Trio Hotel Pattaya - โรงแรมทริโอ พัทยา
เป็นโรงแรมรีสอร์ทเปิดใหม่ล่าสุดที่พัทยาที่อยากจะแนะนำครับ เพราะที่นี่เป็นโรงแรมจากเครือเดียวกับ Hotel J ซึ่งก็จัดเป็นโรงแรมที่ดีมากๆแห่งหนึ่งในพัทยา พอรู้ว่ามีโรงแรมจากเครือนี้เปิดใหม่ ก็ต้องขอเอามาบอกมาแนะนำต่อกันหน่อยครับ ^ ^
ก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงละครับ ให้ดูรูปของ Trio Hotel Pattaya กันก่อนดีกว่า ห้องพักที่นี่สวยโมเดิร์นเลยล่ะครับ ^ ^
นอกจากความโมเดิร์นแล้ว ก็อย่างที่บอกครับ ว่าเพิ่งเปิดใหม่เอี่ยมอ่อง น่าไปลองพักก่อนใคร ^ ^
ห้องน้ำกันบ้าง
ภาพที่เห็นทั้งหมดนำมาจาก facebook ของทาง Trio Hotel Pattaya น่ะครับ รูปยังอัพไม่มาก แต่อนาคตคงมีภาพจากห้องแบบต่างๆให้ดูมากกว่านี้ครับ (แต่ที่เห็นแค่นี้ก็สวยแล้วล่ะ) ตามไปดู FB ของที่นี่ได้ที่ http://www.facebook.com/TrioHotelPattaya ครับ หรือจะเข้าทางเวบตรงที่ http://triohotelpattaya.com ก็ได้ครับ ^ ^
ปิดท้ายด้วยภาพแผนที่ของ Trio Hotel กันหน่อย เดี๋ยวไม่รู้ว่าที่นี่อยู่ตรงไหน
จะเห็นว่าแม้ไม่ติดหาด แต่ทำเลดีเหมือนกันครับ เดินไปชายหาดและย่านบันเทิงต่างๆได้เลยล่ะครับ ทำเลตรงนี้ ^ ^
Negative film to digital without film scanner - จากฟิล์ม สู่ไฟล์ดิจิตอล ไม่ต้องใช้เครื่องสแกนฟิล์ม!!
Negative color film to digital photo without film scanner!! วิธีการแปลงภาพบนแผ่นฟิล์มให้กลายเป็นไฟล์ดิจิตอลโดยไม่ต้องใช้เครื่องสแกนฟิล์มนั้น มีคนคิดค้นกันหลายวิธีครับ ผมก็เสิร์ชๆหามาก่อนเหมือนกัน
ที่เห็นก็คือเค้าจะหา "หลอดไฟ" ส่องด้านหลังฟิล์ม โดยมีฉากสีขาวบัง จากนั้นก็ถ่ายภาพฟิล์มด้วยกล้องดิจิตอล แล้วแปลงสีอีกที
...
ผมก็นึกไปนึกมา จนมาได้วิธีที่แสนเรียบง่าย!! นั่นก็คือ "หน้าจอ LCD ของเครื่องคอมพิวเตอร์" นี่แหละเหมาะ ไม่ต้องไปหาหลอดไฟที่ไหน!! แล้วก็ไม่ต้องสร้างต้องประดิษฐ์อะไรมากมาย ขอให้คุณมี อุปกรณ์ตามนี้ก็พอ
1. ฟิล์ม
2. กล้องดิจิตอล
3. คอมพิวเตอร์ + จอ
วิธีก็ตามนี้ครับ
1. หาอะไรก็ได้ ที่จะยึดฟิล์มให้ตั้ง อยู่ทางด้านหน้าจอ (ของผมหากล่องมาตัดกลาง แล้วเสียบฟิล์มเข้าไปดื้อๆเลย เป็นวิธีที่ไม่แนะนำครับ อาจจะทำให้ฟิล์มมีรอยขีดข่วนได้ แต่ที่เลือกวิธีนี้ เพราะภาพด้านล่างของภาพที่ผมจะถ่ายนั้น เป็นภาพที่ถ่ายมาเสียพอดี ^ ^) อย่าให้ฟิล์มติดกับจอนะครับ เพราะถ้าทำแบบนั้นเวลาถ่ายออกมาจะมีเม็ดสีของจอ LCD ติดออกมาด้วย
2. หากล้องดีๆหน่อย อย่างน้อยก็ไฟล์ภาพระดับ DSLR ขึ้นไปหรือเทียบเท่า (อย่าเอาคอมแพคกิ๊กก๊อกเลย) มาตั้งขาตั้งกล้อง ปรับ ISO ที่ 100 (หรือเท่าใดก็ได้ ที่คิดว่าไฟล์ภาพเนียนสุด) แล้วก็ถ่ายภาพฟิล์มเลยครับ ควรจะถ่ายให้ได้ความเป็นมาโครมากที่สุดที่จะทำได้ เพราะขนาดภาพจะใหญ่และละเอียดขึ้นครับ
3. ภาพที่ได้ก็จะเป็นแบบนี้ครับ ตัดภาพตัดขอบให้เรียบร้อยตามความเหมาะสม
4. จากนั้นก็ปรับสีจากสีของ film negative ให้กลายเป็นสีจริงๆ!! ซึ่งในขั้นตอนนี้มีหลายวิธี ขึ้นกับว่าคุณใช้โปรแกรมอะไร (paint ก็ทำได้)
- Photoshop : เพียงกด Ctrl + I จบเลยครับ (หรือไม่ก็เลือก Image เลือก Adjustments แล้วเลือก Invert)
- Photoscape : โปรแกรมนี้ฟรี ใครไม่มีก็เสิร์ชชื่อนี้ หาโหลดได้เลย วิธีการก็คือกดปุ่มลูกศรลงล่างข้างๆคำว่า "ความสว่าง, สี" ซึ่งเป็นเมนูในหน้าหลัก จากนั้นเลือก "ฟิล์มเนกาทีฟ (negative film)" จบ
- Microsoft Paint : โปรแกรมนี้ มีกันทุกเครื่องแน่ๆ วิธีก็คือ กด Ctrl + A เครื่องเลือกขอบเขตทั้งภาพ จากนั้นก็คลิกขวา เลือกคำว่า Invert Color จบเลย
... ภาพที่ได้ก็จะได้แบบนี้ครับ ^ ^
5. ทำการปรับสี ให้ออกมาสมจริงกันหน่อย ผมใช้ Photoscape คลิกที่คำว่า "ปรับความเข้ม" หรือ "Auto Level" ภาพก็จะออกมาเป็นสีตามจริงมากขึ้นไปอีกอย่างง่ายดาย
ผมกดคลิกทีเดียว สีกลายเป็นแบบนี้ทันทีครับ (เมนูนี้ ใน Photoshop ก็มี)
...
...
ก็เป็นอันเสร็จสิ้นแค่นี้ครับ ใครเทพหน่อย จะปรับจะแต่งสีให้โปรแค่ไหน ก็ตามใจคุณ ^ ^
ว่าแล้วก็ขอลองซูมดูคุณภาพไฟล์หน่อย ไฟล์ภาพไม่เลวเลยครับ ^ ^ ถ้ากล้องยิ่งให้ไฟล์ที่ใหญ่และละเอียดสูง จะยิ่งดีครับ ^ ^
...
แค่นี้ เราก็สามารถนำภาพจากฟิล์มเก่าๆของเรา มาเก็บลงในคอมพิวเตอร์ได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องง้อเครื่องสแกนฟิล์มแล้วล่ะครับ ^ ^
บางคนอาจจะเถียงว่า เครื่องสแกนฟิล์มน่าจะทำได้ดีกว่า ซึ่งมันก็จริงครับ แต่ผมว่าเฉพาะเครื่องสแกนฟิล์มแพงๆนะ ... ถ้าสู้กับเครื่องสแกนฟิล์มหลักไม่กี่พัน วิธีนี้น่าจะสู้ได้ และเผลอๆทำได้ดีกว่า
เพราะถ้าคุณใช้กล้องดีๆ ไฟล์ภาพใหญ่ ความละเอียดสูง เซ็ทแสง เซ็ทสี ปรับกล้องให้ดี ระนาบของกล้องกับฟิล์มที่ทำมุมตั้งฉากพอดี เลนส์ดี ไม่ค่อยมี Distortion ผมก็ว่าภาพน่าจะออกมาดีกว่าเครื่องสแกนฟิล์มรุ่นล่างๆด้วยซ้ำไปครับ ^ ^
...
อันนี้เป็นการทดสอบระหว่างการสแกนจากร้าน กับวิธีข้างต้นที่ผมทำ ปรับสีโน่นนี่หน่อย ดูครับ ว่าต่างกันแค่ไหน?
ภาพแรก สแกนจากร้าน
ภาพสอง ใช้วิธีข้างต้น
...
รวมๆ สแกนจากร้านยังทำสีสันออกมาได้ดีกว่าเยอะครับ
เพราะทำเองแบบนี้ บางทีอาจจะต้องเซียนเรื่องสีกันนิด (ผมไม่ค่อยเก่งเรื่องนี้อ่ะ)
แต่จากวิธีข้างต้น เราจะเก็บขอบฟิล์มออกมาได้ด้วย เท่ดีครับ ^ ^
ก็หวังว่า การแปลงหรือ Convert ภาพจาก Negative color film ง่ายๆวิธีนี้ จะพอมีประโยชน์บ้างนะครับ ^ ^
ที่เห็นก็คือเค้าจะหา "หลอดไฟ" ส่องด้านหลังฟิล์ม โดยมีฉากสีขาวบัง จากนั้นก็ถ่ายภาพฟิล์มด้วยกล้องดิจิตอล แล้วแปลงสีอีกที
...
ผมก็นึกไปนึกมา จนมาได้วิธีที่แสนเรียบง่าย!! นั่นก็คือ "หน้าจอ LCD ของเครื่องคอมพิวเตอร์" นี่แหละเหมาะ ไม่ต้องไปหาหลอดไฟที่ไหน!! แล้วก็ไม่ต้องสร้างต้องประดิษฐ์อะไรมากมาย ขอให้คุณมี อุปกรณ์ตามนี้ก็พอ
1. ฟิล์ม
2. กล้องดิจิตอล
3. คอมพิวเตอร์ + จอ
วิธีก็ตามนี้ครับ
1. หาอะไรก็ได้ ที่จะยึดฟิล์มให้ตั้ง อยู่ทางด้านหน้าจอ (ของผมหากล่องมาตัดกลาง แล้วเสียบฟิล์มเข้าไปดื้อๆเลย เป็นวิธีที่ไม่แนะนำครับ อาจจะทำให้ฟิล์มมีรอยขีดข่วนได้ แต่ที่เลือกวิธีนี้ เพราะภาพด้านล่างของภาพที่ผมจะถ่ายนั้น เป็นภาพที่ถ่ายมาเสียพอดี ^ ^) อย่าให้ฟิล์มติดกับจอนะครับ เพราะถ้าทำแบบนั้นเวลาถ่ายออกมาจะมีเม็ดสีของจอ LCD ติดออกมาด้วย
2. หากล้องดีๆหน่อย อย่างน้อยก็ไฟล์ภาพระดับ DSLR ขึ้นไปหรือเทียบเท่า (อย่าเอาคอมแพคกิ๊กก๊อกเลย) มาตั้งขาตั้งกล้อง ปรับ ISO ที่ 100 (หรือเท่าใดก็ได้ ที่คิดว่าไฟล์ภาพเนียนสุด) แล้วก็ถ่ายภาพฟิล์มเลยครับ ควรจะถ่ายให้ได้ความเป็นมาโครมากที่สุดที่จะทำได้ เพราะขนาดภาพจะใหญ่และละเอียดขึ้นครับ
3. ภาพที่ได้ก็จะเป็นแบบนี้ครับ ตัดภาพตัดขอบให้เรียบร้อยตามความเหมาะสม
4. จากนั้นก็ปรับสีจากสีของ film negative ให้กลายเป็นสีจริงๆ!! ซึ่งในขั้นตอนนี้มีหลายวิธี ขึ้นกับว่าคุณใช้โปรแกรมอะไร (paint ก็ทำได้)
- Photoshop : เพียงกด Ctrl + I จบเลยครับ (หรือไม่ก็เลือก Image เลือก Adjustments แล้วเลือก Invert)
- Photoscape : โปรแกรมนี้ฟรี ใครไม่มีก็เสิร์ชชื่อนี้ หาโหลดได้เลย วิธีการก็คือกดปุ่มลูกศรลงล่างข้างๆคำว่า "ความสว่าง, สี" ซึ่งเป็นเมนูในหน้าหลัก จากนั้นเลือก "ฟิล์มเนกาทีฟ (negative film)" จบ
- Microsoft Paint : โปรแกรมนี้ มีกันทุกเครื่องแน่ๆ วิธีก็คือ กด Ctrl + A เครื่องเลือกขอบเขตทั้งภาพ จากนั้นก็คลิกขวา เลือกคำว่า Invert Color จบเลย
... ภาพที่ได้ก็จะได้แบบนี้ครับ ^ ^
5. ทำการปรับสี ให้ออกมาสมจริงกันหน่อย ผมใช้ Photoscape คลิกที่คำว่า "ปรับความเข้ม" หรือ "Auto Level" ภาพก็จะออกมาเป็นสีตามจริงมากขึ้นไปอีกอย่างง่ายดาย
ผมกดคลิกทีเดียว สีกลายเป็นแบบนี้ทันทีครับ (เมนูนี้ ใน Photoshop ก็มี)
...
...
ก็เป็นอันเสร็จสิ้นแค่นี้ครับ ใครเทพหน่อย จะปรับจะแต่งสีให้โปรแค่ไหน ก็ตามใจคุณ ^ ^
ว่าแล้วก็ขอลองซูมดูคุณภาพไฟล์หน่อย ไฟล์ภาพไม่เลวเลยครับ ^ ^ ถ้ากล้องยิ่งให้ไฟล์ที่ใหญ่และละเอียดสูง จะยิ่งดีครับ ^ ^
...
แค่นี้ เราก็สามารถนำภาพจากฟิล์มเก่าๆของเรา มาเก็บลงในคอมพิวเตอร์ได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องง้อเครื่องสแกนฟิล์มแล้วล่ะครับ ^ ^
บางคนอาจจะเถียงว่า เครื่องสแกนฟิล์มน่าจะทำได้ดีกว่า ซึ่งมันก็จริงครับ แต่ผมว่าเฉพาะเครื่องสแกนฟิล์มแพงๆนะ ... ถ้าสู้กับเครื่องสแกนฟิล์มหลักไม่กี่พัน วิธีนี้น่าจะสู้ได้ และเผลอๆทำได้ดีกว่า
เพราะถ้าคุณใช้กล้องดีๆ ไฟล์ภาพใหญ่ ความละเอียดสูง เซ็ทแสง เซ็ทสี ปรับกล้องให้ดี ระนาบของกล้องกับฟิล์มที่ทำมุมตั้งฉากพอดี เลนส์ดี ไม่ค่อยมี Distortion ผมก็ว่าภาพน่าจะออกมาดีกว่าเครื่องสแกนฟิล์มรุ่นล่างๆด้วยซ้ำไปครับ ^ ^
...
อันนี้เป็นการทดสอบระหว่างการสแกนจากร้าน กับวิธีข้างต้นที่ผมทำ ปรับสีโน่นนี่หน่อย ดูครับ ว่าต่างกันแค่ไหน?
ภาพแรก สแกนจากร้าน
ภาพสอง ใช้วิธีข้างต้น
...
รวมๆ สแกนจากร้านยังทำสีสันออกมาได้ดีกว่าเยอะครับ
เพราะทำเองแบบนี้ บางทีอาจจะต้องเซียนเรื่องสีกันนิด (ผมไม่ค่อยเก่งเรื่องนี้อ่ะ)
แต่จากวิธีข้างต้น เราจะเก็บขอบฟิล์มออกมาได้ด้วย เท่ดีครับ ^ ^
ก็หวังว่า การแปลงหรือ Convert ภาพจาก Negative color film ง่ายๆวิธีนี้ จะพอมีประโยชน์บ้างนะครับ ^ ^
ส่งชิงโชค ปตท. E20 ลุ้น BMW X1 !!
คงจะได้เห็นโฆษณากันมาบ้างแล้วนะครับ สำหรับอีเวนท์ชิงโชคยั่วกิเลส ของปตท. เพื่อโปรโมทน้ำมัน Gasohol E20 โดยเฉพาะ!!
เพียงคุณเติมน้ำมัน แก๊สโซฮอล E20 จำนวนตั้งแต่ 800 บาทเป็นต้นไป!! จะได้โค้ก 1 กระป๋อง และ คูปองชิงโชคครับ!!
ตามรูปเลยครับ ไปเติมมาเรียบร้อยแล้ว E20 จำนวน 800 บาท ได้โค้กและคูปอง 1 ใบ ^ ^
โดยคูปองชิงโชคกับการร่วมกิจกรรมของปตท.ครั้งนี้ รางวัลยั่วใจน่าสนใจมากมายครับ
เด็ดสุดก็คือเจ้ารถยนต์ BMW X1 นั่นเอง!!
โดยสามารถส่งชิงโชคได้ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2555 ถึง 15 พฤศจิกายน 2555 ครับ
สำหรับการจับสลากนั้น จะจับกัน 3 ครั้ง
โดยรางวัลใหญ่ในครั้งแรก จะเป็นรถ Mitsubishi Mirage
ครั้งที่สองเป็นรถยนต์มาสด้า 3
ครั้งที่สาม จะได้รถยนต์ BMW X1 ครับ!!
เรียกว่ารางวัลใหญ่ เด็ดทั้ง 3 ครั้งเลย ... ส่วนรางวัลอื่นๆก็ไม่น้อยหน้าครับ เช่น New iPad, บัตรเติมน้ำมัน 50,000 บาท
ว่าแล้ว ช่วงนี้ ผมก็คงเติมแก๊สโซฮอล อี20 จำนวน 800 บาทไปเรื่อยๆ จนสิ้นเดือนพ.ย. 55 ล่ะครับ เหอๆๆ ^ ^
เพราะถ้าเติมเกิน เช่นเติม 1,000 ก็ไม่คุ้มจำนวนคูปอง เติมมัน 800 นี่ล่ะ 555+
เพียงคุณเติมน้ำมัน แก๊สโซฮอล E20 จำนวนตั้งแต่ 800 บาทเป็นต้นไป!! จะได้โค้ก 1 กระป๋อง และ คูปองชิงโชคครับ!!
ตามรูปเลยครับ ไปเติมมาเรียบร้อยแล้ว E20 จำนวน 800 บาท ได้โค้กและคูปอง 1 ใบ ^ ^
โดยคูปองชิงโชคกับการร่วมกิจกรรมของปตท.ครั้งนี้ รางวัลยั่วใจน่าสนใจมากมายครับ
เด็ดสุดก็คือเจ้ารถยนต์ BMW X1 นั่นเอง!!
โดยสามารถส่งชิงโชคได้ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2555 ถึง 15 พฤศจิกายน 2555 ครับ
สำหรับการจับสลากนั้น จะจับกัน 3 ครั้ง
โดยรางวัลใหญ่ในครั้งแรก จะเป็นรถ Mitsubishi Mirage
ครั้งที่สองเป็นรถยนต์มาสด้า 3
ครั้งที่สาม จะได้รถยนต์ BMW X1 ครับ!!
เรียกว่ารางวัลใหญ่ เด็ดทั้ง 3 ครั้งเลย ... ส่วนรางวัลอื่นๆก็ไม่น้อยหน้าครับ เช่น New iPad, บัตรเติมน้ำมัน 50,000 บาท
ว่าแล้ว ช่วงนี้ ผมก็คงเติมแก๊สโซฮอล อี20 จำนวน 800 บาทไปเรื่อยๆ จนสิ้นเดือนพ.ย. 55 ล่ะครับ เหอๆๆ ^ ^
เพราะถ้าเติมเกิน เช่นเติม 1,000 ก็ไม่คุ้มจำนวนคูปอง เติมมัน 800 นี่ล่ะ 555+
กล้องวิดีโอใหม่!! ทนน้ำ Sony HDR-AS10 กับ HDR-AS15
หากพูดถึงกล้องวิดีโอติดตัวลงน้ำ เล่นสมบุกสมบัน เลนส์ Wide กว้างๆ ส่วนใหญ่จะนึกถึง GoPro กันแทบทั้งนั้น
แต่ตอนนี้ โซนี่ ทำแล้วครับ!! กับการทำกล้องวิดีโอสองรุ่น เมื่อหากใส่ housing แล้วจะกันน้ำได้!!
กล้องรุ่นที่ว่าก็คือ Sony HDR-AS10 กับ Sony HDR-AS15 ครับ!!
ลองดูรูปกันก่อน ที่คือาภาพของกล้องวิดีโอ Sony AS10 ครับ
จะเห็นว่ารูปร่างนั้น ทำมาเพื่อใส่ Housing แล้วเอาไปลุยน้ำชัดๆเลยครับ
ใครชอบกล้องวิดีโอถึกๆ กันน้ำได้ เอาไปดำน้ำแจ่ม ต้องสองรุ่นนี้เลยครับ
สำหรับสเปคกล้อง ก็ตามนี้ครับ
1. Sony HDR-AS10
2. Sony HDR-AS15
จะเห็นว่าทั้งสองรุ่นต่างกันไม่มากครับ นอกจาก Built-In WiFi
แต่คาดว่าก็น่าจะมีอย่างอื่นอีก เพราะราคาห่างกันมากอยู่ครับ ทั้งสองรุ่น
แต่ตอนนี้ โซนี่ ทำแล้วครับ!! กับการทำกล้องวิดีโอสองรุ่น เมื่อหากใส่ housing แล้วจะกันน้ำได้!!
กล้องรุ่นที่ว่าก็คือ Sony HDR-AS10 กับ Sony HDR-AS15 ครับ!!
ลองดูรูปกันก่อน ที่คือาภาพของกล้องวิดีโอ Sony AS10 ครับ
จะเห็นว่ารูปร่างนั้น ทำมาเพื่อใส่ Housing แล้วเอาไปลุยน้ำชัดๆเลยครับ
ใครชอบกล้องวิดีโอถึกๆ กันน้ำได้ เอาไปดำน้ำแจ่ม ต้องสองรุ่นนี้เลยครับ
สำหรับสเปคกล้อง ก็ตามนี้ครับ
1. Sony HDR-AS10
- ถ่ายวิดีโอ Full HD 1920 x 1080/30p Video
- ถ่ายสโลโมชั่นได้ ที่โหมดที่รัววิดีโอได้ที่ 60 fps หรือ 120 fps
- เซนเซอร์แบบที่เรียกว่า Back-Illuminated Exmor R CMOS Sensor
- มาพร้อมกับ Waterproof Housing
- เลนส์ไวด์ Carl Zeiss Vario-Tessar
- มีระบบกันสั่น Image Stabilization
- ราคาประมาณ 6,000 บาท
2. Sony HDR-AS15
- ถ่ายวิดีโอ Full HD 1920 x 1080/30p Video
- ถ่ายสโลโมชั่นได้ ที่โหมดที่รัววิดีโอได้ที่ 60 fps หรือ 120 fps
- เซนเซอร์แบบที่เรียกว่า Back-Illuminated Exmor R CMOS Sensor
- มี Built-In WiFi
- มาพร้อมกับ Waterproof Housing
- เลนส์ไวด์ Carl Zeiss Vario-Tessar
- มีระบบกันสั่น Image Stabilization
- ราคาประมาณ 8,000 บาท
จะเห็นว่าทั้งสองรุ่นต่างกันไม่มากครับ นอกจาก Built-In WiFi
แต่คาดว่าก็น่าจะมีอย่างอื่นอีก เพราะราคาห่างกันมากอยู่ครับ ทั้งสองรุ่น
ตั๋วเครื่องบินไปมัลดีฟส์ ราคาถูกเหลือเชื่อ!! จาก Bangkok Airways
ใครอยากบินไปเที่ยวมัลดีฟส์ ตอนนี้ไม่ต้องเก็บเงินอะไรกันมากมายแล้ว เพราะตอนนี้ ราคาตั๋วเครื่องบินไปกลับ โปรโมชั่นจาก Bangkok Airways นั้น ถูกสุดๆ!!
โดยราคา ไป-กลับ กทม.-มัลดีฟส์นั้น ราคาเพียง 9,900 บาทเท่านั้น!! ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!! ไปกลับมัลดีฟส์ตอนนี้ มีเงินแค่หมื่นเดียวก็ไปได้แล้วจ้า!!
อย่างไรก็ตาม ถูกแบบนี้ ต้องมีข้อแม้แน่นอน!! วิธีก็คือ ไปจองในงานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 25 ปีนี้ครับ!!
โดยงานจะเริ่มวันที่ 30 ส.ค. 2555 - 2 ก.ย. 2555 ซึ่งมีเวลาแค่ 4 วันเท่านั้น โดยวันเดินทางคือวันที่ 17 ก.ย. - 30 พ.ย. 2555 พร้อมๆกับต้องจองตั๋วขาไปวันจันทร์หรืออังคาร และขากลับวันพุธ เท่านั้นครับ!! (ควรจะเลือกรีสอร์ทใกล้ๆ นั่งสปีดโบ๊ทไปครับ จึงจะคุ้ม)
แต่ถ้าจองในช่วงเวลาอื่นๆ ก็ยังจัดว่าถูกอยู่ดี เพราะราคาอยู่ที่ 14,900 บาทครับ
นอกจากมัลดีฟส์แล้ว โปรแกรมอื่นๆก็ราคาถูกครับ ตามภาพโฆษณาเลยครับ ^ ^
เห็นช่วงเวลาแล้ว ก็กระชั้นเหมือนกัน แต่ราคาก็ยั่วน้ำลายอยู่ครับ ใครมีแพลนจะไปเที่ยวพอดี คงได้เฮ
ส่วนใครที่ลังเลๆ ก็รีบๆตัดสินใจนะครับ เวลาไม่รอท่าจ้าาา ^ ^
โดยราคา ไป-กลับ กทม.-มัลดีฟส์นั้น ราคาเพียง 9,900 บาทเท่านั้น!! ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!! ไปกลับมัลดีฟส์ตอนนี้ มีเงินแค่หมื่นเดียวก็ไปได้แล้วจ้า!!
อย่างไรก็ตาม ถูกแบบนี้ ต้องมีข้อแม้แน่นอน!! วิธีก็คือ ไปจองในงานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 25 ปีนี้ครับ!!
โดยงานจะเริ่มวันที่ 30 ส.ค. 2555 - 2 ก.ย. 2555 ซึ่งมีเวลาแค่ 4 วันเท่านั้น โดยวันเดินทางคือวันที่ 17 ก.ย. - 30 พ.ย. 2555 พร้อมๆกับต้องจองตั๋วขาไปวันจันทร์หรืออังคาร และขากลับวันพุธ เท่านั้นครับ!! (ควรจะเลือกรีสอร์ทใกล้ๆ นั่งสปีดโบ๊ทไปครับ จึงจะคุ้ม)
แต่ถ้าจองในช่วงเวลาอื่นๆ ก็ยังจัดว่าถูกอยู่ดี เพราะราคาอยู่ที่ 14,900 บาทครับ
นอกจากมัลดีฟส์แล้ว โปรแกรมอื่นๆก็ราคาถูกครับ ตามภาพโฆษณาเลยครับ ^ ^
เห็นช่วงเวลาแล้ว ก็กระชั้นเหมือนกัน แต่ราคาก็ยั่วน้ำลายอยู่ครับ ใครมีแพลนจะไปเที่ยวพอดี คงได้เฮ
ส่วนใครที่ลังเลๆ ก็รีบๆตัดสินใจนะครับ เวลาไม่รอท่าจ้าาา ^ ^
Bleach 506 ปู่ยามะ VS บอสควินซี่ ใครจะอยู่ใครจะไป!!
ช่วงนี้ Bleach กำลังสนุกเลยครับ (ไม่รู้ว่าอันดับความนิยมจะขึ้นหรือยัง) นารุโตะเองก็กำลังเข้าช่วง Climax หลายๆอย่างช่วงนี้ Jump อ่านสนุกจริงๆ ^ ^ (เมื่อไหร่ HxH จะกลับมา T-T)
ทางฝั่งของ Bleach นั้น ตอนที่ 504-505 ปู่ยามะ บอสใหญ่แห่งโซลโซไซตี้ โชว์เทพ กำจัดควินซี่ไปได้หนึ่ง (ถ้ามีการจัดระดับควินซี่ ก็น่าจะเป็นควินซี่ระดับเดียวกับหัวหน้าหน่วย) โดยเป็นการจัดการแบบว่าโชะเดียวจอดเลย
โดยเนื้อเรื่องในตอนที่ 505 นั้น ได้เปิดเผยผลการต่อสู้ของอีกด้านหนึ่งด้วยเช่นกัน นั่นก็คือผลการต่อสู้ระหว่าง เคมปาจิ VS บอสควินซี่ นั่นเอง
ผลก็คือ เคมปาจิ พ่ายไปตามระเบียบ -*- (ระเบียบที่ว่าก็คือ จะให้บอสควินซี่แพ้แต่เนิ่นๆไม่ได้ เคมปาจิก็เลยโดนสังเวยไปซะ -*-)
...
และอีกเรื่องที่เปิดเผย นั่นก็คือชื่อของบอสควินซี่
ว่าชื่อว่า Juha Bach ... อ่านได้ว่า ยูฮา บาร์ค (น่าจะอ่านแบบภาษาเยอรมันครับ เลยอ่านว่า ยูฮา บาร์ค ไม่ใช่ จูฮา แบช)
และคนที่เอ่ยชื่อของบอสควินซี่ ก็คือปู่ยามะ น่ะล่ะครับ (ไปแอบกิ๊กกันมาตอนไหน เดี๋ยวคงได้เฉลยกันอีกที)
ดังนั้น ตอนที่ 506 ก็น่าจะเป็นตอนที่เราได้เห็นการต่อสู้ของ ยูฮา บาร์ค หรือบอสควินซี่ กับ ปู่ยามะ นั่นเอง ผลจะเป็นอย่างไร เตรียมลุ้นกันได้!!
...
หวังว่าคงไม่สู้กันสองหน้า แล้วตัดฉากไปด้านอิจิโกะ หรือพล่ามเรื่อยเปื่อยแทนล่ะ -*-
(แต่ตัดฉากไปทางอิจิโกะไวๆก็ดีนะ แอบไปวางปริศนาไว้ตั้งเยอะแน่ะ เช่น คนที่มาช่วยอุราฮาร่า(หรือไม่ได้มาช่วย?)เป็นใคร? อิจิโกะจะกลายเป็นฮอลโลว์อีกหรือเปล่า?)
ทางฝั่งของ Bleach นั้น ตอนที่ 504-505 ปู่ยามะ บอสใหญ่แห่งโซลโซไซตี้ โชว์เทพ กำจัดควินซี่ไปได้หนึ่ง (ถ้ามีการจัดระดับควินซี่ ก็น่าจะเป็นควินซี่ระดับเดียวกับหัวหน้าหน่วย) โดยเป็นการจัดการแบบว่าโชะเดียวจอดเลย
โดยเนื้อเรื่องในตอนที่ 505 นั้น ได้เปิดเผยผลการต่อสู้ของอีกด้านหนึ่งด้วยเช่นกัน นั่นก็คือผลการต่อสู้ระหว่าง เคมปาจิ VS บอสควินซี่ นั่นเอง
ผลก็คือ เคมปาจิ พ่ายไปตามระเบียบ -*- (ระเบียบที่ว่าก็คือ จะให้บอสควินซี่แพ้แต่เนิ่นๆไม่ได้ เคมปาจิก็เลยโดนสังเวยไปซะ -*-)
...
และอีกเรื่องที่เปิดเผย นั่นก็คือชื่อของบอสควินซี่
ว่าชื่อว่า Juha Bach ... อ่านได้ว่า ยูฮา บาร์ค (น่าจะอ่านแบบภาษาเยอรมันครับ เลยอ่านว่า ยูฮา บาร์ค ไม่ใช่ จูฮา แบช)
และคนที่เอ่ยชื่อของบอสควินซี่ ก็คือปู่ยามะ น่ะล่ะครับ (ไปแอบกิ๊กกันมาตอนไหน เดี๋ยวคงได้เฉลยกันอีกที)
ดังนั้น ตอนที่ 506 ก็น่าจะเป็นตอนที่เราได้เห็นการต่อสู้ของ ยูฮา บาร์ค หรือบอสควินซี่ กับ ปู่ยามะ นั่นเอง ผลจะเป็นอย่างไร เตรียมลุ้นกันได้!!
...
หวังว่าคงไม่สู้กันสองหน้า แล้วตัดฉากไปด้านอิจิโกะ หรือพล่ามเรื่อยเปื่อยแทนล่ะ -*-
(แต่ตัดฉากไปทางอิจิโกะไวๆก็ดีนะ แอบไปวางปริศนาไว้ตั้งเยอะแน่ะ เช่น คนที่มาช่วยอุราฮาร่า(หรือไม่ได้มาช่วย?)เป็นใคร? อิจิโกะจะกลายเป็นฮอลโลว์อีกหรือเปล่า?)
Naruto ch.600 Obito Uchiha เปิดตัว!! จะย้อนอดีตหรือจะพล่าม!!
Naruto 600 นารุโตะตอนใหม่กับเนื้อเรื่้องที่เข้มข้น แต่ผู้อ่านอาจจะไม่ค่อยอยากจะอ่านตอนนี้เท่าไหร่ เพราะเนื้อเรื่องในตอนนี้หลายๆคนน่าจะเก็งกันว่า มีแต่การ "พล่าม" หรือไม่ก็ "ย้อนอดีต"
นารุโตะตอนที่ 599 นั้น ต่างก็เก็งถูกกันหลายฝ่าย ว่าโทบิ ก็คือ อุจิวะ โอบิโตะ
ซึ่งคนที่เก็งถูกก็มักจะเป็นพวกที่ไม่คิดอะไรซับซ้อนมาก (ก่อนหน้านี้ก็เดากันว่าคือ อุจิวะ ชิซุย แต่ช่วงหลังๆเนื้อเรื่องโน้มเอียงไปทางโอบิโตะมาก)
... บางที ... เราก็ลืมไปว่า การ์ตูนเรื่องนี้ "ดังได้อย่างไร"
นารุโตะคงความนิยมไว้ได้ ก็เพราะเนื้อเรื่องที่เข้าถึงง่าย ไม่ซับซ้อน คนอ่านสนุกไม่ว่าจะเด็ก วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ รวมทั้งเข้าถึงคนหลายๆชนชาติด้วย
... ดังนั้นข้อมูลต่างๆที่แอบแย้มๆมาในตอนก่อนหน้านิดหน่อย พอถึงคราวเฉลย ก็มักจะไม่พลิกคดีจากหน้ามือเป็นหลังมือมากนัก การคาดเดาว่าโทบิเป็นโอบิโตะ ก็เลยเดาถูกกันแทบทั้งนั้น
ส่วนคนที่เดาผิดนั้น ไม่ใช่ว่าไม่รู้ ว่าข้อมูลโน้มเอียงมาทางโอบิโตะ ... แต่คิดไปเองว่าเนื้อเรื่องมันจะต้องหักมุมสุดกู่แน่ๆ ก็เท่านั้น (จริงๆนารุโตะเป็นการ์ตูนที่มีความซับซ้อนพอจะเป็นอรรถรสครับ บางเรื่องอาจจะนานมาก กว่าจะเฉลย แต่ลักษณะจะไม่ซ่อนเงื่อนมาก ดังนั้นไม่ต้องคิดมากจ้า ^ ^)
และนี่คือ Uchiha Obito - อุจิวะ โอบิโตะ ... โฉมหน้าที่แอบทำหน้าเหี่ยวไปข้างนึงเพื่อหลอกคนอ่านนั่นเอง (เผยโฉมตอนคุยกับซาสึเกะนิดๆมาแล้วครั้งหนึ่ง)
จากตอนที่ 598 ที่ผมวิเคราะห์ไปก่อนหน้านี้ (จากการที่คิดไม่ซับซ้อน)http://journey-trip-review.blogspot.com/2012/08/naruto-599.html
ก็เลยถูกทั้งหมด ไม่ว่าจะเรื่องที่ว่า โทบิ คือ โอบิโตะ และ ...... กะแล้วว่ามันต้องย้อนอดีต -*-
แต่ก็เดาผิดอยู่เรื่องนึง ไม่คิดจริงๆว่าตอนที่ 599 นั้น จะย้อนอดีตตั้งแต่หน้าแรก แล้วไปเฉลยหน้าสุดท้าย ว่านี่คือโอบิโตะ
... มันย้อนอดีตตั้งแต่หน้าแรกเลยง่ะ!! *0*
อย่างไรก็ตาม สำหรับ Naruto ตอนที่ 600 นั้น ... ผมอยากให้ตัวเองเดาผิด -*-
เพราะอย่างที่พิมพ์ปิดท้ายที่เดาเอาไว้ตามลิงค์นั้น ผมพิมพ์ไว้ว่า ...
"ปล. หากเป็นโอบิโตะ เตรียมใจอ่าน "ย้อนอดีต" อีก 2 ตอนเป็นอย่างน้อย เอวัง -*-"
...
ตอนที่ 599 ย้อนอดีตเต็มๆตอนมาแล้ว
ตอนที่ 600 ... จะยังคงย้อนอดีตต่อไป หรือจะพล่าม ... กันแน่หนอ -*- (หรือว่าจะทั้งพล่าม ทั้งย้อนอดีต ปนๆกัน - -")
...
ขอให้เดาผิดทีเถอะ!! สู้กันให้จบๆ โอบิโตะตาย แล้วค่อยย้อนอดีตดราม่าก่อนโอบิโตะจะสิ้นลมในคราวเดียวก็ได้นะ!!
ปล. ริน หายไปไหน?
นารุโตะตอนที่ 599 นั้น ต่างก็เก็งถูกกันหลายฝ่าย ว่าโทบิ ก็คือ อุจิวะ โอบิโตะ
ซึ่งคนที่เก็งถูกก็มักจะเป็นพวกที่ไม่คิดอะไรซับซ้อนมาก (ก่อนหน้านี้ก็เดากันว่าคือ อุจิวะ ชิซุย แต่ช่วงหลังๆเนื้อเรื่องโน้มเอียงไปทางโอบิโตะมาก)
... บางที ... เราก็ลืมไปว่า การ์ตูนเรื่องนี้ "ดังได้อย่างไร"
นารุโตะคงความนิยมไว้ได้ ก็เพราะเนื้อเรื่องที่เข้าถึงง่าย ไม่ซับซ้อน คนอ่านสนุกไม่ว่าจะเด็ก วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ รวมทั้งเข้าถึงคนหลายๆชนชาติด้วย
... ดังนั้นข้อมูลต่างๆที่แอบแย้มๆมาในตอนก่อนหน้านิดหน่อย พอถึงคราวเฉลย ก็มักจะไม่พลิกคดีจากหน้ามือเป็นหลังมือมากนัก การคาดเดาว่าโทบิเป็นโอบิโตะ ก็เลยเดาถูกกันแทบทั้งนั้น
ส่วนคนที่เดาผิดนั้น ไม่ใช่ว่าไม่รู้ ว่าข้อมูลโน้มเอียงมาทางโอบิโตะ ... แต่คิดไปเองว่าเนื้อเรื่องมันจะต้องหักมุมสุดกู่แน่ๆ ก็เท่านั้น (จริงๆนารุโตะเป็นการ์ตูนที่มีความซับซ้อนพอจะเป็นอรรถรสครับ บางเรื่องอาจจะนานมาก กว่าจะเฉลย แต่ลักษณะจะไม่ซ่อนเงื่อนมาก ดังนั้นไม่ต้องคิดมากจ้า ^ ^)
และนี่คือ Uchiha Obito - อุจิวะ โอบิโตะ ... โฉมหน้าที่แอบทำหน้าเหี่ยวไปข้างนึงเพื่อหลอกคนอ่านนั่นเอง (เผยโฉมตอนคุยกับซาสึเกะนิดๆมาแล้วครั้งหนึ่ง)
จากตอนที่ 598 ที่ผมวิเคราะห์ไปก่อนหน้านี้ (จากการที่คิดไม่ซับซ้อน)http://journey-trip-review.blogspot.com/2012/08/naruto-599.html
ก็เลยถูกทั้งหมด ไม่ว่าจะเรื่องที่ว่า โทบิ คือ โอบิโตะ และ ...... กะแล้วว่ามันต้องย้อนอดีต -*-
แต่ก็เดาผิดอยู่เรื่องนึง ไม่คิดจริงๆว่าตอนที่ 599 นั้น จะย้อนอดีตตั้งแต่หน้าแรก แล้วไปเฉลยหน้าสุดท้าย ว่านี่คือโอบิโตะ
... มันย้อนอดีตตั้งแต่หน้าแรกเลยง่ะ!! *0*
อย่างไรก็ตาม สำหรับ Naruto ตอนที่ 600 นั้น ... ผมอยากให้ตัวเองเดาผิด -*-
เพราะอย่างที่พิมพ์ปิดท้ายที่เดาเอาไว้ตามลิงค์นั้น ผมพิมพ์ไว้ว่า ...
"ปล. หากเป็นโอบิโตะ เตรียมใจอ่าน "ย้อนอดีต" อีก 2 ตอนเป็นอย่างน้อย เอวัง -*-"
...
ตอนที่ 599 ย้อนอดีตเต็มๆตอนมาแล้ว
ตอนที่ 600 ... จะยังคงย้อนอดีตต่อไป หรือจะพล่าม ... กันแน่หนอ -*- (หรือว่าจะทั้งพล่าม ทั้งย้อนอดีต ปนๆกัน - -")
...
ขอให้เดาผิดทีเถอะ!! สู้กันให้จบๆ โอบิโตะตาย แล้วค่อยย้อนอดีตดราม่าก่อนโอบิโตะจะสิ้นลมในคราวเดียวก็ได้นะ!!
ปล. ริน หายไปไหน?
Kalima Resort and Spa Phuket รีสอร์ทใหม่ ภูเก็ต!! มาชมกันครับ ^ ^
คาลิมา รีสอร์ทแอนด์สปา หาดกะหลิม ภูเก็ต - Kalima Resort & Spa Phuket แห่งนี้ เป็นรีสอร์ทใหม่เอี่ยม น่าฟัดน่าเหวี่ยงเป็นที่สุด!!
เพราะที่นี่นั้น นอกจากทำเลจะดีแล้ว ยังสวย มีวิวเด็ดๆด้วยครับ ใครมองหารีสอร์ทสวยหรู ที่นี่ตอบโจทย์ได้ แล้วเป็นการตอบโจทย์ที่มาพร้อมกับความใหม่สดอีกต่างหาก
ที่บอกว่า Kalima Resort and Spa Phuket ทำเลดีนั้น โดยส่วนตัวมองว่าที่นี่อยู่ที่หาดกะหลิมนั่นเอง ซึ่งหาดนี้ใกล้และติดหาดป่าตองมากๆครับ ดังนั้น หากเมื่อใด ที่คุณต้องการแสงสีเสียงแบบป่าตอง คุณไปสัมผัสได้ง่ายๆเพราะอยู่ใกล้ ... แต่เวลาใดที่คุณเบื่อความอึกทึกหรือวุ่นวายจากหาดป่าตอง ก็เพียงกลับมาที่คาลิมารีสอร์ท ก็หลีกหนีได้แล้ว แถมตัวรีสอร์ทสวยเว่อร์ครับ ไปๆมาๆ ไม่อยากจะออกจากรีสอร์ทมากกว่า ^ ^
ก่อนจะฟังความที่ผมบรรยายมา ชมรูปก่อนครับ ^ ^
เริ่มด้วยพูลวิลล่าวิวทะเล ... เห็นแล้วแบบว่า ต้องขอเก็บไว้เป็นลิสต์ตัวเลือกรีสอร์ทที่น่าไปพักทันที!! (แพงเกินเอื้อมไหมเนี่ย ห้องนี้ -*-)
จะเห็นว่าพูลวิลล่าที่นี่หรูมาก คล้ายๆ Sripanwa ที่โด่งดังมาก่อนหน้านี้ โดยเป็นสระว่ายน้ำล้อมรอบห้องพัก แต่ที่นี่จะดูน่ารักสดใสในอีกสไตล์น่ะครับ โทนขาวๆ ^ ^
มาอีกด้าน แช่น้ำ ชมวิว กี๊ซซซซซ!!
วิวตรงนี้ผมไม่รู้ตรงไหนเหมือนกัน เหมือนจะเป็นสระว่ายน้ำส่วนกลางมั้งครับ ตรงนี้น่าจะอยู่สูง ตัดกับวิวทะเลแบบพาโนรามาเลยครับ มีโต๊ะอาหารด้วย อาจจะรวมกับส่วนหนึ่งของห้องอาหาร
พามาชมในห้องกันบ้าง
ปิดท้ายด้วยห้อง Deluxe Seaview งบไม่ไหวกับพูลวิลล่า ห้องอื่นๆที่นี่ก็เจ๋งไม่หยอก น่าพักอยู่ดีครับ
จัดว่าเป็นอีกรีสอร์ทที่น่าสนใจมากครับ ทั้งทำเล ทั้งความใหม่และความสวย
รูปทั้งหมด นำมาจาก facebook ของทางรีสอร์ทครับ ไปตามดูรูป(ที่ยังมีอีกมากมาย)ได้ที่ http://www.facebook.com/KalimaResortPhuket กันได้ครับ ^ ^
หรือจะดูรายละเอียดการจอดห้องพักอื่นๆได้ทางเวบไซต์ตรง http://www.kalimaresort.com ก็ได้เช่นกันครับ ^ ^
เพราะที่นี่นั้น นอกจากทำเลจะดีแล้ว ยังสวย มีวิวเด็ดๆด้วยครับ ใครมองหารีสอร์ทสวยหรู ที่นี่ตอบโจทย์ได้ แล้วเป็นการตอบโจทย์ที่มาพร้อมกับความใหม่สดอีกต่างหาก
ที่บอกว่า Kalima Resort and Spa Phuket ทำเลดีนั้น โดยส่วนตัวมองว่าที่นี่อยู่ที่หาดกะหลิมนั่นเอง ซึ่งหาดนี้ใกล้และติดหาดป่าตองมากๆครับ ดังนั้น หากเมื่อใด ที่คุณต้องการแสงสีเสียงแบบป่าตอง คุณไปสัมผัสได้ง่ายๆเพราะอยู่ใกล้ ... แต่เวลาใดที่คุณเบื่อความอึกทึกหรือวุ่นวายจากหาดป่าตอง ก็เพียงกลับมาที่คาลิมารีสอร์ท ก็หลีกหนีได้แล้ว แถมตัวรีสอร์ทสวยเว่อร์ครับ ไปๆมาๆ ไม่อยากจะออกจากรีสอร์ทมากกว่า ^ ^
ก่อนจะฟังความที่ผมบรรยายมา ชมรูปก่อนครับ ^ ^
เริ่มด้วยพูลวิลล่าวิวทะเล ... เห็นแล้วแบบว่า ต้องขอเก็บไว้เป็นลิสต์ตัวเลือกรีสอร์ทที่น่าไปพักทันที!! (แพงเกินเอื้อมไหมเนี่ย ห้องนี้ -*-)
จะเห็นว่าพูลวิลล่าที่นี่หรูมาก คล้ายๆ Sripanwa ที่โด่งดังมาก่อนหน้านี้ โดยเป็นสระว่ายน้ำล้อมรอบห้องพัก แต่ที่นี่จะดูน่ารักสดใสในอีกสไตล์น่ะครับ โทนขาวๆ ^ ^
มาอีกด้าน แช่น้ำ ชมวิว กี๊ซซซซซ!!
วิวตรงนี้ผมไม่รู้ตรงไหนเหมือนกัน เหมือนจะเป็นสระว่ายน้ำส่วนกลางมั้งครับ ตรงนี้น่าจะอยู่สูง ตัดกับวิวทะเลแบบพาโนรามาเลยครับ มีโต๊ะอาหารด้วย อาจจะรวมกับส่วนหนึ่งของห้องอาหาร
พามาชมในห้องกันบ้าง
ปิดท้ายด้วยห้อง Deluxe Seaview งบไม่ไหวกับพูลวิลล่า ห้องอื่นๆที่นี่ก็เจ๋งไม่หยอก น่าพักอยู่ดีครับ
จัดว่าเป็นอีกรีสอร์ทที่น่าสนใจมากครับ ทั้งทำเล ทั้งความใหม่และความสวย
รูปทั้งหมด นำมาจาก facebook ของทางรีสอร์ทครับ ไปตามดูรูป(ที่ยังมีอีกมากมาย)ได้ที่ http://www.facebook.com/KalimaResortPhuket กันได้ครับ ^ ^
หรือจะดูรายละเอียดการจอดห้องพักอื่นๆได้ทางเวบไซต์ตรง http://www.kalimaresort.com ก็ได้เช่นกันครับ ^ ^
โตโยต้า ออริส - Toyota Auris รถรุ่นใหม่ สปอร์ทแฮทช์แบค!!
ตอนนี้ ทางโตโยต้าญี่ปุ่น ได้ออกรถยนต์รุ่นใหม่ สไตล์สปอร์ทแฮทช์แบค (Sport Hatch Back)
ซึ่งเป็นที่ฮือฮาและเป็นกระแสอย่างมากครับ ดังไกลถึงต่างแดนเลยล่ะครับ ที่อเมริกาก็ฮือฮา ทั้งๆที่เปิดตัวแค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น!!
รถยนต์รุ่นนี้ก็คือ Toyota Auris หรือ โตโยต้าออริส นั่นเอง
...
สาเหตุที่ Toyota Auris ดังนักดังหนา ... ก็เพราะว่า ...
ลองดูโฆษณาของ Toyota Auris คลิปนี้ดูครับ ^ ^
สาเหตุที่ดังและเป็นที่ฮือฮาก็เพราะรถจากคลิปโฆษณานั้นสวยมากนั่นเองครับ (มีใครเชื่อผมไหมเนี่ย ^ ^")
อย่างไรก็ตาม คนด่าโฆษณาก็มีเยอะครับ ว่าไม่บรรเทิงเริงใจเอาเสียเลย
แต่เอาเถอะ โฆษณานั้นคนจะชอบไม่ชอบ อย่าไปสน ที่แน่ๆตอนนี้ Toyota Auris เป็นที่รู้จักเรียบร้อยแล้ว (ก็ไม่รู้ว่าอย่างนี้จะเรียกว่าโตโยต้าเดินเกมถูก ดีหรือเปล่านะ เหอๆๆ)
สำหรับใครที่ไม่ได้สนแต่โฆษณา อยากดูรถจริงๆ
ตอนนี้ทาง Toyota ญี่ปุ่น ก็ได้เปิดตัวรถเต็มๆตัวให้ได้ชมกันแล้วครับ ดูได้จากคลิปนี้ครับ ^ ^
ก็ไม่รู้ว่าจะได้เข้าไทยหรือเปล่านะครับ เจ้า Toyota Auris ตัวนี้
ส่วนตัวมองว่า Toyota น่าจะเอาเจ้า Auris เข้ามานะครับ เพราะรถ Segment นี้ ทางโตโยต้าที่ยอดขายเป็นอันดับหนึ่งในไทย ยังไม่มีขายอ่ะ!!
แนวนี้มีแต่ Yaris ซึ่งเป็นรุ่นเล็ก ส่วนรุ่นใหญ่ก็เป็นแนวรถครอบครัวเอนกประสงค์มากกว่าจะเป็น Hatch Back เฟี้ยวฟ้าวแบบนี้
ขายดีหรือไม่ ผมก็ไม่รู้ แต่ถ้าโตโยต้าเอามาขาย ผมว่ามันเหมือนกับว่าโตโยต้ามีรถเทในตลาดประเทศไทยได้ครบทุกช่วงดี ก็เท่านั้นเองครับ เหอๆๆ
ซึ่งเป็นที่ฮือฮาและเป็นกระแสอย่างมากครับ ดังไกลถึงต่างแดนเลยล่ะครับ ที่อเมริกาก็ฮือฮา ทั้งๆที่เปิดตัวแค่ในญี่ปุ่นเท่านั้น!!
รถยนต์รุ่นนี้ก็คือ Toyota Auris หรือ โตโยต้าออริส นั่นเอง
...
สาเหตุที่ Toyota Auris ดังนักดังหนา ... ก็เพราะว่า ...
ลองดูโฆษณาของ Toyota Auris คลิปนี้ดูครับ ^ ^
อย่างไรก็ตาม คนด่าโฆษณาก็มีเยอะครับ ว่าไม่บรรเทิงเริงใจเอาเสียเลย
แต่เอาเถอะ โฆษณานั้นคนจะชอบไม่ชอบ อย่าไปสน ที่แน่ๆตอนนี้ Toyota Auris เป็นที่รู้จักเรียบร้อยแล้ว (ก็ไม่รู้ว่าอย่างนี้จะเรียกว่าโตโยต้าเดินเกมถูก ดีหรือเปล่านะ เหอๆๆ)
สำหรับใครที่ไม่ได้สนแต่โฆษณา อยากดูรถจริงๆ
ตอนนี้ทาง Toyota ญี่ปุ่น ก็ได้เปิดตัวรถเต็มๆตัวให้ได้ชมกันแล้วครับ ดูได้จากคลิปนี้ครับ ^ ^
ส่วนตัวมองว่า Toyota น่าจะเอาเจ้า Auris เข้ามานะครับ เพราะรถ Segment นี้ ทางโตโยต้าที่ยอดขายเป็นอันดับหนึ่งในไทย ยังไม่มีขายอ่ะ!!
แนวนี้มีแต่ Yaris ซึ่งเป็นรุ่นเล็ก ส่วนรุ่นใหญ่ก็เป็นแนวรถครอบครัวเอนกประสงค์มากกว่าจะเป็น Hatch Back เฟี้ยวฟ้าวแบบนี้
ขายดีหรือไม่ ผมก็ไม่รู้ แต่ถ้าโตโยต้าเอามาขาย ผมว่ามันเหมือนกับว่าโตโยต้ามีรถเทในตลาดประเทศไทยได้ครบทุกช่วงดี ก็เท่านั้นเองครับ เหอๆๆ
รีสอร์ทเกาะล้าน ติดชายหาดแสม ซานาดูบีชรีสอร์ท!!
ใครกำลังมองหาโรงแรมรีสอร์ทที่พักบนเกาะล้าน ผมขอแนะนำทางเลือกที่น่าสนใจแห่งหนึ่งมาบอกกันครับ ^ ^
กับรีสอร์ทที่ "ติดชายหาด" สวยๆบนเกาะล้าน อย่างหาดแสม!! ... บอกตามตรง ว่าเอามาแนะนำก็เพราะมันติดชายหาดนี่แหละครับ (แถมเป็นหาดสวยอย่างหาดแสมด้วย!!)
รีสอร์ทนี้ชื่อว่า Xanadu beach resort - ซานาดูบีชรีสอร์ท ซึ่งน่าจะมีคนรีวิวไว้บ้างแล้วครับ ยังไงลองเสิร์ชหาอีกที
จุดเด่นอีกอย่างนอกจากติดชายหาดแล้ว ก็คือที่พักวัยรุ่นมากครับ สีสันสดใสแสบตา เอาใจวัยรุ่นน่าดูครับที่นี่ ^ ^
ลองดูภาพกันเลยจ้า ^ ^
จะเห็นว่าภายนอกตัวที่พักจะทาสีได้แสบมาก ... ขอบอกว่า ไม่ใช่แค่ภายนอกครับ ภายในห้องพัก เค้าก็ทำได้แสบไม่แพ้กัน!!
ภาพนี้เป็นภาพหาดแสม ที่ตั้งของซานาดูรีสอร์ทนี่ล่ะครับ หาดนี้ ส่วนตัวมองว่าสวยที่สุดบนเกาะล้านได้เลย เพราะหาดตาแหวนที่เคยครองอันดับหนึ่ง มันรกมากๆ ทั้งทุ่นลอยเอย พาหนะในน้ำเอย คนเอย ร่มเอย ... จนแทบจะไม่ได้ดื่มบรรยากาศชายหาดเต็มๆ
ตอนนี้ก็มีหาดแสมนี่แหละครับ ที่คนเยอะ แต่ยังไม่ถึงขั้นรก หาดกว้าง มีทุ่นลอยจัดโซนเล่นน้ำได้กว้างมากๆ ไม่เสียสายตามากนักครับ
คาดว่าที่นี่นอกจากจะทำรีสอร์ทแล้ว เค้าก็เปิดร้านอาหารทะเลด้วยแน่ๆ มุมนี้น่าจะเป็นภาพจากร้านอาหารของรีสอร์ทครับ
ปิดท้ายด้วยภาพป้ายของ Xanadu Beach Resort Koh Larn ซะหน่อย ยังคงคอนเซปท์ความคัลเลอร์ฟูล ตามที่เห็น ^ ^
ก็แนะนำให้เก็บที่นี่เป็นตัวเลือกครับ อย่างที่บอกล่ะครับ ติดหาดเลย!! จริงๆที่พักเกาะล้านมีเยอะครับ แต่ที่ติดชายหาดเลย ไม่เยอะมากนัก (บางแห่งติดทะเล แต่ก็ไม่ใช่ชายหาดที่จะเล่นน้ำได้) แถมที่นี่ติดหาดทำเลดีอย่างหาดแสม คนไม่น้อย แต่ก็ไม่พลุกพล่านจนเกินงามน่ะครับ
สนใจก็ลองดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เวบไซต์ของ Xanadu ที่ http://www.xanadubeachresortpattaya.com ครับผม ^ ^ มีรูปให้ดูอีกเพียบจ้า
กับรีสอร์ทที่ "ติดชายหาด" สวยๆบนเกาะล้าน อย่างหาดแสม!! ... บอกตามตรง ว่าเอามาแนะนำก็เพราะมันติดชายหาดนี่แหละครับ (แถมเป็นหาดสวยอย่างหาดแสมด้วย!!)
รีสอร์ทนี้ชื่อว่า Xanadu beach resort - ซานาดูบีชรีสอร์ท ซึ่งน่าจะมีคนรีวิวไว้บ้างแล้วครับ ยังไงลองเสิร์ชหาอีกที
จุดเด่นอีกอย่างนอกจากติดชายหาดแล้ว ก็คือที่พักวัยรุ่นมากครับ สีสันสดใสแสบตา เอาใจวัยรุ่นน่าดูครับที่นี่ ^ ^
ลองดูภาพกันเลยจ้า ^ ^
จะเห็นว่าภายนอกตัวที่พักจะทาสีได้แสบมาก ... ขอบอกว่า ไม่ใช่แค่ภายนอกครับ ภายในห้องพัก เค้าก็ทำได้แสบไม่แพ้กัน!!
ภาพนี้เป็นภาพหาดแสม ที่ตั้งของซานาดูรีสอร์ทนี่ล่ะครับ หาดนี้ ส่วนตัวมองว่าสวยที่สุดบนเกาะล้านได้เลย เพราะหาดตาแหวนที่เคยครองอันดับหนึ่ง มันรกมากๆ ทั้งทุ่นลอยเอย พาหนะในน้ำเอย คนเอย ร่มเอย ... จนแทบจะไม่ได้ดื่มบรรยากาศชายหาดเต็มๆ
ตอนนี้ก็มีหาดแสมนี่แหละครับ ที่คนเยอะ แต่ยังไม่ถึงขั้นรก หาดกว้าง มีทุ่นลอยจัดโซนเล่นน้ำได้กว้างมากๆ ไม่เสียสายตามากนักครับ
คาดว่าที่นี่นอกจากจะทำรีสอร์ทแล้ว เค้าก็เปิดร้านอาหารทะเลด้วยแน่ๆ มุมนี้น่าจะเป็นภาพจากร้านอาหารของรีสอร์ทครับ
ปิดท้ายด้วยภาพป้ายของ Xanadu Beach Resort Koh Larn ซะหน่อย ยังคงคอนเซปท์ความคัลเลอร์ฟูล ตามที่เห็น ^ ^
ก็แนะนำให้เก็บที่นี่เป็นตัวเลือกครับ อย่างที่บอกล่ะครับ ติดหาดเลย!! จริงๆที่พักเกาะล้านมีเยอะครับ แต่ที่ติดชายหาดเลย ไม่เยอะมากนัก (บางแห่งติดทะเล แต่ก็ไม่ใช่ชายหาดที่จะเล่นน้ำได้) แถมที่นี่ติดหาดทำเลดีอย่างหาดแสม คนไม่น้อย แต่ก็ไม่พลุกพล่านจนเกินงามน่ะครับ
สนใจก็ลองดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เวบไซต์ของ Xanadu ที่ http://www.xanadubeachresortpattaya.com ครับผม ^ ^ มีรูปให้ดูอีกเพียบจ้า
เดอะ ลิฟวิ่งรูม สวนผึ้ง ร้านกาแฟ เบเกอร์รี่ รีสอร์ทเปิดใหม่ที่สวนผึ้ง ^ ^
The Living Room Suanphung - เดอะ ลิฟวิ่งรูม สวนผึ้ง
ร้านกาแฟ เบเกอร์รี่ รีสอร์ท เปิดใหม่!! ที่สวนผึ้งครับ ... อ่านไม่ผิดแน่นอนครับ ที่นี่เป็นทั้งร้านกาแฟ เบเกอร์รี่ แล้วก็เป็นรีสอร์ทด้วยครับ!!
เห็นว่าที่นี่น่าสนใจดีก็เลยขอเอามาแชร์กันในบล็อคซะหน่อย ^ ^
เท่าที่อ่านดูจากเวบไซต์ของ The Living Room ผมคิดว่าที่นี่น่าจะให้บริการแบบครอบครัว จากคนที่ชื่นชอบธรรมชาติของสวนผึ้ง มาเปิดร้านกาแฟร้านเบเกอร์รี่ และทำรีสอร์ทด้วยน่ะครับ น่ารักดี ^ ^ ที่พักของที่นี่ตอนนี้ทำเป็นบ้านพักเพียงสองหลังเท่านั้นครับ แต่สวยน่ารักทั้งสองห้องเลย ^ ^
ลองชมภาพดูครับ เริ่มด้วยโซนของร้านอาหารครับ
บรรยากาศและทำเลโอเคดีครับ การตกแต่งก็ดูโปร่งสบาย สวยน่านั่งมากๆ
กาแฟและเค้กชอคโกที่ดูแล้วน่าจะนุ่มอร่อย
ตามด้วยภาพห้องพักกันบ้างครับ แม้จะเปิดแค่สองห้อง(สองหลัง) แต่ผมคิดว่าเค้าก็ทำออกมาได้สวยน่ารักดูดีกว่ารีสอร์ทเต็มรูปแบบบางแห่งอีกนะครับ
ห้องนี้ก็ดูกว้างขวาง สวยมากๆเช่นกัน
ยังไงสนใจ ก็ลองติดตามดูข้อมูลของทาง The Living Room Suanphung เต็มๆได้ทางเวบไซต์ http://www.thelivingroomsp.com ครับ ยังมีรูปภาพอีกมากมายให้ได้ดูกันครับ ^ ^
ร้านกาแฟ เบเกอร์รี่ รีสอร์ท เปิดใหม่!! ที่สวนผึ้งครับ ... อ่านไม่ผิดแน่นอนครับ ที่นี่เป็นทั้งร้านกาแฟ เบเกอร์รี่ แล้วก็เป็นรีสอร์ทด้วยครับ!!
เห็นว่าที่นี่น่าสนใจดีก็เลยขอเอามาแชร์กันในบล็อคซะหน่อย ^ ^
เท่าที่อ่านดูจากเวบไซต์ของ The Living Room ผมคิดว่าที่นี่น่าจะให้บริการแบบครอบครัว จากคนที่ชื่นชอบธรรมชาติของสวนผึ้ง มาเปิดร้านกาแฟร้านเบเกอร์รี่ และทำรีสอร์ทด้วยน่ะครับ น่ารักดี ^ ^ ที่พักของที่นี่ตอนนี้ทำเป็นบ้านพักเพียงสองหลังเท่านั้นครับ แต่สวยน่ารักทั้งสองห้องเลย ^ ^
ลองชมภาพดูครับ เริ่มด้วยโซนของร้านอาหารครับ
บรรยากาศและทำเลโอเคดีครับ การตกแต่งก็ดูโปร่งสบาย สวยน่านั่งมากๆ
กาแฟและเค้กชอคโกที่ดูแล้วน่าจะนุ่มอร่อย
ตามด้วยภาพห้องพักกันบ้างครับ แม้จะเปิดแค่สองห้อง(สองหลัง) แต่ผมคิดว่าเค้าก็ทำออกมาได้สวยน่ารักดูดีกว่ารีสอร์ทเต็มรูปแบบบางแห่งอีกนะครับ
ห้องนี้ก็ดูกว้างขวาง สวยมากๆเช่นกัน
ยังไงสนใจ ก็ลองติดตามดูข้อมูลของทาง The Living Room Suanphung เต็มๆได้ทางเวบไซต์ http://www.thelivingroomsp.com ครับ ยังมีรูปภาพอีกมากมายให้ได้ดูกันครับ ^ ^
รีวิว เฮือนธารา ร้านอาหารเหนือ นครสวรรค์ ^ ^
ได้มารีวิวร้านอาหารที่นครสวรรค์กันอีกแล้วครับ ครั้งนี้พาไปร้านอาหารที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศดีๆ เป็นอาหารเหนือน่ะครับ
ไปกินมาแล้วก็รู้สึกว่าโอเค น่าประทับใจ ... ลองชมกันดูเลยจ้า ^ ^
หน้าร้านของร้านเฮือนธารามีที่จอดรถกว้างขวาง น่าจะพอต่อการรับแขกได้ทุกโต๊ะ
พอจอดรถ ก็เห็นหน้าร้านเฮือนธารา แบบนี้ครับ ^ ^
เดินเข้าไปหน่อย ก็จะเจอป้ายร้านแบบนี้ ดูขลังๆดี เหอๆ
บรรยากาศในร้านครับ โล่งโปร่งสบาย ผมไปทานกับคุณแฟนตอนกลางวัน แดดจ้า แต่ก็ไม่ร้อน เพราะเพดานสูงมีพัดลมให้ ซึ่งจริงๆ ทำเลริมแม่น้ำ ก็เย็นสบายอยู่แล้วครับ
ภาพนี้ยืนยัน ว่าร้านเฮือนธารา อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาจริงๆนะเออ ^ ^ (ตอนเย็นๆ น่าจะได้เห็นพระอาทิตย์ตกล่ะครับ ที่ร้านนี้)
นอกจากโซนโต๊ะทานอาหารที่เห็นแล้ว เค้าก็มีห้องจัดเลี้ยงเล็กๆ สำหรับผู้มาเป็นกลุ่มย่อยๆอยู่สองห้องครับ เป็นห้องกระจกน่าจะติดแอร์ (ไม่ได้ถ่ายรูปมาครับ)
ให้ดูบรรยากาศสวยๆของร้านไปแล้ว ก็มาดูเมนูอาหารกันบ้างดีกว่า คุณแฟนเป็นคนเลือกทั้งหมดครับ ^ ^
เริ่มด้วยออร์เดิร์ฟของร้านเฮือนธารา ที่มาในสไตล์เหนือแท้ๆ มาด้วยไส้อั่ว แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม และแหนมซี่โครงหมูทอด ซึ่งเสิร์ฟมาพร้อมกับผักและถั่วคั่ว
และนี่คือลาบเหนือครับ ผมว่าอร่อยดี มีผักมาให้ด้วย ^ ^
สุดท้าย ขอกินอาหารไม่เหนือกันหน่อย กับต้มยำปลาช่อน มีเห็ดฟางมาให้ด้วย รสชาติเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด เผ็ดกำลังดี ^ ^
สรุป เฮือนธารา เป็นร้านอาหารที่ดี น่าไปเติมเต็มท้องมากๆร้านหนึ่งครับ
เริ่มจากที่จอดรถมี บรรยากาศดี วิวได้ อาหารก็อร่อย ครบเครื่องครับ ^ ^
ใครแวะไปนครสวรรค์ สนใจก็ลองไปแวะชิมได้ครับ ร้านอยู่เส้นถนนริมน้ำฝั่งศาลากลาง ขับไปทางครัวชาลี ตรงไปเรื่อยๆครับ อยู่เลยร้านครัวชาลีไปนิดหน่อย ^ ^
ไปกินมาแล้วก็รู้สึกว่าโอเค น่าประทับใจ ... ลองชมกันดูเลยจ้า ^ ^
หน้าร้านของร้านเฮือนธารามีที่จอดรถกว้างขวาง น่าจะพอต่อการรับแขกได้ทุกโต๊ะ
พอจอดรถ ก็เห็นหน้าร้านเฮือนธารา แบบนี้ครับ ^ ^
เดินเข้าไปหน่อย ก็จะเจอป้ายร้านแบบนี้ ดูขลังๆดี เหอๆ
บรรยากาศในร้านครับ โล่งโปร่งสบาย ผมไปทานกับคุณแฟนตอนกลางวัน แดดจ้า แต่ก็ไม่ร้อน เพราะเพดานสูงมีพัดลมให้ ซึ่งจริงๆ ทำเลริมแม่น้ำ ก็เย็นสบายอยู่แล้วครับ
ภาพนี้ยืนยัน ว่าร้านเฮือนธารา อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาจริงๆนะเออ ^ ^ (ตอนเย็นๆ น่าจะได้เห็นพระอาทิตย์ตกล่ะครับ ที่ร้านนี้)
นอกจากโซนโต๊ะทานอาหารที่เห็นแล้ว เค้าก็มีห้องจัดเลี้ยงเล็กๆ สำหรับผู้มาเป็นกลุ่มย่อยๆอยู่สองห้องครับ เป็นห้องกระจกน่าจะติดแอร์ (ไม่ได้ถ่ายรูปมาครับ)
ให้ดูบรรยากาศสวยๆของร้านไปแล้ว ก็มาดูเมนูอาหารกันบ้างดีกว่า คุณแฟนเป็นคนเลือกทั้งหมดครับ ^ ^
เริ่มด้วยออร์เดิร์ฟของร้านเฮือนธารา ที่มาในสไตล์เหนือแท้ๆ มาด้วยไส้อั่ว แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม และแหนมซี่โครงหมูทอด ซึ่งเสิร์ฟมาพร้อมกับผักและถั่วคั่ว
และนี่คือลาบเหนือครับ ผมว่าอร่อยดี มีผักมาให้ด้วย ^ ^
สุดท้าย ขอกินอาหารไม่เหนือกันหน่อย กับต้มยำปลาช่อน มีเห็ดฟางมาให้ด้วย รสชาติเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด เผ็ดกำลังดี ^ ^
สรุป เฮือนธารา เป็นร้านอาหารที่ดี น่าไปเติมเต็มท้องมากๆร้านหนึ่งครับ
เริ่มจากที่จอดรถมี บรรยากาศดี วิวได้ อาหารก็อร่อย ครบเครื่องครับ ^ ^
ใครแวะไปนครสวรรค์ สนใจก็ลองไปแวะชิมได้ครับ ร้านอยู่เส้นถนนริมน้ำฝั่งศาลากลาง ขับไปทางครัวชาลี ตรงไปเรื่อยๆครับ อยู่เลยร้านครัวชาลีไปนิดหน่อย ^ ^
Royal Pavilion Hua Hin โรงแรมรีสอร์ทใหม่ ใจกลางหัวหิน!!
Royal Pavilion Hua Hin - รอยัลพาวิลเลี่ยน หัวหิน
สำหรับใครที่กำลังมองหาที่พักใหม่ๆ ก็ขอแนะนำโรงแรมรีสอร์ทเปิดใหม่ล่าสุดที่หัวหินที่ชื่อว่า รอยัล พาวิลเลี่ยนหัวหิน ให้รู้จักกันหน่อย ^ ^
ที่รอยัลพาวิลเลี่ยนนี้ จะเป็นโรงแรมที่อยู่ย่านใจกลางหัวหิน อยู่เส้นระหว่างเพลินวานกับตลาดโต้รุ่งน่ะครับ เรียกว่าทำเลดีพอควรเลยล่ะ
แล้วห้องพักของที่นี่ก็ตกแต่งได้สวยหรูในแบบสบายตาด้วยล่ะครับ น่าพักมากๆ และที่สำคัญ เพิ่งเปิดใหม่เอง อะไรต่อมิอะไรก็ยังใหม่เอี่ยม ^ ^
หน้าตาโรงแรมก็แบบนี้ครับ มีตัวหนังสือเด่นๆว่า Royal Pavilion
จุดเด่นที่มองข้ามไม่ได้คือ ห้องพักของที่นี่เค้ามี Living Area ในทุกๆห้อง ไม่ได้สักแต่ว่ายัดโซฟาเข้ามาไว้ในห้องนอนที่ดูเบียดเสียดยัดเยียด แต่มันเป็นมุม Living ที่แยกออกมาเลย ทำให้ในห้องดูมีพื้นที่ใช้สอยอยู่เยอะ โปร่ง สบายตา ... พูดง่ายๆก็คือที่นี่ยังกะคอนโดชั้นดีที่ตกแต่งสวยเสร็จสรรพแล้วนั่นเอง
อย่างในรูปด้านล่างนี้ เป็นภาพของห้องราคาถูกสุดของทางโรงแรมเค้านะครับ (เท่าที่ดูหน้าเวบ ราคาก็แค่ 2,100 บาท) พื้นที่ Living Area ที่จัดเต็มจริงๆ
ลืมบอกอีกอย่าง ที่นี่ไม่กั๊กระเบียงครับ มีให้ทุกห้อง ไม่ว่าจะห้องถูกห้องแพง
รวมๆผมชอบพื้นที่ใช้สอยในห้องพักครับ มีระเบียง มีมุมโน้นมุมนี้ ไม่รู้สึกอุดอู้กับห้องพักโรงแรมที่ส่วนใหญ่มีแต่ห้องสี่เหลี่ยมเอาไว้นอน แล้วก็แปะห้องน้ำเข้าไปในห้องเฉยๆ
อ้อ อีกอย่างก็คือ ที่นี่เหมาะแก่การพักแบบครอบครัวด้วยครับ เพราะว่ามีห้องพักแบบสองห้องนอนถึงสองแบบเลย ^ ^
ใครสนใจที่พักดีๆแบบนี้ ก็ลองดูรายละเอียดของ Royal Pavilion Hua Hin ได้ทางเวบไซต์ http://royalpavilionhuahin.com
หรือติดต่อได้ทางเบอร์โทร 032-513188 ครับ ^ ^
สำหรับใครที่กำลังมองหาที่พักใหม่ๆ ก็ขอแนะนำโรงแรมรีสอร์ทเปิดใหม่ล่าสุดที่หัวหินที่ชื่อว่า รอยัล พาวิลเลี่ยนหัวหิน ให้รู้จักกันหน่อย ^ ^
ที่รอยัลพาวิลเลี่ยนนี้ จะเป็นโรงแรมที่อยู่ย่านใจกลางหัวหิน อยู่เส้นระหว่างเพลินวานกับตลาดโต้รุ่งน่ะครับ เรียกว่าทำเลดีพอควรเลยล่ะ
แล้วห้องพักของที่นี่ก็ตกแต่งได้สวยหรูในแบบสบายตาด้วยล่ะครับ น่าพักมากๆ และที่สำคัญ เพิ่งเปิดใหม่เอง อะไรต่อมิอะไรก็ยังใหม่เอี่ยม ^ ^
หน้าตาโรงแรมก็แบบนี้ครับ มีตัวหนังสือเด่นๆว่า Royal Pavilion
จุดเด่นที่มองข้ามไม่ได้คือ ห้องพักของที่นี่เค้ามี Living Area ในทุกๆห้อง ไม่ได้สักแต่ว่ายัดโซฟาเข้ามาไว้ในห้องนอนที่ดูเบียดเสียดยัดเยียด แต่มันเป็นมุม Living ที่แยกออกมาเลย ทำให้ในห้องดูมีพื้นที่ใช้สอยอยู่เยอะ โปร่ง สบายตา ... พูดง่ายๆก็คือที่นี่ยังกะคอนโดชั้นดีที่ตกแต่งสวยเสร็จสรรพแล้วนั่นเอง
อย่างในรูปด้านล่างนี้ เป็นภาพของห้องราคาถูกสุดของทางโรงแรมเค้านะครับ (เท่าที่ดูหน้าเวบ ราคาก็แค่ 2,100 บาท) พื้นที่ Living Area ที่จัดเต็มจริงๆ
ลืมบอกอีกอย่าง ที่นี่ไม่กั๊กระเบียงครับ มีให้ทุกห้อง ไม่ว่าจะห้องถูกห้องแพง
รวมๆผมชอบพื้นที่ใช้สอยในห้องพักครับ มีระเบียง มีมุมโน้นมุมนี้ ไม่รู้สึกอุดอู้กับห้องพักโรงแรมที่ส่วนใหญ่มีแต่ห้องสี่เหลี่ยมเอาไว้นอน แล้วก็แปะห้องน้ำเข้าไปในห้องเฉยๆ
อ้อ อีกอย่างก็คือ ที่นี่เหมาะแก่การพักแบบครอบครัวด้วยครับ เพราะว่ามีห้องพักแบบสองห้องนอนถึงสองแบบเลย ^ ^
ใครสนใจที่พักดีๆแบบนี้ ก็ลองดูรายละเอียดของ Royal Pavilion Hua Hin ได้ทางเวบไซต์ http://royalpavilionhuahin.com
หรือติดต่อได้ทางเบอร์โทร 032-513188 ครับ ^ ^
Fuji X-E1 การกลับมาของกล้อง Mirrorless เทพ ในราคาที่ถูกลง!!
Fuji X-E1 คือกล้องรุ่นใหม่ของ Fuji ที่เพิ่งเปิดเผยตัวออกมา
หากดูหน้าตาของมันแล้ว ... อ้าวว!! ดูยังไงๆ มันก็คือ Fuji XPro1 ที่ตัดเอา Optical Viewfinder ออกไม่ใช่หรือนั่นน่ะ!!
ดูๆแล้ว มีส่วนต่างบ้าง แต่บอดี้โดยรวม ดูยังไง๊ยังไง มันก็คือ Fuji XPro1
ลองเทียบกันดูเลยครับ ภาพนี้คือ Fuji X-E1 ซึ่งเป็นภาพของกล้อง Mirrorless รุ่นใหม่ล่าสุดของฟูจิ
และภาพด้านล่างนี้คือ Fuji XPro1
โหวววว..... จากภาพ ดูยังไงๆ Fuji X-E1 ก็คือ Fuji XPro1 ที่โดนหั่นออพชั่นเป๊ะๆเลย!!
ดังนั้น มันจึงอนุมานสเปคของ Fuji X-E1 ได้คร่าวๆ แม้ทางฟูจิจะยังไม่ได้หลุดสเปคออกมาก็ตาม!!
ว่าสเปคของมันต้องแทบจะเหมือนกันแน่ๆ โดยเฉพาะ "ไฟล์ภาพ"
และด้าน "ราคา" ก็ต้องถูกกว่า Fuji XPro1 แน่นอน
*อัพเดท!!
ที่อนุมานไว้เป็นเรื่องจริง และที่น่าทึ่งคือ "ราคา"!!
สเปคของกล้อง Fuji X-E1 ตามนี้ครับ
และสุดท้าย "ราคา" ... เจ้า Fuji X-E1 สนนราคาต่ำกว่า 1,000 US dollars!!
นั่นหมายความว่า ราคามันน่าจะอยู่ที่ประมาณ 29,900 บาท!! หรือถูกกว่า!!
ถ้าราคานี้จริง ผมว่าขายดีแน่ๆ เพราะไฟล์ภาพของเจ้านี่น่ะ มันดีกว่า DSLR APS-C Sensor ทุกตัว!! พร้อมด้วย resolution ที่ดีกว่ากล้อง Full Frame!! ดังนั้นถ้าราคาแค่นี้ ต่อให้เหล่าสาวกค่ายอื่นเหนี่ยวแน่นก็ต้องมีหวั่นๆกันบ้าง!! ยิ่งแฟนๆของ Mirrorless อยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องคิดมากเลยครับ!! เพราะคุณจะได้ภาพที่ใกล้เคียงกล้อง Full frame ในตัวกล้องราคาประมาณ 30,000 บาท ซึ่งตอนนี้ เวลานี้ ไม่มีกล้องรุ่นใดทำได้!!
ดังนั้น ใครที่ชมชอบและชื่นชอบความเทพในด้านไฟล์ภาพของ Fuji X-Pro1 (Resolution ดีกว่า Full Frame หลักแสน ส่วน ISO สูงๆก็เนียนเกือบจะใกล้เคียง) แต่ดันไม่มีทุนทรัพย์หนาขนาดจะไปสอยเจ้า X-Pro1 มาครอง
ผมว่า Fuji X-E1 จะเป็นทางเลือกที่เหมาะมากสำหรับคุณ
แต่อย่างไรก็ตาม ในด้านความคลาสสิค ... Optical Viewfinder ที่หายไป มันรุนแรงมากอยู่เหมือนกัน
บอดี้ของ Fuji X-E1 จึงได้ออกรุ่นสีเงิน ออกมาเอาอกเอาใจคนชอบความคลาสสิคกันหน่อย ว่าแม้ของหลักๆอย่าง Optical Viewfinder จะหายไป แต่บอดี้อันสุดแสนคลาสสิคนี้ ทาง Fuji ออกแบบมาให้ได้เลือกยลกันสองแบบตามความต้องการ
ตามรูปครับ สีเงินดูสวยมากครับ
นอกจากนั้น จากภาพด้านบน เราจะเห็นว่ามีเลนส์ในช่วงสบายๆ ออกมาให้ใช้ด้วย!! กับ Fuji 18-55mm f2.8-4 ซึ่งแต่เดิมมีแต่เลนส์ฟิกที่คอยเอาใจพวกอาร์ตตัวพ่อเท่านั้น มาครั้งนี้ ทาง Fuji ก็ได้ออกเลนส์เอาใจกลุ่มทั่วๆไปด้วย โดยเริ่ม f ที่ 2.8 ที่นับว่าแจ่มมากเช่นกัน
ใครเล็งจะออก Fuji XPro1 คงต้องชะงักกันนิดละครับงานนี้
ว่าระหว่าง "ไฟล์รูปเหมือนกัน ในราคาที่ถูกลง" กับ "Optical Viewfiner" คุณจะซื้ออะไร!!
(แต่ผมยังคิดว่า Fuji XPro1 น่าจะยังขายดีอยู่นะ สำหรับคนชอบความคลาสสิค เจ้า Optical Viewfinder มันโคตรสำคัญเลยน้าาาา!!)
ภาพตัวอย่าง Sample Gallery ของ Fuji X-E1 ถูกปล่อยออกมาจากเวบไซต์จอง Fujifilm แล้วครับ!!
ตามไปดูภาพเพิ่มเติมได้ที่เวบ http://www.fujifilm.com/products/digital_cameras/x/fujifilm_x_e1/sample_images/ กันได้นะครับ
จะเห็นว่าภาพต้นฉบับ สีไฟล์นุ่มนวลเป็นธรรมชาติมาก ซึ่งน่าจะเป็นการตั้งค่าสีแบบพื้นสุดจากตัวกล้องครับ โทนสีแบบนี้ หากชอบสีสดๆ ส่วนตัวมองว่าแค่เร่ง saturation หน่อยเดียว สดสวยแน่ๆครับ ... ว่าแล้วก็ลองทำดูหน่อย
ส่วนตัวเลยมองว่าโทนสีของ Fuji X-E1 นี่สวยมากครับ ไฟล์ต้นฉบับ ถ้าถ่ายปกติไว้ก่อน เอามาแต่งง่ายมาก
ครั้นอยากได้สดจากตัวกล้องเลย ก็แค่ตั้งค่าในกล้องนิดหน่อย ก็ทำภาพให้สดแจ่มได้ง่ายๆครับ ... เหมาะกับคนที่ถ่ายรูปทั้งที่ต้องการแบบจบในกล้อง หรือว่าจะนำไปแต่งต่อ ก็ได้ทั้งนั้นครับ (แต่ส่วนตัวมองว่าสีปกตินี่มีเสน่ห์ดีนะครับ ละมุนดี)
หากดูหน้าตาของมันแล้ว ... อ้าวว!! ดูยังไงๆ มันก็คือ Fuji XPro1 ที่ตัดเอา Optical Viewfinder ออกไม่ใช่หรือนั่นน่ะ!!
ดูๆแล้ว มีส่วนต่างบ้าง แต่บอดี้โดยรวม ดูยังไง๊ยังไง มันก็คือ Fuji XPro1
ลองเทียบกันดูเลยครับ ภาพนี้คือ Fuji X-E1 ซึ่งเป็นภาพของกล้อง Mirrorless รุ่นใหม่ล่าสุดของฟูจิ
และภาพด้านล่างนี้คือ Fuji XPro1
โหวววว..... จากภาพ ดูยังไงๆ Fuji X-E1 ก็คือ Fuji XPro1 ที่โดนหั่นออพชั่นเป๊ะๆเลย!!
ดังนั้น มันจึงอนุมานสเปคของ Fuji X-E1 ได้คร่าวๆ แม้ทางฟูจิจะยังไม่ได้หลุดสเปคออกมาก็ตาม!!
ว่าสเปคของมันต้องแทบจะเหมือนกันแน่ๆ โดยเฉพาะ "ไฟล์ภาพ"
และด้าน "ราคา" ก็ต้องถูกกว่า Fuji XPro1 แน่นอน
*อัพเดท!!
ที่อนุมานไว้เป็นเรื่องจริง และที่น่าทึ่งคือ "ราคา"!!
สเปคของกล้อง Fuji X-E1 ตามนี้ครับ
- เซนเซอร์ 16 ล้านพิกเซล ตัวเดียวกับ Fuji X-Pro1 ... อ๊าคคค!! แจ่มแมว!! (พอเห็นราคา จะร้องอ๊าค ยาวขึ้น)
- บอดี้เป็นแมกนีเซี่ยม อ้าวว อย่างนี้ก็หรูสิครับ!!
- บอกว่าโฟกัสเร็วกว่าเดิม (ถ้าอันนี้จริง กล้องเกรดนี้ของฟูจิ จะแทบไม่มีที่ติเลย เพราะตอนนี้ติกันเรื่องโฟกัสเรื่องเดียวจริงๆ)
- ถ่ายรูปรัว 6 รูปต่อวินาที
- ถ่ายวิดีโอแบบเดียวกับ X-Pro1
- แม้ไม่มี OVF แต่มี EVF มาให้!!
- มีสองสีคือดำกับเงิน
และสุดท้าย "ราคา" ... เจ้า Fuji X-E1 สนนราคาต่ำกว่า 1,000 US dollars!!
นั่นหมายความว่า ราคามันน่าจะอยู่ที่ประมาณ 29,900 บาท!! หรือถูกกว่า!!
ถ้าราคานี้จริง ผมว่าขายดีแน่ๆ เพราะไฟล์ภาพของเจ้านี่น่ะ มันดีกว่า DSLR APS-C Sensor ทุกตัว!! พร้อมด้วย resolution ที่ดีกว่ากล้อง Full Frame!! ดังนั้นถ้าราคาแค่นี้ ต่อให้เหล่าสาวกค่ายอื่นเหนี่ยวแน่นก็ต้องมีหวั่นๆกันบ้าง!! ยิ่งแฟนๆของ Mirrorless อยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องคิดมากเลยครับ!! เพราะคุณจะได้ภาพที่ใกล้เคียงกล้อง Full frame ในตัวกล้องราคาประมาณ 30,000 บาท ซึ่งตอนนี้ เวลานี้ ไม่มีกล้องรุ่นใดทำได้!!
ดังนั้น ใครที่ชมชอบและชื่นชอบความเทพในด้านไฟล์ภาพของ Fuji X-Pro1 (Resolution ดีกว่า Full Frame หลักแสน ส่วน ISO สูงๆก็เนียนเกือบจะใกล้เคียง) แต่ดันไม่มีทุนทรัพย์หนาขนาดจะไปสอยเจ้า X-Pro1 มาครอง
ผมว่า Fuji X-E1 จะเป็นทางเลือกที่เหมาะมากสำหรับคุณ
แต่อย่างไรก็ตาม ในด้านความคลาสสิค ... Optical Viewfinder ที่หายไป มันรุนแรงมากอยู่เหมือนกัน
บอดี้ของ Fuji X-E1 จึงได้ออกรุ่นสีเงิน ออกมาเอาอกเอาใจคนชอบความคลาสสิคกันหน่อย ว่าแม้ของหลักๆอย่าง Optical Viewfinder จะหายไป แต่บอดี้อันสุดแสนคลาสสิคนี้ ทาง Fuji ออกแบบมาให้ได้เลือกยลกันสองแบบตามความต้องการ
ตามรูปครับ สีเงินดูสวยมากครับ
นอกจากนั้น จากภาพด้านบน เราจะเห็นว่ามีเลนส์ในช่วงสบายๆ ออกมาให้ใช้ด้วย!! กับ Fuji 18-55mm f2.8-4 ซึ่งแต่เดิมมีแต่เลนส์ฟิกที่คอยเอาใจพวกอาร์ตตัวพ่อเท่านั้น มาครั้งนี้ ทาง Fuji ก็ได้ออกเลนส์เอาใจกลุ่มทั่วๆไปด้วย โดยเริ่ม f ที่ 2.8 ที่นับว่าแจ่มมากเช่นกัน
ใครเล็งจะออก Fuji XPro1 คงต้องชะงักกันนิดละครับงานนี้
ว่าระหว่าง "ไฟล์รูปเหมือนกัน ในราคาที่ถูกลง" กับ "Optical Viewfiner" คุณจะซื้ออะไร!!
(แต่ผมยังคิดว่า Fuji XPro1 น่าจะยังขายดีอยู่นะ สำหรับคนชอบความคลาสสิค เจ้า Optical Viewfinder มันโคตรสำคัญเลยน้าาาา!!)
-------------------------------------------------------------------
ภาพตัวอย่าง Sample Gallery ของ Fuji X-E1 ถูกปล่อยออกมาจากเวบไซต์จอง Fujifilm แล้วครับ!!
ตามไปดูภาพเพิ่มเติมได้ที่เวบ http://www.fujifilm.com/products/digital_cameras/x/fujifilm_x_e1/sample_images/ กันได้นะครับ
จะเห็นว่าภาพต้นฉบับ สีไฟล์นุ่มนวลเป็นธรรมชาติมาก ซึ่งน่าจะเป็นการตั้งค่าสีแบบพื้นสุดจากตัวกล้องครับ โทนสีแบบนี้ หากชอบสีสดๆ ส่วนตัวมองว่าแค่เร่ง saturation หน่อยเดียว สดสวยแน่ๆครับ ... ว่าแล้วก็ลองทำดูหน่อย
ส่วนตัวเลยมองว่าโทนสีของ Fuji X-E1 นี่สวยมากครับ ไฟล์ต้นฉบับ ถ้าถ่ายปกติไว้ก่อน เอามาแต่งง่ายมาก
ครั้นอยากได้สดจากตัวกล้องเลย ก็แค่ตั้งค่าในกล้องนิดหน่อย ก็ทำภาพให้สดแจ่มได้ง่ายๆครับ ... เหมาะกับคนที่ถ่ายรูปทั้งที่ต้องการแบบจบในกล้อง หรือว่าจะนำไปแต่งต่อ ก็ได้ทั้งนั้นครับ (แต่ส่วนตัวมองว่าสีปกตินี่มีเสน่ห์ดีนะครับ ละมุนดี)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)