๆคนออกมาประนามว่าดูแลชายหาดกันอย่างไร? นักท่องเที่ยวเที่ยวกันอย่างไร ไม่มีผู้ดูแลเลยหรือ?
ขอบอกเลยว่า ถ้าเจอชายหาดสกปรกแบบนั้น เค้าเรียกว่า ช่วงมรสุมที่น้ำพัดขยะเข้าสู่ชายหาดนั้นๆพอดี ครับ!!
ซึ่งแต่ละหาด กระแสน้ำจะพัดขยะเข้าฝั่งตอนไหนนั้น แต่ละที่ก็จะไม่พร้อมกันครับ ช่วงนี้อาจจะย่านหาดแถวประจวบหรือเพชรบุรี เช่น หัวหิน ชะอำ ปราณบุรี ... บางช่วงก็ไปย่านพัทยา บางช่วงก็ไปจอมเทียน แล้วแต่การทำมุมของกระแสน้ำต่อหน้าหาดนั้นๆครับ
ดังนั้น เวลาที่หาดนั้นๆสกปรกมากๆ การที่เอาแต่โทษคนดูแลชายหาดอย่างเดียว ว่าดูแลกันอย่างไร? คงไม่ถูกต้องนัก!!
เพราะมันเป็นช่วงมรสุมที่จะพัดขยะทั้งหมดในทะเล เข้าสู่ย่านนั้นๆทั้งวัน ทั้งคืน ไม่มีหยุด!!
...
ผมเคยคุยเรื่องนี้กับคนอื่นมาเหมือนกัน ... บางคนก็แย้งว่า "ขยะมันก็มาจากมนุษย์ ถ้าไม่ใช่มนุษย์จะมาจากไหน ก็ต้องโทษคนแถวนั้นด้วยนั่นล่ะ" (บางคนก็ไม่เชื่อด้วยนะ ว่ามรสุมอะไรมันจะพัดขยะขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่ว่าคนแถวนั้นทิ้งกันเอง ... ถ้าใครคิดเช่นนี้ คงต้องไปศึกษาเรื่องกระแสน้ำในทะเลใหม่ให้หมดครับ แล้วคุณจะรู้ว่า "ทะเล" ทำได้แค่ไหน)
...
ขอบอกเลยว่า ถ้าจะโทษ ให้โทษคนบนฝั่งในแผ่นดินลึกเข้าไปหลายร้อยกิโลเมตรนี่ล่ะครับ!!
ยิ่ง "กรุงเทพฯ" นี่ล่ะครับ ตัวดีเลยล่ะ!!
ขยะที่เห็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่ว่าคนแถวนั้นทิ้งลงทะเล แล้วมันดันพัดกลับเข้าฝั่งของตัวเองนะครับ
หลักๆใหญ่สุดสำหรับขยะในอ่าวไทยก็คือจากแม่น้ำเจ้าพระยา นี่ล่ะครับ!! ที่เก็บสะสมขยะไล่มาตั้งแต่ภาคเหนือ ไล่ไปจนกรุงเทพฯ แล้วปล่อยสู่ทะเลอ่าวไทย!! (ซึ่งในความเป็นจริง ไม่ได้มีแค่เจ้าพระยา ... มันคือแม่น้ำทุกแห่งครับ ลองคิดภาพดู ว่าจะเยอะแค่ไหน)
เชื่อไม่เชื่อ เอาง่ายๆ คุณลองไปเดินดูแถวริมแม่น้ำเอาละกัน ว่ามีแหล่งสะสมขยะที่ทิ้งลงแม่น้ำเยอะแค่ไหน ...
ขยะที่เห็นตามริมแม่น้ำนั่นน่ะ ลงทะเลทั้งหมดครับ ... แล้วขยะก็ลองเคว้งคว้างไปในทะเลตามกระแสน้ำครับ
วันใดวันหนึ่ง กระแสน้ำซัดเข้าหาดไหน หาดนั้นก็เจอขยะที่เก็บสะสมตั้งแต่ต้นแม่น้ำยันปลายแม่น้ำ ทั้งวันทั้งคืนเต็มๆครับ!! แล้วคุณคิดว่า เค้าจะเก็บกันไหวไหมล่ะ?
แน่นอนครับ ว่าไม่ไหวก็ต้องไหว ... แต่ก่อนที่จะไหว มันก็ต้องมีภาพขยะเกลื่อนชายหาดให้คุณชมแน่นอน ^ ^"
ซึ่งมันจะพัดขยะเข้าฝั่งทั้งวันเป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ครับ ... แต่ก็ไม่แน่ไม่นอนครับ อาจจะมากกว่าหรือน้อยกว่าก็ได้
ถ้าคนเก็บขยะ เก็บตอนเช้ากับตอนเย็น ใครไปทะเลช่วงบ่ายๆ ก่อนที่จะเก็บขยะเย็น ... รับรองว่ายังไงก็ต้องเจอขยะที่ชายหาดเป็นกองครับ (เพราะคงไม่สามารถจะไปเดินตามเก็บตลอดเวลาได้ คงต้องเก็บเป็นช่วงๆ)
ที่ผมออกมาพิมพ์เช่นนี้ก็อยากจะบอกว่า เวลาเจอขยะมากๆตามชายหาด อย่าเพิ่งไปตำหนิผู้ดูแลหาดหรือนักท่องเที่ยวครับ
ครัวเรือนบนฝั่งนี่ล่ะ คืออันดับหนึ่ง ที่ปล่อยขยะจนลอยไปติดหน้าชายหาดครับ
แต่ถ้าขยะตามชายหาดทั่วไปที่ไม่ได้เยอะจนผิดสังเกต อันนั้นขยะจากความรับผิดชอบของชายหาดจริงๆครับ
ปล. ผมเองก็เป็นคนหนึ่ง ที่เคยโทษคนที่ชายหาดและนักท่องเที่ยวครับ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเป็นยังไง เลยอยากแชร์ให้รับรู้โดยทั่วกันครับ
ไปเที่ยว New Zealand อย่าลืมแวะชมตัว Gollum ที่สนามบินล่ะ!!
ใครที่เป็นแฟนๆของหนังดังอย่าง Lord of the Ring แล้วล่ะก็ ... หากได้มีโอกาสแวะไปที่ Wellington Airport ... ประเทศนิวซีแลนด์
อย่าลืมแวะไปถ่ายรูปกับเจ้าตัว Gollum ที่ชื่อสมิโกลนี่ล่ะ!!
เพราะว่าที่สนามบินเวลลิงตันนี้ เค้าจำลองตัวกอลลัมออกมาได้สมจริง แล้วก็ใหญ่ยักษ์ แปะประดับอยู่ที่สนามบินเค้าด้วย!!
คลิปที่เห็นนี้ คือคลิปขั้นตอนการติดการต่อ เจ้าตัวกอลลัม ที่สนามบินเค้าครับ!!
เสร็จแล้ว ก็ออกมาแบบนี้!!
กลายเป็นกอลลัมจับปลา สุดอลังการ ... ดูจากรูป น่าจะอยู่แถวโซนๆที่คล้ายๆฟูดคอร์ทหรือเปล่า?
แม้เจ้าตัวสมิโกลนี้ มันจะไม่ใช่ตัวละครที่น่ารัก ดูดี ... แต่มันก็เป็นจุดเด่นที่ใครต่อใครจำมันได้ เห็นแล้วเป็นต้องสะดุดตา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าแนวคิดใครเหมือนกัน ที่เลือกเจ้าตัวกอลลัมมาประดับสนามบินแบบนี้ ... แต่นับว่าไอเดียบรรเจิดดีครับ กลายเป็นจุดแลนด์มาร์คอีกจุดได้เลย ในสนามบินครับ ^ ^
อย่าลืมแวะไปถ่ายรูปกับเจ้าตัว Gollum ที่ชื่อสมิโกลนี่ล่ะ!!
เพราะว่าที่สนามบินเวลลิงตันนี้ เค้าจำลองตัวกอลลัมออกมาได้สมจริง แล้วก็ใหญ่ยักษ์ แปะประดับอยู่ที่สนามบินเค้าด้วย!!
คลิปที่เห็นนี้ คือคลิปขั้นตอนการติดการต่อ เจ้าตัวกอลลัม ที่สนามบินเค้าครับ!!
เสร็จแล้ว ก็ออกมาแบบนี้!!
กลายเป็นกอลลัมจับปลา สุดอลังการ ... ดูจากรูป น่าจะอยู่แถวโซนๆที่คล้ายๆฟูดคอร์ทหรือเปล่า?
แม้เจ้าตัวสมิโกลนี้ มันจะไม่ใช่ตัวละครที่น่ารัก ดูดี ... แต่มันก็เป็นจุดเด่นที่ใครต่อใครจำมันได้ เห็นแล้วเป็นต้องสะดุดตา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าแนวคิดใครเหมือนกัน ที่เลือกเจ้าตัวกอลลัมมาประดับสนามบินแบบนี้ ... แต่นับว่าไอเดียบรรเจิดดีครับ กลายเป็นจุดแลนด์มาร์คอีกจุดได้เลย ในสนามบินครับ ^ ^
มินิรีวิว Summer Day Beach Resort เกาะเสม็ด ^ ^
มีมินิรีวิว(สไตล์แอบถ่ายรีสอร์ทที่เดินผ่าน)มาฝากครับ ^ ^
รีสอร์ทที่พักนี้ชื่อว่า Summer Day Beach Resort น่าจะเพิ่งเปิดใหม่ที่เกาะเสม็ดน่ะครับ
ตอนผมเดินเลาะชายหาดทรายแก้วที่เกาะเสม็ดเล่น เห็นว่าที่นี่เป็นที่พักที่น่าสนใจ ก็เลยขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นทางเลือกครับ ^ ^
ตอนเดินผ่านไปตอนแรก เห็นป้าย Summer Day Beach Resort ก็สะดุดใจนิดๆ ว่าเหมือนจะน่ารักดี
ว่าแล้วก็แอบมองไปดูทางห้องพักของที่นี่ ซูมเข้าไปหน่อย ... เย้ย!! เข้าท่าดีครับ
ห้องพักแม้จะไม่ได้ติดชายหาด อยู่ด้านหลังเข้าไป ... แต่ก็เหมือนบีชฟร้อนท์กลายๆล่ะครับ เพราะว่าห้องพักที่เห็นนี่ ไม่มีอะไรบังวิวเค้าเลยนะครับ ได้วิวทะเลเต็มๆ!! แล้วสังเกตครับ ว่าฝั่งที่หันหน้าเข้าทะเลน่ะ "กระจกใส" ทั้งด้านเลยครับ ถ้ารูดม่านออกหมด ก็นอนตากแอร์ชมวิวชายหาดได้อย่างสบายๆเลยครับ (แต่ถ้าต้องการเป็นส่วนตัว ก็ปิดม่านหน่อยนะ ^ ^)
วิวชายหาดของหาดทรายแก้ว เกาะเสม็ด ... สวยเสมอครับ ^ ^
ก่อนจะเดินเลยไป ก็ขอหันมาแอบถ่ายอีกที ... ไม่แน่ใจว่าเป็นบาร์ด้านหน้ารีสอร์ทหรือเปล่านะครับ อยู่ด้านหน้าติดกับชายหาดเลย
ก็ถ่ายรูปมาให้ชมเพราะคิดว่ารีสอร์ทนี้ทำเลเข้าท่าดีครับ ดูสไตล์แล้ว ราคาก็ไม่น่าจะแรงมากด้วย(แต่คงไม่ถูกหรอก) น่าพักเหมือนกันครับ เผื่อใครสนใจ ก็ลองเอา Summer Day Beach Resort ไปเป็นตัวเลือกได้ ผมว่าที่พักแห่งนี้น่าสนดีครับ ^ ^
รีสอร์ทที่พักนี้ชื่อว่า Summer Day Beach Resort น่าจะเพิ่งเปิดใหม่ที่เกาะเสม็ดน่ะครับ
ตอนผมเดินเลาะชายหาดทรายแก้วที่เกาะเสม็ดเล่น เห็นว่าที่นี่เป็นที่พักที่น่าสนใจ ก็เลยขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นทางเลือกครับ ^ ^
ตอนเดินผ่านไปตอนแรก เห็นป้าย Summer Day Beach Resort ก็สะดุดใจนิดๆ ว่าเหมือนจะน่ารักดี
ว่าแล้วก็แอบมองไปดูทางห้องพักของที่นี่ ซูมเข้าไปหน่อย ... เย้ย!! เข้าท่าดีครับ
ห้องพักแม้จะไม่ได้ติดชายหาด อยู่ด้านหลังเข้าไป ... แต่ก็เหมือนบีชฟร้อนท์กลายๆล่ะครับ เพราะว่าห้องพักที่เห็นนี่ ไม่มีอะไรบังวิวเค้าเลยนะครับ ได้วิวทะเลเต็มๆ!! แล้วสังเกตครับ ว่าฝั่งที่หันหน้าเข้าทะเลน่ะ "กระจกใส" ทั้งด้านเลยครับ ถ้ารูดม่านออกหมด ก็นอนตากแอร์ชมวิวชายหาดได้อย่างสบายๆเลยครับ (แต่ถ้าต้องการเป็นส่วนตัว ก็ปิดม่านหน่อยนะ ^ ^)
วิวชายหาดของหาดทรายแก้ว เกาะเสม็ด ... สวยเสมอครับ ^ ^
ก่อนจะเดินเลยไป ก็ขอหันมาแอบถ่ายอีกที ... ไม่แน่ใจว่าเป็นบาร์ด้านหน้ารีสอร์ทหรือเปล่านะครับ อยู่ด้านหน้าติดกับชายหาดเลย
ก็ถ่ายรูปมาให้ชมเพราะคิดว่ารีสอร์ทนี้ทำเลเข้าท่าดีครับ ดูสไตล์แล้ว ราคาก็ไม่น่าจะแรงมากด้วย(แต่คงไม่ถูกหรอก) น่าพักเหมือนกันครับ เผื่อใครสนใจ ก็ลองเอา Summer Day Beach Resort ไปเป็นตัวเลือกได้ ผมว่าที่พักแห่งนี้น่าสนดีครับ ^ ^
กล้องคอมแพค F1.8 ราคาสุดแจ่ม BenQ G1
ตอนนี้ กล้องดิจิตอลคอมแพคหลายๆยี่ห้อ เริ่มเปิดตัวกล้องคอมแพคระดับ High-End รุ่นใหม่ๆกันมากมาย
ซึ่งสเปคสุดฮิตที่เป็นที่นิยมมากๆอย่างหนึ่งที่กล้องคอมแพครุ่นท๊อปๆจะต้องมีกันก็นี่เลยครับ ค่า f1.8 !!
และกล้องที่มีสเปคฮิตๆนี้ ส่วนใหญ่ก็ราคาหมื่นกลางๆ เกือบหมื่นห้ากันทั้งนั้น!!
... พอเห็นราคาแล้วก็แหม ราคามันแตะ Mirrorless และ DSLR ตัวล่างๆกันไปแล้ว ... ทำให้การที่จะซื้อกล้องคอมแพคสไตล์แบบนี้ เป็นเรื่องที่น่าหนักใจขึ้นมาได้
...
ว่าแล้วก็ขอแนะนำทางเลือกใหม่จากยี่ห้อที่ไม่ได้โด่งดังมากอย่าง BenQ มาให้ได้รู้จักครับ ^ ^
กับกล้อง BenQ G1 ซึ่งได้เลนส์ F1.8 และมีราคาเปิดตัวในไทยเพียง 8,900 บาท!!
ลองดูกันครับ ว่า BenQ G1 ทำอะไรได้บ้าง!!
และนอกจากค่า F1.8 แล้ว ก็ยังพ่วงสเปคเด็ดๆอีกเพียบ อย่างที่เห็นในคลิปวิดีโอครับ
เช่นช่วงเลนส์ ที่เทียบกับฟิล์ม 35mm แล้วจะอยู่ที่ 24-100mm!!
ถ่ายวิดีโอ FHD 1080p (1920 x 1080) ... และที่ถ่ายแบบ Slow Motion ได้ ก็เท่ดีครับ
นอกจากนั้น ก็เห็นๆกันอยู่ในคลิปก็คือ จอ LCD บิดหมุนพับได้!! ในสไตล์บางๆ!!
และที่น่าสงสัยที่สุดก็คือ คุณภาพไฟล์รูปล่ะ? เป็นอย่างไรบ้าง? ... ส่วนตัวผมคิดว่าทำได้ไม่เลวครับ ลองดูตัวอย่างภาพตามลิงค์ด้านล่างนี่ครับ
- http://www.flickr.com/photos/agapov/8082076021/
- http://www.flickr.com/photos/agapov/8084324938/
...
เห็นยังงี้แล้ว ส่วนตัวมองว่า ... น่าซื้อกว่าพวก Canon G12 หรือ G15 อีกมั้งครับเนี่ย
เพราะสเปคหลักๆ ดูดีกว่าซะอีก ... คือพูดตรงๆแล้ว สเปคดีกว่าเยอะเลย ทั้งเลนส์กว้าง 24mm และ f1.8, จอพับได้เหมือนกัน, ขนาดที่บางกว่า ... เหลือการพิสูจน์ตนเองเพียงอย่างเดียวครับ ว่า "ไฟล์รูป" ล่ะ ทาง BenQ ทำได้ดีแค่ไหน? ก็เท่านั้นเองครับ ^ ^ (ลองดูภาพตัวอย่างก็พอจะบอกได้ ว่าไฟล์ภาพไม่เลว ดีมากๆด้วยครับ แต่ต้องหารีวิวไฟล์ภาพที่ละเอียดๆกว่านี้ประกอบการตัดสินใจอีกทีครับ)
ซึ่งสเปคสุดฮิตที่เป็นที่นิยมมากๆอย่างหนึ่งที่กล้องคอมแพครุ่นท๊อปๆจะต้องมีกันก็นี่เลยครับ ค่า f1.8 !!
และกล้องที่มีสเปคฮิตๆนี้ ส่วนใหญ่ก็ราคาหมื่นกลางๆ เกือบหมื่นห้ากันทั้งนั้น!!
... พอเห็นราคาแล้วก็แหม ราคามันแตะ Mirrorless และ DSLR ตัวล่างๆกันไปแล้ว ... ทำให้การที่จะซื้อกล้องคอมแพคสไตล์แบบนี้ เป็นเรื่องที่น่าหนักใจขึ้นมาได้
...
ว่าแล้วก็ขอแนะนำทางเลือกใหม่จากยี่ห้อที่ไม่ได้โด่งดังมากอย่าง BenQ มาให้ได้รู้จักครับ ^ ^
กับกล้อง BenQ G1 ซึ่งได้เลนส์ F1.8 และมีราคาเปิดตัวในไทยเพียง 8,900 บาท!!
ลองดูกันครับ ว่า BenQ G1 ทำอะไรได้บ้าง!!
เช่นช่วงเลนส์ ที่เทียบกับฟิล์ม 35mm แล้วจะอยู่ที่ 24-100mm!!
ถ่ายวิดีโอ FHD 1080p (1920 x 1080) ... และที่ถ่ายแบบ Slow Motion ได้ ก็เท่ดีครับ
นอกจากนั้น ก็เห็นๆกันอยู่ในคลิปก็คือ จอ LCD บิดหมุนพับได้!! ในสไตล์บางๆ!!
และที่น่าสงสัยที่สุดก็คือ คุณภาพไฟล์รูปล่ะ? เป็นอย่างไรบ้าง? ... ส่วนตัวผมคิดว่าทำได้ไม่เลวครับ ลองดูตัวอย่างภาพตามลิงค์ด้านล่างนี่ครับ
- http://www.flickr.com/photos/agapov/8082076021/
- http://www.flickr.com/photos/agapov/8084324938/
...
เห็นยังงี้แล้ว ส่วนตัวมองว่า ... น่าซื้อกว่าพวก Canon G12 หรือ G15 อีกมั้งครับเนี่ย
เพราะสเปคหลักๆ ดูดีกว่าซะอีก ... คือพูดตรงๆแล้ว สเปคดีกว่าเยอะเลย ทั้งเลนส์กว้าง 24mm และ f1.8, จอพับได้เหมือนกัน, ขนาดที่บางกว่า ... เหลือการพิสูจน์ตนเองเพียงอย่างเดียวครับ ว่า "ไฟล์รูป" ล่ะ ทาง BenQ ทำได้ดีแค่ไหน? ก็เท่านั้นเองครับ ^ ^ (ลองดูภาพตัวอย่างก็พอจะบอกได้ ว่าไฟล์ภาพไม่เลว ดีมากๆด้วยครับ แต่ต้องหารีวิวไฟล์ภาพที่ละเอียดๆกว่านี้ประกอบการตัดสินใจอีกทีครับ)
iPhone ไอโฟน ใช้แล้วดูรวย ดูหรู ดูฐานะดี มีเงินกว่ายี่ห้ออื่นหรือไม่?
มีคนบอกว่า ใช้ iPhone ดีกว่ายี่ห้ออื่นนะ มันใช้แล้วดูดี มีเงิน ดูรวย เท่ บลาๆๆ
...
ผมฟังแล้วก็แบบว่า ... "เมื่อก่อนน่ะ ใช่ แต่เดี๋ยวนี้ ไม่แล้ว"
... สมัยก่อนที่ iPhone หรือ Apple ยังไม่เข้าไทย แต่มัวแต่เห่อ BB กันอยู่นั้น
ใครที่หา iPhone มาใช้ได้ จัดว่าเท่ตรงที่ไปหา iPhone มือถือที่เป็นที่นิยมที่อเมริกา มาใช้ได้ ... ก็เท่านั้นครับ มันเลยพอจะดูดีอยู่บ้าง ตรงที่ "ใช้ของไม่ซ้ำใคร" และดูมีความ "เป็นตัวของตัวเองสูง"
แต่ปัจจุบัน การใช้ iPhone ไม่ได้บ่งบอกถึงฐานะหรือความหรูหราอีกต่อไปแล้ว!!
สาเหตุก็เพราะ ความเกร่อ!! ความโหล!! ของมันนั่นเอง!!
คุณเชื่อหรือไม่?
- เด็กมัธยมที่หาเงินเองไม่ได้ บางคนก็ขอเงินพ่อแม่ที่แทบจะไม่มีเงิน มาซื้อ iPhone
- เด็กมหาวิทยาลัยที่ยังหาเงินไม่ได้เช่นกัน บางทีก็อ้อนพ่อแม่ ที่ก็ไม่ได้รวยมาจากไหน ขอซื้อ iPhone
- บางคนทำงานแล้ว เงินเดือนไม่ถึงหมื่น ก็ดันทุรัง ผ่อน iPhone มาใช้ก็มี
- พนักงานโรงงาน เงินเดือนไม่ได้มากมายอะไร ก็หาผ่อน iPhone มาใช้
- ข้าราชการ เงินเดือนทั่วๆไป ก็หา iPhone มาใช้
- พนักงานบริษัท หรือข้าราชการที่เงินดีๆ ก็หา iPhone มาใช้
- คนรวยจริงๆ รายได้มากๆ ก็ใช้ iPhone
- ระดับเศรษฐี ก็ใช้ iPhone
...
สรุป!! ตั้งแต่เงินไม่มีต้องขอพ่อแม่ ... จน รายได้น้อย ... รายได้กลางๆ ... รายได้มาก ... รวย ... เศรษฐี
มันใช้ iPhone กันหมด!! โหลสุดๆ โหลสุดยอด!!
คิดง่ายๆครับ แม้มันจะดูแพง ... แต่เงินแค่สองหมื่นกว่าๆ ถ้าคนมันอยากได้ มันไม่ได้ยากเย็นที่จะซื้อหรอกครับ!!
ดังนั้น ไม่ว่ารวยหรือจน ซื้อไอโฟนใช้ได้กันทั้งนั้น!!
แล้วถ้าคุณอยากใช้ iPhone เพื่อให้ดูรวยล่ะ? จะทำยังไงดี? (ไม่ต้องอายครับ ถ้าอยากใช้ iPhone เพียงเพราะเพื่อให้ดูดี คุณก็ไม่ผิดหรอก ยอมรับความจริงมาเถอะ)
ผมมีคำตอบตามความเห็นส่วนตัวดังนี้!!
วิธีใช้ iPhone ให้ดูเหมือนคนมีเงิน
1. ถ้าคุณแต่งตัวซอมซ่อ เสื้อผ้าที่ใช้ผ้าเนื้อไม่ดี ราคาถูกๆ (ดูออกนะครับ) แล้วใช้ iPhone คุณก็จะดูเหมือนคนจนๆ ที่พยายามผ่อนไอโฟนมาใช้ ดูแย่กว่าเดิม -*-
2. ถ้าคุณใช้ iPhone แต่หนังหน้าไม่ให้ (ไม่ได้หมายความว่าหน้าตาไม่ดีนะครับ หมายถึงผิวพรรณ) ต้องทำหนังหน้าให้ดูดี เหมือนคนมีเงินหน่อยครับ ถ้าหนังหน้าไม่ให้ ดูตรากตรำกร้านโลก คุณก็จะดูเหมือนผ่อนไอโฟนมาใช้อีกเช่นกัน
3. สรุปจากข้อ 1-2 อยากใช้ iPhone ให้ดูดี ดูแลเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม ประกอบด้วย เท่านี้เป็นพอครับ ^ ^
... ซึ่ง ... ปัญหาของคนที่อยากใช้ iPhone แล้วดูรวยก็คือ คุณลงทุน iPhone อย่างเดียวไม่ได้ครับ ต้องลงทุน accessories อื่นๆด้วย -*- เตรียมเงินนอกเหนือจากค่า iPhone ไว้บ้างก็ดีครับ (ไปๆมาๆ ถ้าไม่ได้มีเงินใช้สบายๆ ก็ดับกิเลสอย่าใช้ไอโฟนเลยครับ ถ้าคุณไม่มีเงินซื้ออย่างอื่นเพิ่ม คุณไม่ดูดีไปยังไงหรอก -*-)
...
ผมฟังแล้วก็แบบว่า ... "เมื่อก่อนน่ะ ใช่ แต่เดี๋ยวนี้ ไม่แล้ว"
... สมัยก่อนที่ iPhone หรือ Apple ยังไม่เข้าไทย แต่มัวแต่เห่อ BB กันอยู่นั้น
ใครที่หา iPhone มาใช้ได้ จัดว่าเท่ตรงที่ไปหา iPhone มือถือที่เป็นที่นิยมที่อเมริกา มาใช้ได้ ... ก็เท่านั้นครับ มันเลยพอจะดูดีอยู่บ้าง ตรงที่ "ใช้ของไม่ซ้ำใคร" และดูมีความ "เป็นตัวของตัวเองสูง"
สาเหตุก็เพราะ ความเกร่อ!! ความโหล!! ของมันนั่นเอง!!
คุณเชื่อหรือไม่?
- เด็กมัธยมที่หาเงินเองไม่ได้ บางคนก็ขอเงินพ่อแม่ที่แทบจะไม่มีเงิน มาซื้อ iPhone
- เด็กมหาวิทยาลัยที่ยังหาเงินไม่ได้เช่นกัน บางทีก็อ้อนพ่อแม่ ที่ก็ไม่ได้รวยมาจากไหน ขอซื้อ iPhone
- บางคนทำงานแล้ว เงินเดือนไม่ถึงหมื่น ก็ดันทุรัง ผ่อน iPhone มาใช้ก็มี
- พนักงานโรงงาน เงินเดือนไม่ได้มากมายอะไร ก็หาผ่อน iPhone มาใช้
- ข้าราชการ เงินเดือนทั่วๆไป ก็หา iPhone มาใช้
- พนักงานบริษัท หรือข้าราชการที่เงินดีๆ ก็หา iPhone มาใช้
- คนรวยจริงๆ รายได้มากๆ ก็ใช้ iPhone
- ระดับเศรษฐี ก็ใช้ iPhone
...
สรุป!! ตั้งแต่เงินไม่มีต้องขอพ่อแม่ ... จน รายได้น้อย ... รายได้กลางๆ ... รายได้มาก ... รวย ... เศรษฐี
มันใช้ iPhone กันหมด!! โหลสุดๆ โหลสุดยอด!!
คิดง่ายๆครับ แม้มันจะดูแพง ... แต่เงินแค่สองหมื่นกว่าๆ ถ้าคนมันอยากได้ มันไม่ได้ยากเย็นที่จะซื้อหรอกครับ!!
ดังนั้น ไม่ว่ารวยหรือจน ซื้อไอโฟนใช้ได้กันทั้งนั้น!!
แล้วถ้าคุณอยากใช้ iPhone เพื่อให้ดูรวยล่ะ? จะทำยังไงดี? (ไม่ต้องอายครับ ถ้าอยากใช้ iPhone เพียงเพราะเพื่อให้ดูดี คุณก็ไม่ผิดหรอก ยอมรับความจริงมาเถอะ)
ผมมีคำตอบตามความเห็นส่วนตัวดังนี้!!
วิธีใช้ iPhone ให้ดูเหมือนคนมีเงิน
1. ถ้าคุณแต่งตัวซอมซ่อ เสื้อผ้าที่ใช้ผ้าเนื้อไม่ดี ราคาถูกๆ (ดูออกนะครับ) แล้วใช้ iPhone คุณก็จะดูเหมือนคนจนๆ ที่พยายามผ่อนไอโฟนมาใช้ ดูแย่กว่าเดิม -*-
2. ถ้าคุณใช้ iPhone แต่หนังหน้าไม่ให้ (ไม่ได้หมายความว่าหน้าตาไม่ดีนะครับ หมายถึงผิวพรรณ) ต้องทำหนังหน้าให้ดูดี เหมือนคนมีเงินหน่อยครับ ถ้าหนังหน้าไม่ให้ ดูตรากตรำกร้านโลก คุณก็จะดูเหมือนผ่อนไอโฟนมาใช้อีกเช่นกัน
3. สรุปจากข้อ 1-2 อยากใช้ iPhone ให้ดูดี ดูแลเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม ประกอบด้วย เท่านี้เป็นพอครับ ^ ^
... ซึ่ง ... ปัญหาของคนที่อยากใช้ iPhone แล้วดูรวยก็คือ คุณลงทุน iPhone อย่างเดียวไม่ได้ครับ ต้องลงทุน accessories อื่นๆด้วย -*- เตรียมเงินนอกเหนือจากค่า iPhone ไว้บ้างก็ดีครับ (ไปๆมาๆ ถ้าไม่ได้มีเงินใช้สบายๆ ก็ดับกิเลสอย่าใช้ไอโฟนเลยครับ ถ้าคุณไม่มีเงินซื้ออย่างอื่นเพิ่ม คุณไม่ดูดีไปยังไงหรอก -*-)
รีวิว สินสมุทรรีสอร์ท ระยอง ^ ^ บังกะโลบ้านพักสำหรับหมู่คณะ
เพิ่งไปเที่ยวเกาะเสม็ดมาครับ แต่พักบนฝั่งระยองนะครับ เพราะว่ารอบนี้ไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนๆที่ทำงาน ร่วม 20 คนได้ครับ
ซึ่งหากพักกลุ่มเพื่อนหลายคนเป็นหมู่คณะแบบนี้ หาที่พักบนเสม็ดยากเหมือนกันหากต้องการราคาดีๆไม่แพงมากสำหรับคน 20 คน (ไปเที่ยวกันเยอะๆ ราคาที่พักจะแปรผันตามคนที่จ่ายได้น้อยที่สุด -*- ... แต่กลุ่มผมจำกัดกว่านั้น เพราะแปรผันตามงบประมาณที่ลงขันกันไว้ ห้ามเกินนี้)
เกาะเสม็ดจริงๆ ที่พักราคาถูกก็มีนะครับ แต่ห้องก็ไม่ว่างพอสำหรับคน 20 คน ... การหาที่พักบนฝั่งระยอง จึงเป็นทางเลือกที่ดูท่าจะง่ายและสะดวกกว่า (ถ้าจองที่พักล่วงหน้านานๆก็โอเคมั้งครับ แต่ผมจองล่วงหน้าแค่สัปดาห์เดียว)
...
และจากประเด็นดังกล่าว รีสอร์ทที่น่าสนใจมากๆก็คือ สินสมุทรรีสอร์ท นั่นเอง ^ ^
ที่นี่นั้น ติดชายหาด ... ซึ่งทุกคนต้องการ ^ ^
แล้วก็ราคาดีมากๆ นั่นก็คือ บ้านพักหรือบังกะโล ราคาเพียง 2,500-3,500 ต่อหลัง แต่พักได้จุถึงหลังละ 10 คน!! (จ่ายคนละ 250-350 บาทเท่านั้น)
นอกจากนั้น บริเวณชายหาด ยังทำเป็นร้านอาหาร ที่สั่งมาทานได้ ... ลองสั่งข้าวผัดทะเลมาทานครับ อร่อย!!
...
บ้านพักของสินสมุทรก็หน้าตาโอเคนะครับ
ส่วนชายหาดหน้ารีสอร์ท ก็แบบนี้ครับ ไม่ได้สวยฟ้าใสเว่อร์ๆ แต่ก็สะอาดสะอ้าน มีคนเล่นน้ำช่วงเย็นๆเยอะเลยครับ เพราะละแวกนั้นก็มีรีสอร์ทอีกหลายแห่ง (แต่รูปที่ถ่ายมานี่ช่วงเช้าเกือบสายๆครับ)
... นี่ครับ บรรยากาศชายหาดยามเย็น คนเพียบ ไม่ได้พลุกพล่านจนน่ารำคาญ แต่ไม่เหงาและวังเวงครับ กำลังดี
ที่ด้านหน้ารีสอร์ท ที่ติดกับชายหาดนั้น จะมีโต๊ะของทางรีสอร์ทจำนวนหนึ่งครับ จะมานั่งทานอาหารเย็นที่โต๊ะบริเวณนี้ก็ได้ ไปซื้ออาหารทะเลสด ที่ปิ้งย่างกันสดๆย่านตลาดเพ มาทานที่นี่ก็ได้ครับ
ส่วนกลุ่มผม เค้าไปปูเสื่อทานริมหาดกันเลย (แต่ไม่มีทิ้งขยะอะไรเอาไว้นะครับ บอกไว้ก่อน อิอิ)
อันนี้คือหนึ่งในบ้านพักที่จองไว้ บ้านกัลปังหา ผมก็พักหลังนี้ล่ะครับ
มีระเบียงด้านหน้า มีโต๊ะให้นั่งทานเข้านั่นนี่โน่นด้วย ตอนเช้ากลุ่มผมก็มาข้าวกันตรงนี้ล่ะครับ
อันนี้ภายในห้องพักครับ มีสองห้อง หน้าตาประมาณๆนี้ ไม่หรูหราอะไร แต่ก็โอเคมากๆเมื่อเทียบกับราคาและทำเลของมัน ^ ^
ข้อเสียของบ้านพักมีอย่างเดียวครับ คือห้องน้ำมีห้องเดียวเอง แต่ยังดีที่ด้านหลังบ้านพักมีห้องน้ำส่วนรวม(คิดว่าส่วนรวมนะ เพราะอยู่นอกตัวบ้าน) อีกสองห้อง
แต่ก็อย่างที่บอกล่ะครับ ราคาแบบนี้ จะเอาความสะดวกสบายอะไรมากไปกว่านี้อีก จริงไหม? ^ ^
...
อันนี้เป็นบ้านม้าน้ำครับ เป็นหนึ่งในบ้านพักที่กลุ่มผมจองไว้
จากหน้าบ้านม้าน้ำ มองไปที่ทางเดินไปชายหาดครับ ใกล้ๆไม่ถึงร้อยเมตรหรอกครับ
อันนี้ที่ล้างตัวหลังจากเล่นน้ำทะเลมาครับ อยู่ด้านหลังบ้านกัลปังหา เป็นที่ส่วนรวมนะครับ
ตอนเช้าๆตื่นมา มีรถจอดในรีสอร์ทเพียบเลย
แล้วก็เดินไปชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่หน้าชายหาดด้านหน้าสินสมุทรรีสอร์ท (พอเริ่มสาย ก็เดินทางออกจากรีสอร์ทครับ)
...
สรุป เป็นรีสอร์ทที่ไม่ได้หรูหรา แต่ก็จัดว่าเหมาะและคุ้มกับราคามากๆครับ
อย่างที่บอกว่าตกหัวละ 250-350 บาทเท่านั้นเอง
ติดชายหาด ชมพระอาทิตย์ขึ้นก็ได้ ตกก็ได้ เพราะหาดหันหน้าเข้าทิศใต้ พระอาทิตย์ขึ้นก็จะเฉียงๆทางทิศตะวันออก พระอาทิตย์ตกก็จะเห็นเฉียงๆหน้าชายหาดทางตะวันตก ... เป็นข้อดีสำหรับชายหาดบนฝั่ง ที่ดีกว่าชายหาดบนเกาะเสม็ด (แต่ความสวยฟ้าใส ทรายขาว ต้องยกให้บนเกาะเสม็ดจริงๆครับ)
รวมๆก็คือ ที่นี่เหมาะแก่การพักเป็นหมู่คณะจริงๆครับ แต่ถ้ามากันแค่เป็นคู่หรือแค่สองคน รีสอร์ทอื่นน่าจะเหมาะกว่า ^ ^
ซึ่งหากพักกลุ่มเพื่อนหลายคนเป็นหมู่คณะแบบนี้ หาที่พักบนเสม็ดยากเหมือนกันหากต้องการราคาดีๆไม่แพงมากสำหรับคน 20 คน (ไปเที่ยวกันเยอะๆ ราคาที่พักจะแปรผันตามคนที่จ่ายได้น้อยที่สุด -*- ... แต่กลุ่มผมจำกัดกว่านั้น เพราะแปรผันตามงบประมาณที่ลงขันกันไว้ ห้ามเกินนี้)
เกาะเสม็ดจริงๆ ที่พักราคาถูกก็มีนะครับ แต่ห้องก็ไม่ว่างพอสำหรับคน 20 คน ... การหาที่พักบนฝั่งระยอง จึงเป็นทางเลือกที่ดูท่าจะง่ายและสะดวกกว่า (ถ้าจองที่พักล่วงหน้านานๆก็โอเคมั้งครับ แต่ผมจองล่วงหน้าแค่สัปดาห์เดียว)
...
และจากประเด็นดังกล่าว รีสอร์ทที่น่าสนใจมากๆก็คือ สินสมุทรรีสอร์ท นั่นเอง ^ ^
ที่นี่นั้น ติดชายหาด ... ซึ่งทุกคนต้องการ ^ ^
แล้วก็ราคาดีมากๆ นั่นก็คือ บ้านพักหรือบังกะโล ราคาเพียง 2,500-3,500 ต่อหลัง แต่พักได้จุถึงหลังละ 10 คน!! (จ่ายคนละ 250-350 บาทเท่านั้น)
นอกจากนั้น บริเวณชายหาด ยังทำเป็นร้านอาหาร ที่สั่งมาทานได้ ... ลองสั่งข้าวผัดทะเลมาทานครับ อร่อย!!
...
บ้านพักของสินสมุทรก็หน้าตาโอเคนะครับ
ส่วนชายหาดหน้ารีสอร์ท ก็แบบนี้ครับ ไม่ได้สวยฟ้าใสเว่อร์ๆ แต่ก็สะอาดสะอ้าน มีคนเล่นน้ำช่วงเย็นๆเยอะเลยครับ เพราะละแวกนั้นก็มีรีสอร์ทอีกหลายแห่ง (แต่รูปที่ถ่ายมานี่ช่วงเช้าเกือบสายๆครับ)
... นี่ครับ บรรยากาศชายหาดยามเย็น คนเพียบ ไม่ได้พลุกพล่านจนน่ารำคาญ แต่ไม่เหงาและวังเวงครับ กำลังดี
ที่ด้านหน้ารีสอร์ท ที่ติดกับชายหาดนั้น จะมีโต๊ะของทางรีสอร์ทจำนวนหนึ่งครับ จะมานั่งทานอาหารเย็นที่โต๊ะบริเวณนี้ก็ได้ ไปซื้ออาหารทะเลสด ที่ปิ้งย่างกันสดๆย่านตลาดเพ มาทานที่นี่ก็ได้ครับ
ส่วนกลุ่มผม เค้าไปปูเสื่อทานริมหาดกันเลย (แต่ไม่มีทิ้งขยะอะไรเอาไว้นะครับ บอกไว้ก่อน อิอิ)
อันนี้คือหนึ่งในบ้านพักที่จองไว้ บ้านกัลปังหา ผมก็พักหลังนี้ล่ะครับ
มีระเบียงด้านหน้า มีโต๊ะให้นั่งทานเข้านั่นนี่โน่นด้วย ตอนเช้ากลุ่มผมก็มาข้าวกันตรงนี้ล่ะครับ
อันนี้ภายในห้องพักครับ มีสองห้อง หน้าตาประมาณๆนี้ ไม่หรูหราอะไร แต่ก็โอเคมากๆเมื่อเทียบกับราคาและทำเลของมัน ^ ^
ข้อเสียของบ้านพักมีอย่างเดียวครับ คือห้องน้ำมีห้องเดียวเอง แต่ยังดีที่ด้านหลังบ้านพักมีห้องน้ำส่วนรวม(คิดว่าส่วนรวมนะ เพราะอยู่นอกตัวบ้าน) อีกสองห้อง
แต่ก็อย่างที่บอกล่ะครับ ราคาแบบนี้ จะเอาความสะดวกสบายอะไรมากไปกว่านี้อีก จริงไหม? ^ ^
...
อันนี้เป็นบ้านม้าน้ำครับ เป็นหนึ่งในบ้านพักที่กลุ่มผมจองไว้
จากหน้าบ้านม้าน้ำ มองไปที่ทางเดินไปชายหาดครับ ใกล้ๆไม่ถึงร้อยเมตรหรอกครับ
อันนี้ที่ล้างตัวหลังจากเล่นน้ำทะเลมาครับ อยู่ด้านหลังบ้านกัลปังหา เป็นที่ส่วนรวมนะครับ
ตอนเช้าๆตื่นมา มีรถจอดในรีสอร์ทเพียบเลย
แล้วก็เดินไปชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่หน้าชายหาดด้านหน้าสินสมุทรรีสอร์ท (พอเริ่มสาย ก็เดินทางออกจากรีสอร์ทครับ)
...
สรุป เป็นรีสอร์ทที่ไม่ได้หรูหรา แต่ก็จัดว่าเหมาะและคุ้มกับราคามากๆครับ
อย่างที่บอกว่าตกหัวละ 250-350 บาทเท่านั้นเอง
ติดชายหาด ชมพระอาทิตย์ขึ้นก็ได้ ตกก็ได้ เพราะหาดหันหน้าเข้าทิศใต้ พระอาทิตย์ขึ้นก็จะเฉียงๆทางทิศตะวันออก พระอาทิตย์ตกก็จะเห็นเฉียงๆหน้าชายหาดทางตะวันตก ... เป็นข้อดีสำหรับชายหาดบนฝั่ง ที่ดีกว่าชายหาดบนเกาะเสม็ด (แต่ความสวยฟ้าใส ทรายขาว ต้องยกให้บนเกาะเสม็ดจริงๆครับ)
รวมๆก็คือ ที่นี่เหมาะแก่การพักเป็นหมู่คณะจริงๆครับ แต่ถ้ามากันแค่เป็นคู่หรือแค่สองคน รีสอร์ทอื่นน่าจะเหมาะกว่า ^ ^
Evil Dead ตัวอย่างหนัง หลอน + โหดสยอง!!
ปกติแล้ว หนังหลอนก็คือหนังหลอน ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นหนังผี
ส่วนหนังโหดสยอง ก็มักจะเป็นหนังฆาตกรโรคจิต ฆ่าคนเล่น ประมาณนั้น
แต่สำหรับหนังเรื่องใหม่อย่าง Evil Dead ... คุณจะได้ดูทั้ง หลอน ทั้ง โหด ทั้ง สยอง ... ครบรส!!
ไม่ใช่แค่นั้นเท่านั้นนะครับ ... ใครที่ชอบผีหลอนๆในสไตล์เอเซียอย่างจูออน ผีคลาน ... เรื่องนี้คุณก็จะได้เจอ
แต่ถ้าชอบผีสไตล์ฝรั่งๆ เรื่องนี้ก็มีให้ ^ ^
...
พลาดไม่ได้ครับ สำหรับคอหนังทั้งหนังผีและหนังสยอง กับ Evil Dead!!
ส่วนตัวมองว่าน่าสนุกดีครับ
หนังสยองหลายๆเรื่องที่ใช้ธีมเป็นฆาตกรโรคจิตจะไม่สมจริงตรงที่ตอนที่รู้แล้วว่าใครเป็นฆาตกร แต่ก็มักจะทำอะไรมันไม่ค่อยได้ ยังกะว่าฆาตกรโรคจิตเป็นพวกเหนือมนุษย์ยังงั้น
แต่กับเรื่องนี้ ตัวร้ายน่าจะเป็นพวกภูติผีปีศาจ ... จะต่อกรอย่างไร? ... คงต้องลุ้นว่าจะหนีอย่างไรอ่ะนะครับ ^ ^"
เวลาเข้าฉายก็คือหน้า Spring ปี 2013 ในอเมริกาครับ ... ช่วงเดือนก.พ. 2013 ของบ้านเรานั่นเองจ้า ^ ^
ส่วนหนังโหดสยอง ก็มักจะเป็นหนังฆาตกรโรคจิต ฆ่าคนเล่น ประมาณนั้น
แต่สำหรับหนังเรื่องใหม่อย่าง Evil Dead ... คุณจะได้ดูทั้ง หลอน ทั้ง โหด ทั้ง สยอง ... ครบรส!!
ไม่ใช่แค่นั้นเท่านั้นนะครับ ... ใครที่ชอบผีหลอนๆในสไตล์เอเซียอย่างจูออน ผีคลาน ... เรื่องนี้คุณก็จะได้เจอ
แต่ถ้าชอบผีสไตล์ฝรั่งๆ เรื่องนี้ก็มีให้ ^ ^
...
พลาดไม่ได้ครับ สำหรับคอหนังทั้งหนังผีและหนังสยอง กับ Evil Dead!!
หนังสยองหลายๆเรื่องที่ใช้ธีมเป็นฆาตกรโรคจิตจะไม่สมจริงตรงที่ตอนที่รู้แล้วว่าใครเป็นฆาตกร แต่ก็มักจะทำอะไรมันไม่ค่อยได้ ยังกะว่าฆาตกรโรคจิตเป็นพวกเหนือมนุษย์ยังงั้น
แต่กับเรื่องนี้ ตัวร้ายน่าจะเป็นพวกภูติผีปีศาจ ... จะต่อกรอย่างไร? ... คงต้องลุ้นว่าจะหนีอย่างไรอ่ะนะครับ ^ ^"
เวลาเข้าฉายก็คือหน้า Spring ปี 2013 ในอเมริกาครับ ... ช่วงเดือนก.พ. 2013 ของบ้านเรานั่นเองจ้า ^ ^
Samed Sky High Resort มินิรีวิว เสม็ดสกายไฮรีสอร์ท เกาะเสม็ด ^ ^
หลังจากเคยแนะนำรีสอร์ทเปิดใหม่แห่งนี้มาแล้ว ก็ได้มีโอกาสได้ไปเยือนของจริง แม้จะแค่เฉี่ยวๆก็เหอะนะ
ที่นี่คือ Samed Sky High Resort หรือ เสม็ดสกายไฮรีสอร์ท เป็นรีสอร์ทที่ทำเลสวย ติดหน้าหาดทรายแก้วบนเกาะเสม็ด แล้ววิวจากหน้าห้องที่เป็นซีวิวกับบีชฟรอนท์นั้น จัดว่าสวยมากๆครับ
...
จริงๆที่ถ่ายรูปมารอบนี้ ก็เป็นเพราะเดินเลาะชายหาดทรายแก้วเล่นเท่านั้นเองครับ แต่พอเห็นรีสอร์ทของที่นี่แล้ว ก็อยากจะถ่ายรูปมาฝากกันหน่อย ^ ^
...
เดินเล่นไปเรื่อยๆ จู่ๆก็เจอรีสอร์ทสีขาวน่ารักสบายตา ติดหน้าชายหาดอย่างนี้เลย ^ ^
พอส่องไปที่ตัวบ้านพัก ... ทำเลแบบนี้ หลังที่ติดริมชายหาด วิวสวยแน่ๆ!!
มีสองชั้น มีระเบียงให้ทั้งชั้นบนและล่าง ... แบบนี้จะชมวิวสวยๆจากในห้องพัก หรือจะมานั่งชมวิวรับลมทะเลจากระเบียงก็ได้ครับ
มีเก้าอี้ชายหาด ที่ใช้ร่มสีขาว เข้ากันกับตัวบ้านพักครับ ดูเป็นส่วนตัวบนทำเลที่พลุกพล่านอย่างหาดทรายแก้วดีครับ
ดูอย่างห้องชั้นบนของ Samed Sky High Resort แห่งนี้สิ วิวสุดยอดแน่ๆ
... ขนาดเดินผ่านเลยไม่แล้ว ก็ยังมิวาย ขอหันหลังไปเก็บภาพอีกสักรูป ^ ^
ชายหาดทรายแก้วเกาะเสม็ดหน้ารีสอร์ทก็ประมาณนี้ครับ ^ ^
ใครเล็งที่ Samed Sky High Resort บนเกาะเสม็ดแห่งนี้อยู่ คาดว่าไม่ผิดหวังครับ ที่นี่ดูสะอาดตา สวยดีครับ ^ ^
ที่นี่คือ Samed Sky High Resort หรือ เสม็ดสกายไฮรีสอร์ท เป็นรีสอร์ทที่ทำเลสวย ติดหน้าหาดทรายแก้วบนเกาะเสม็ด แล้ววิวจากหน้าห้องที่เป็นซีวิวกับบีชฟรอนท์นั้น จัดว่าสวยมากๆครับ
...
จริงๆที่ถ่ายรูปมารอบนี้ ก็เป็นเพราะเดินเลาะชายหาดทรายแก้วเล่นเท่านั้นเองครับ แต่พอเห็นรีสอร์ทของที่นี่แล้ว ก็อยากจะถ่ายรูปมาฝากกันหน่อย ^ ^
...
เดินเล่นไปเรื่อยๆ จู่ๆก็เจอรีสอร์ทสีขาวน่ารักสบายตา ติดหน้าชายหาดอย่างนี้เลย ^ ^
พอส่องไปที่ตัวบ้านพัก ... ทำเลแบบนี้ หลังที่ติดริมชายหาด วิวสวยแน่ๆ!!
มีสองชั้น มีระเบียงให้ทั้งชั้นบนและล่าง ... แบบนี้จะชมวิวสวยๆจากในห้องพัก หรือจะมานั่งชมวิวรับลมทะเลจากระเบียงก็ได้ครับ
มีเก้าอี้ชายหาด ที่ใช้ร่มสีขาว เข้ากันกับตัวบ้านพักครับ ดูเป็นส่วนตัวบนทำเลที่พลุกพล่านอย่างหาดทรายแก้วดีครับ
ดูอย่างห้องชั้นบนของ Samed Sky High Resort แห่งนี้สิ วิวสุดยอดแน่ๆ
... ขนาดเดินผ่านเลยไม่แล้ว ก็ยังมิวาย ขอหันหลังไปเก็บภาพอีกสักรูป ^ ^
ชายหาดทรายแก้วเกาะเสม็ดหน้ารีสอร์ทก็ประมาณนี้ครับ ^ ^
ใครเล็งที่ Samed Sky High Resort บนเกาะเสม็ดแห่งนี้อยู่ คาดว่าไม่ผิดหวังครับ ที่นี่ดูสะอาดตา สวยดีครับ ^ ^
ร้านอาหาร, กาแฟ ที่พัก เขาค้อ ได้วิวทะเลหมอก "Big Coffee"
มีที่แห่งหนึ่ง ที่เป็นทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ และที่พัก ที่เขาค้อที่อยากจะแนะนำแห่งหนึ่งครับ
สาเหตุที่แนะนำอย่างแรกก็คือ ถ้าคุณอยากทานอาหาร ที่นี่ก็น่าสน ... ถ้าคุณอยากทานกาแฟ ก็น่าสน ... ถ้าคุณอยากหาที่พัก ก็น่าสน
เรียกว่าเป็นสถานที่ที่ครอบคลุมทุกอย่าง คือมีบริการครบเครื่องครับ ...
... แต่สาเหตุที่อยากแนะนำที่สุด ก็เพราะวิวของที่นี่นั้น สุดยอดมากๆนั่นเองครับ!!
...
อ้อ ลืมบอกไปเลย ที่นี่ชื่อว่า Big Coffee ครับผม ^ ^
ตอนที่เจอ Big Coffee นี้ก็ตอนที่ไปชมทะเลหมอกยามเช้าทางด้านขวามือของที่ทำการไปรษณีย์เขาค้อ น่ะครับ ^ ^
... ตอนแรกก็ชมวิวทะเลหมอกที่เขาค้อสบายอารมณ์แบบนี้ครับ
ตอนที่หมอกมันขึ้นๆลงๆ ... มองไปทางขวา ... เอ๊ะ มีอะไรเหมือนประภาคารเขียวๆด้วย ... ตามในรูปครับ
แอบคิดว่า ที่นั่นคงเป็นที่ชมวิวทะเลหมอกเด็ดๆอีกที่แน่ๆ ...
พอชมทะเลหมอกเสร็จ จะกลับรีสอร์ท ... ขณะขับรถกลับ ผมก็เห็นเจ้าประภาคารเขียวๆนั่นใกล้ๆ ว่าแล้วก็ขอแวะถ่ายรูปดูซะหน่อย ว่าที่นี่คืออะไร ^ ^
ที่นี่ชื่อว่า Big Coffee ครับ ... ด้านหลังเหมือนจะมีที่นั่งด้่วย น่าจะชมวิวทะเลหมอกไปด้วยได้ พร้อมๆกับจิบกาแฟ ^ ^
ว่าแล้วก็หันไปดูป้ายเค้า ... โอ้วว ที่นี่เป็นทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ แล้วก็ที่พักเลยครับ ... ใครอยากได้ร้านอาหารวิวดีๆ ที่นี่ก็ให้ได้ อยากจะได้ที่พักวิวดีๆ ที่นี่ก็ให้ได้เช่นกัน ^ ^
ถ่ายเจาะเข้าไปที่หน้าร้านอีกหน่อย ... เสียดายที่ไม่ได้แวะเข้าไปชิมครับ เพราะตอนผมไปเขาค้อ ไปกันสองคันรถ อีกคันขับเลยไปไกลแล้ว เลยไม่อยากแวะนาน เลยได้แค่ถ่ายรูปมานิดเดียว อดมารีวิวให้ชมเลยครับ
ก่อนจะขับรถกลับ แอบเห็นด้านข้างๆของร้าน Big Coffee ... แอบสงสัยว่าตรงนี้เป็นส่วนของที่พักส่วนหนึ่งหรือเปล่า?
น่าสนใจมากๆครับ ตอนนั้นหมอกกำลังลอยขึ้นมาเกือบระดับเท่ากับตัวร้านเลยครับ แล้วก็เห็นว่ามีระเบียง มีที่นั่งแบบที่เป็นรังนกห้อยๆไว้ด้วย เดาว่ามีไว้บริการแขกที่มาพักครับ ... ซึ่งวิวจากระเบียงตรงนี้ ต้องนั่งชมทะเลหมอกเขาค้อได้ตั้งแต่มันมีหมอกจนหมอกจางได้แน่ๆเลย ^ ^
...
ก็แนะนำครับ ที่นี่น่าสนใจดีครับ จะเดินไปจุดชมวิวของไปรษณีย์ก็ได้นะครับ ใกล้ๆเอง ^ ^
สาเหตุที่แนะนำอย่างแรกก็คือ ถ้าคุณอยากทานอาหาร ที่นี่ก็น่าสน ... ถ้าคุณอยากทานกาแฟ ก็น่าสน ... ถ้าคุณอยากหาที่พัก ก็น่าสน
เรียกว่าเป็นสถานที่ที่ครอบคลุมทุกอย่าง คือมีบริการครบเครื่องครับ ...
... แต่สาเหตุที่อยากแนะนำที่สุด ก็เพราะวิวของที่นี่นั้น สุดยอดมากๆนั่นเองครับ!!
...
อ้อ ลืมบอกไปเลย ที่นี่ชื่อว่า Big Coffee ครับผม ^ ^
ตอนที่เจอ Big Coffee นี้ก็ตอนที่ไปชมทะเลหมอกยามเช้าทางด้านขวามือของที่ทำการไปรษณีย์เขาค้อ น่ะครับ ^ ^
... ตอนแรกก็ชมวิวทะเลหมอกที่เขาค้อสบายอารมณ์แบบนี้ครับ
ตอนที่หมอกมันขึ้นๆลงๆ ... มองไปทางขวา ... เอ๊ะ มีอะไรเหมือนประภาคารเขียวๆด้วย ... ตามในรูปครับ
แอบคิดว่า ที่นั่นคงเป็นที่ชมวิวทะเลหมอกเด็ดๆอีกที่แน่ๆ ...
พอชมทะเลหมอกเสร็จ จะกลับรีสอร์ท ... ขณะขับรถกลับ ผมก็เห็นเจ้าประภาคารเขียวๆนั่นใกล้ๆ ว่าแล้วก็ขอแวะถ่ายรูปดูซะหน่อย ว่าที่นี่คืออะไร ^ ^
ที่นี่ชื่อว่า Big Coffee ครับ ... ด้านหลังเหมือนจะมีที่นั่งด้่วย น่าจะชมวิวทะเลหมอกไปด้วยได้ พร้อมๆกับจิบกาแฟ ^ ^
ว่าแล้วก็หันไปดูป้ายเค้า ... โอ้วว ที่นี่เป็นทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ แล้วก็ที่พักเลยครับ ... ใครอยากได้ร้านอาหารวิวดีๆ ที่นี่ก็ให้ได้ อยากจะได้ที่พักวิวดีๆ ที่นี่ก็ให้ได้เช่นกัน ^ ^
ถ่ายเจาะเข้าไปที่หน้าร้านอีกหน่อย ... เสียดายที่ไม่ได้แวะเข้าไปชิมครับ เพราะตอนผมไปเขาค้อ ไปกันสองคันรถ อีกคันขับเลยไปไกลแล้ว เลยไม่อยากแวะนาน เลยได้แค่ถ่ายรูปมานิดเดียว อดมารีวิวให้ชมเลยครับ
ก่อนจะขับรถกลับ แอบเห็นด้านข้างๆของร้าน Big Coffee ... แอบสงสัยว่าตรงนี้เป็นส่วนของที่พักส่วนหนึ่งหรือเปล่า?
น่าสนใจมากๆครับ ตอนนั้นหมอกกำลังลอยขึ้นมาเกือบระดับเท่ากับตัวร้านเลยครับ แล้วก็เห็นว่ามีระเบียง มีที่นั่งแบบที่เป็นรังนกห้อยๆไว้ด้วย เดาว่ามีไว้บริการแขกที่มาพักครับ ... ซึ่งวิวจากระเบียงตรงนี้ ต้องนั่งชมทะเลหมอกเขาค้อได้ตั้งแต่มันมีหมอกจนหมอกจางได้แน่ๆเลย ^ ^
...
ก็แนะนำครับ ที่นี่น่าสนใจดีครับ จะเดินไปจุดชมวิวของไปรษณีย์ก็ได้นะครับ ใกล้ๆเอง ^ ^
Route 12 เขาค้อ (รูท 12) มาชมรีวิวกันจ้า ^ ^
น่าจะกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวฮิตติดลมไปแล้ว สำหรับ Route 12 (รูท 12) ที่เขาค้อ เพชรบูรณ์แห่งนี้ ^ ^
นอกจากทำเลดี ติดถนนที่เป็นหนึ่งในเส้นทางผ่านที่จะเดินทางมาเขาค้อแล้ว (จากทางพิษณุโลก)
ตัวรูท 12 เอง ก็จัดว่ามีดีมากมาย ที่ทำให้คนอยากแวะกัน ... ^ ^
ลองตามมาดูรีวิวด้วยกันเลยครับ ว่า Route 12 เขาค้อ เค้ามีอะไรกันบ้าง ^ ^
อย่างแรกก็คือ Route 12 เป็นหนึ่งในร้านกาแฟที่วิวสวยมากๆแห่งหนึ่ง!!
เอาเป็นว่าดูหน้าเคาเตอร์ร้านกาแฟของ Route 12 กันก่อนครับ
ซึ่งที่นั่งของร้านกาแฟแห่งนี้ คุณจะได้นั่งจิบกาแฟไป ชมวิวไป แบบนี้!!
แล้วก็วิวแบบนี้ครับ!! ทิวเขาค้อด้านหลังของ Route 12 นั้น จัดว่าสวยโอเคดีทีเดียวครับ
แล้วรสชาติกาแฟล่ะ? ที่นี่รสชาติกาแฟโอเคครับ ไม่ได้ดีเลิศเลอร์ ไม่ได้แย่ ... แต่ได้มาตรฐานกาแฟสดทั่วไปนั่นล่ะครับ อร่อยโอเคครับ
แต่ที่เด่นที่สุดก็คงจะเป็นวิวของร้านกาแฟแห่งนี้ล่ะครับ ที่ช่วยขับกล่อมรสชาติกาแฟให้ดีขึ้นไปอีก ^ ^
หากเที่ยววันเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุด คนอาจจะเยอะ ที่นั่งด้านนอกชมวิวอาจจะเต็มได้เหมือนกัน ... แต่ในร้าน ก็ถือว่าตกแต่งน่านั่งมากๆเช่นกันครับ (เห็นวิวเหมือนกันนะ จากทางกระจกด้านซ้ายไง ^ ^)
อันนี้อีกมุมครับ ไม่เห็นวิว แต่ก็ตกแต่งได้ฮิปน่านั่งครับ
หรือถ้าหากอยากทานอาหารหนักๆ ไม่ได้แค่อยากจิบกาแฟ ก็เดินลงไปชั้นล่างได้ครับ ที่นี่มี "ร้านอาหาร" อยู่ด้วยนะครับ ชื่อว่า Eating Out Restaurant ครับ
บรรยากาศร้านอาหารที่นี่ก็สุดยอดจริงๆ ที่นั่งติดกระจก ชมวิวของเขาค้อเต็มๆเยย!!
มุมที่นั่งด้านนอกก็มี ^ ^
บริเวณนี้ ส่องออกไปเบื้องล่าง จะเห็นต้นไม้ที่ถูกตัดแต่งเป็นโลโก้ของ Route 12 ด้วยครับ
... ว่าแล้วก็เดินออกมาจากร้านอาหาร ก็เจอรถบัสแนวๆคันหนึ่ง จอดสีเหลืองเด่นสง่าอยู่ด้วย ด้านในรถบัสคันนี้จะมีอะไรหนอ?
เข้าไปข้างในจะเห็นป้ายไม้แขวนๆอยู่เต็มไปหมด เท่และแปลกดี ^ ^
พออ่านดู เค้าจะบอกว่ามีป้ายไม้ขายน่ะครับ ซื้อแล้วก็เลือกเอาปากกาสีสวยๆตามชอบใจ เขียนคำบรรยายหรือจะอวยพรอะไรก็ได้ จะแขวนไว้ที่นี่ เผื่อคนอื่นผ่านมาเจอหรือจะนำกลับบ้านเป็นที่ระลึกก็ได้จ้า ^ ^
สำหรับราคาของป้าย ก็มีน้องหมีน้อยอธิบายอยู่ครับ ว่าอันละ 50 บาทนะจ๊ะ ^ ^
...
นอกจากบริเวณร้านโน่นนี่นั่นแล้ว ที่รูท 12 ก็มีลานกว้างๆ ให้นั่งเล่น หรือชมวิวทิวเขาของเขาค้ออยู่ด้วย แต่ตอนผมไปนั้น มันประมาณเที่ยงๆเลยล่ะ แดดร้อนมาก เลยอยู่ตรงนี้ไม่นานนัก ถ้ามาช่วงเย็นๆ น่าจะนั่งแถวนี้สบายๆ บรรยากาศสุดยอดครับ
วิวสวยดีครับ ถ้ามาตอนเย็นๆ หรือช่วงอากาศหนาวๆ คงจะดี ^ ^
เดินย้อนกลับมาทางร้านกาแฟ ถ่ายรูปเล่นเรื่อยเปื่อย
มีมุมแนวๆเอาใจวัยรุ่นให้ถ่ายรูปเยอะแยะครับ
แต่คนไม่วัยรุ่นแล้ว ก็น่าจะชอบนะ เห็นมีคนมาถ่ายรูปเล่นกันหลายวัยเลย ^ ^
บริเวณด้านหน้าของรูท 12 ก็มีโต๊ะให้นั่งจิบกาแฟอยู่ด้วยเหมือนกัน ^ ^ ตรงนี้วิวไม่ได้สวยอะไรเมื่อเทียบกับโซนที่เห็นวิวทิวเขา แต่บรรยากาศก็จัดว่าน่านั่งมากๆแล้วครับ
ว่าแล้วก็หันไปเห็นร้านขายของน่ารักๆ ว่าแล้วก็ลองเข้าไปดูดีกว่า
สินค้าแนวๆมากมาย
ที่น่ารักๆก็มีนะ ^ ^
แว่นที่เห็นตรงนี้ เจ้าของร้านบอกว่า "ใส่เล่นถ่ายรูปได้นะคะ" ... ^ ^ (บริการน่ารักดีครับ ที่เจอมามักจะเจอร้านที่อาจจะแบบว่า อย่าแตะต้องของโชว์ อะไรแบบนั้น)
ใกล้ๆกันนั้น ก็มีร้านค้าของไร่บีเอ็นอยู่ด้วย มีไอศครีมขายด้วยครับ
นอกจากไอศครีม ก็มีผักผลไม้ และที่น่าสนใจก็นี่ครับ "ทิสซ่า" (tiesa) เค้าบอกว่าเป็นผลไม้จากฟิลิปปินส์ครับ พ่อผมซื้อมาด้วย แต่ผมไม่ได้ลองกินเหมือนกัน ไม่รู้รสชาติยังไงบ้าง
นอกจากโซนที่เห็นๆกันแล้ว ก็มีร้านขายเสื้อผ้ากระเป๋าด้วยครับ มีทั้งแนวชาวเขาแล้วก็แนววัยรุ่น
อันนี้เป็นร้านเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมความงามครับ
...
โดยรวมแล้ว จัดว่าน่าเที่ยวครับ สำหรับรูท 12
เพราะนอกจากคิดจะมาเที่ยวที่นี่เน้นๆสำหรับทริปเขาค้อแล้ว ... แค่มาจิบกาแฟ ทานอาหารชิวๆ ก็ไม่เลวเหมือนกันล่ะครับ มีของให้ช้อปบ้างด้วย ^ ^
สำหรับทำเล ก็อยู่ห่างจากแคมป์สนประมาณ 6 กิโลเมตรเองครับ ขับจากแยกแคมป์สนไปทางพิษณุโลกนั่นเองครับ แต่ถ้ามาเที่ยวเขาค้อจากทางเส้นพิษณุโลกอยู่แล้ว ยังไงๆก็ขับผ่านครับ ^ ^
นอกจากทำเลดี ติดถนนที่เป็นหนึ่งในเส้นทางผ่านที่จะเดินทางมาเขาค้อแล้ว (จากทางพิษณุโลก)
ตัวรูท 12 เอง ก็จัดว่ามีดีมากมาย ที่ทำให้คนอยากแวะกัน ... ^ ^
ลองตามมาดูรีวิวด้วยกันเลยครับ ว่า Route 12 เขาค้อ เค้ามีอะไรกันบ้าง ^ ^
อย่างแรกก็คือ Route 12 เป็นหนึ่งในร้านกาแฟที่วิวสวยมากๆแห่งหนึ่ง!!
เอาเป็นว่าดูหน้าเคาเตอร์ร้านกาแฟของ Route 12 กันก่อนครับ
ซึ่งที่นั่งของร้านกาแฟแห่งนี้ คุณจะได้นั่งจิบกาแฟไป ชมวิวไป แบบนี้!!
แล้วก็วิวแบบนี้ครับ!! ทิวเขาค้อด้านหลังของ Route 12 นั้น จัดว่าสวยโอเคดีทีเดียวครับ
แล้วรสชาติกาแฟล่ะ? ที่นี่รสชาติกาแฟโอเคครับ ไม่ได้ดีเลิศเลอร์ ไม่ได้แย่ ... แต่ได้มาตรฐานกาแฟสดทั่วไปนั่นล่ะครับ อร่อยโอเคครับ
แต่ที่เด่นที่สุดก็คงจะเป็นวิวของร้านกาแฟแห่งนี้ล่ะครับ ที่ช่วยขับกล่อมรสชาติกาแฟให้ดีขึ้นไปอีก ^ ^
หากเที่ยววันเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุด คนอาจจะเยอะ ที่นั่งด้านนอกชมวิวอาจจะเต็มได้เหมือนกัน ... แต่ในร้าน ก็ถือว่าตกแต่งน่านั่งมากๆเช่นกันครับ (เห็นวิวเหมือนกันนะ จากทางกระจกด้านซ้ายไง ^ ^)
อันนี้อีกมุมครับ ไม่เห็นวิว แต่ก็ตกแต่งได้ฮิปน่านั่งครับ
หรือถ้าหากอยากทานอาหารหนักๆ ไม่ได้แค่อยากจิบกาแฟ ก็เดินลงไปชั้นล่างได้ครับ ที่นี่มี "ร้านอาหาร" อยู่ด้วยนะครับ ชื่อว่า Eating Out Restaurant ครับ
บรรยากาศร้านอาหารที่นี่ก็สุดยอดจริงๆ ที่นั่งติดกระจก ชมวิวของเขาค้อเต็มๆเยย!!
มุมที่นั่งด้านนอกก็มี ^ ^
บริเวณนี้ ส่องออกไปเบื้องล่าง จะเห็นต้นไม้ที่ถูกตัดแต่งเป็นโลโก้ของ Route 12 ด้วยครับ
... ว่าแล้วก็เดินออกมาจากร้านอาหาร ก็เจอรถบัสแนวๆคันหนึ่ง จอดสีเหลืองเด่นสง่าอยู่ด้วย ด้านในรถบัสคันนี้จะมีอะไรหนอ?
เข้าไปข้างในจะเห็นป้ายไม้แขวนๆอยู่เต็มไปหมด เท่และแปลกดี ^ ^
พออ่านดู เค้าจะบอกว่ามีป้ายไม้ขายน่ะครับ ซื้อแล้วก็เลือกเอาปากกาสีสวยๆตามชอบใจ เขียนคำบรรยายหรือจะอวยพรอะไรก็ได้ จะแขวนไว้ที่นี่ เผื่อคนอื่นผ่านมาเจอหรือจะนำกลับบ้านเป็นที่ระลึกก็ได้จ้า ^ ^
สำหรับราคาของป้าย ก็มีน้องหมีน้อยอธิบายอยู่ครับ ว่าอันละ 50 บาทนะจ๊ะ ^ ^
...
นอกจากบริเวณร้านโน่นนี่นั่นแล้ว ที่รูท 12 ก็มีลานกว้างๆ ให้นั่งเล่น หรือชมวิวทิวเขาของเขาค้ออยู่ด้วย แต่ตอนผมไปนั้น มันประมาณเที่ยงๆเลยล่ะ แดดร้อนมาก เลยอยู่ตรงนี้ไม่นานนัก ถ้ามาช่วงเย็นๆ น่าจะนั่งแถวนี้สบายๆ บรรยากาศสุดยอดครับ
วิวสวยดีครับ ถ้ามาตอนเย็นๆ หรือช่วงอากาศหนาวๆ คงจะดี ^ ^
เดินย้อนกลับมาทางร้านกาแฟ ถ่ายรูปเล่นเรื่อยเปื่อย
มีมุมแนวๆเอาใจวัยรุ่นให้ถ่ายรูปเยอะแยะครับ
แต่คนไม่วัยรุ่นแล้ว ก็น่าจะชอบนะ เห็นมีคนมาถ่ายรูปเล่นกันหลายวัยเลย ^ ^
บริเวณด้านหน้าของรูท 12 ก็มีโต๊ะให้นั่งจิบกาแฟอยู่ด้วยเหมือนกัน ^ ^ ตรงนี้วิวไม่ได้สวยอะไรเมื่อเทียบกับโซนที่เห็นวิวทิวเขา แต่บรรยากาศก็จัดว่าน่านั่งมากๆแล้วครับ
ว่าแล้วก็หันไปเห็นร้านขายของน่ารักๆ ว่าแล้วก็ลองเข้าไปดูดีกว่า
สินค้าแนวๆมากมาย
ที่น่ารักๆก็มีนะ ^ ^
แว่นที่เห็นตรงนี้ เจ้าของร้านบอกว่า "ใส่เล่นถ่ายรูปได้นะคะ" ... ^ ^ (บริการน่ารักดีครับ ที่เจอมามักจะเจอร้านที่อาจจะแบบว่า อย่าแตะต้องของโชว์ อะไรแบบนั้น)
ใกล้ๆกันนั้น ก็มีร้านค้าของไร่บีเอ็นอยู่ด้วย มีไอศครีมขายด้วยครับ
นอกจากไอศครีม ก็มีผักผลไม้ และที่น่าสนใจก็นี่ครับ "ทิสซ่า" (tiesa) เค้าบอกว่าเป็นผลไม้จากฟิลิปปินส์ครับ พ่อผมซื้อมาด้วย แต่ผมไม่ได้ลองกินเหมือนกัน ไม่รู้รสชาติยังไงบ้าง
นอกจากโซนที่เห็นๆกันแล้ว ก็มีร้านขายเสื้อผ้ากระเป๋าด้วยครับ มีทั้งแนวชาวเขาแล้วก็แนววัยรุ่น
อันนี้เป็นร้านเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมความงามครับ
...
โดยรวมแล้ว จัดว่าน่าเที่ยวครับ สำหรับรูท 12
เพราะนอกจากคิดจะมาเที่ยวที่นี่เน้นๆสำหรับทริปเขาค้อแล้ว ... แค่มาจิบกาแฟ ทานอาหารชิวๆ ก็ไม่เลวเหมือนกันล่ะครับ มีของให้ช้อปบ้างด้วย ^ ^
สำหรับทำเล ก็อยู่ห่างจากแคมป์สนประมาณ 6 กิโลเมตรเองครับ ขับจากแยกแคมป์สนไปทางพิษณุโลกนั่นเองครับ แต่ถ้ามาเที่ยวเขาค้อจากทางเส้นพิษณุโลกอยู่แล้ว ยังไงๆก็ขับผ่านครับ ^ ^
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)