บางคนอาจจะกำลังงงๆ ว่าทำไมตัวเองถึงได้ง่วงอะไรขนาดนี้ในช่วงบ่ายๆ บางทีเช้าๆใกล้เที่ยงก็เริ่มจะง่วงแล้ว แต่พอเลิกงาน 4 โมงเย็น กลับหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง นี่มันอะไรกันเนี่ย? ขี้เกียจเวลางานเลยง่วง พอเลิกงานก็ลันล้างั้นสินะ ... ยังงั้นหรือ?
จริงๆแล้ว สาเหตุของความง่วง อาจจะไม่ใช่เพราะเราขี้เกียจก็ได้ครับ!!
ในออฟฟิส หรือสถานที่ทำงานหลายๆแห่งนั้น มีปัญหาที่ "ระบบระบายอากาศ" ครับ!!
และนั่นต่างหากที่เป็นสาเหตุของความง่วง!!
ในยามปกติที่อากาศมี Oxygen พอเพียงนั้น เราจะไม่ค่อยง่วงครับ แต่เมื่อใดก็ตามที่ Oxygen ลดลงมากล่ะก็ ความง่วงจะถามหาทันที!! เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้!!
และสาเหตุที่ทำให้ Oxygen มีน้อยลงนั้น ก็เพราะระบบระบายอากาศในห้องที่ทำได้ไม่ดีพอนั่นเอง!!
วิธีสังเกตง่ายๆ ว่าห้องคุณอาจจะเจอภาวะออกซิเจนไม่เพียงพอหรือไม่นั้น ก็ลองดูตามนี้แค่ 2 ข้อครับ
1. ห้องนั้นเป็นห้องติดแอร์ ปิดทึบ แม้มีหน้าต่างก็เป็นกระจก ไม่มีพัดลมระบายอากาศ(หรือมีแต่ไม่เปิด)
2. ดูจากสัดส่วนห้องและปริมาณคนทำงานในห้อง ถือว่าคับแคบ
ถ้าห้องทำงานคุณเป็นอย่าง 2 ข้อที่ว่ามาล่ะก็ โอกาสที่เกิดเพราะขาดออกซิเจนนั้น เป็นไปได้สูงเลยล่ะครับ
เพราะคนส่วนใหญ่มีความเชื่อผิดๆที่ว่า ถ้าเปิดแอร์ล่ะก็ ต้องปิดหน้าต่างให้สนิทและปิดพัดลมระบายอากาศ และ การเปิดแอร์คือการระบายอากาศแล้ว ซึ่งมันผิดมหันต์!!
จริงๆก็มีส่วนถูกครับ คือทำแบบนั้นห้องจะเย็นเร็ว และประหยัดไฟ
แต่จริงๆแล้ว คุณควรจะพักห้องแล้วเปิดพัดลมระบายอากาศบ้างครับ ทำวันละครั้ง ตอนเที่ยงก็ยังดีครับ
ยกตัวอย่างเช่น เปิดแอร์มาตั้งแต่เช้า พอตอนเที่ยงไปทานอาหาร ก็เปิดพัดลมระบายอากาศทิ้งไว้ตอนเที่ยงสักครึ่งชม. พอมาทำงานก็ปิดพัดลม เปิดแอร์ตามปกติ ... เป็นต้น
เพราะการที่เราเปิดแอร์อย่างเดียว ไม่มีการระบายอากาศในห้องนั้น พอผ่านไปครึ่งวัน ออกซิเจนจะลดลงแล้วล่ะครับ!! เพราะคนในห้องใช้ Oxygen แล้วก็คายคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเรื่อยๆ หากทั้งวัน คุณไม่ระบายอากาศบ้างเลย พอตกบ่ายก็จะได้ง่วงกันจนแทบจะทำงานไม่ไหวอย่างที่เห็นครับ
...
อย่างไรก็ตาม บางทีคุณอาจจะคิดว่า "จริงหรือ" เอาอะไรมาเป็นหลักฐานดีล่ะ? เผื่อจะแจ้งผู้บริหารให้ติดพัดลมดูดอากาศให้ได้ แต่ต้องมีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าในห้องนั้น ออกซิเจนน้อยจริงๆ
คุณก็สามารถหาหน่วยงานที่มีเครื่องตรวจวัดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ มาวัดให้ก็ได้ครับ พวกที่ทำงานเกี่ยวกับอาชีวอนามัยน่ะครับ ลองๆหาประสานดู ให้เค้ามาวัดให้
ถ้าผลวัดออกมาพบว่า ตอนบ่ายๆ มีค่าคาร์บอนไดออกไซด์เกิน 1,000 ล่ะก็ แสดงว่าห้องคุณประสบปัญหาขาดแคลนออกซิเจนจริงๆแล้วครับ (ซึ่งมันจะแปรผันตรงกับปริมาณออกซิเจน ถ้าคาร์บอนไดออกไซด์มาก ออกซิเจนจะน้อย)
ก็ลองดูครับ เหล่าหนุ่มสาวออฟฟิสหลายๆคนก็งงๆตัวเองอยู่ว่าทำไมมันง่วงนัก
ผู้บริหารก็หักเงินเดือนประจำว่าลูกน้องแอบหลับแอบงีบ
... แต่แท้จริงแล้ว ตัวการก็คือออกซิเจนที่น้อยนั่นเองครับ ลองทดสอบดูครับ ^ ^
รีวิวโรงแรมเซ็นทารา อุดรธานี ^ ^ : Centara Hotel & Convention Centre Udon Thani
ตามที่ได้เล่าให้ฟังแล้ว ว่าได้มาประชุมที่ Centara Hotel & Convention Centre Udon Thani (แต่ได้พักที่พรรณราย) นั้น
รอบนี้ก็ขอรีวิวแบบคร่าวๆกับโรงแรม Centara Hotel & Convention Centre Udon Thani มาให้ชมกันหน่อย จริงๆก็ไม่ได้พักที่นี่หรอกครับ แค่ประชุม แต่ก็ถือว่าพอจะมีโอกาสได้ชมไลน์อาหารเช้า และส่วนของล็อบบี้มาบ้าง (ตอนกลางวันทานที่ห้องอาหารที่เซ็นทาราน่ะครับ ถามคนที่พักที่เซ็นทาราแล้ว เค้าบอกว่าไลน์เดียวกับอาหารเช้าเลยล่ะ)
แต่เอาเป็นว่า ก่อนอื่นพาชมห้องประชุมก่อนแล้วกัน ... ห้องศรีอะไรเมืองๆไม่รู้ จำชื่อไม่ได้ ^ ^"
ดูๆแล้ว ถ้าใครอยากมาจัดงานแต่งงาน หรือจัดเลี้ยงงานแต่งงานหรูๆดีๆในอุดรธานี ผมว่าเซ็นทาราอุดรธานีก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆครับ
ห้องประชุมกว้างขวางดี ตกแต่งเรียบๆก็ยังออกมาสวย ถ้าแต่งมากๆก็น่าจะดูดีขึ้นไปอีก
มาดูโซนล็อบบี้ของเซ็นทาราอุดรฯกันบ้างครับ
ก็ดูยิ่งใหญ่หรูหราดีแหละครับ แต่ยังไม่มีจุดเด่นอะไรมาก หากเทียบกับโรงแรมรีสอร์ทตัวท๊อปของเซ็นทาราในไทยที่อื่นๆ แต่สำหรับในจังหวัดอุดรธานี ที่นี่ก็น่าจะเป็นอันดับต้นๆล่ะครับ
หันมาทางรีเซปชั่นซะหน่อย
สำหรับไลน์อาหารเช้าของที่นี่ ก็จัดว่าโอเคดี สมกับระดับของโรงแรมครับ
มีอาหารคาวพวกข้าว ข้าวผัด กับข้าว อาหารเช้าแบบอเมริกัน แล้วก็ก๋วยเตี๋ยว ซูชิ ขนมจีน ติ่มซำ สเต๊ก ขนมเค้ก ขนมปัง ซีซ่าร์สลัด ขนมจีน ... เท่าที่จำได้อ่ะนะครับ
เอาเป็นว่าดูตามรูปแล้วกัน ^ ^ เริ่มด้วยขนมปังต่างๆ
ถัดมาเป็นโซนสลัด มีน้ำสลัดตั้ง 8 อย่างแน่ะ โอเคทีเดียว
ตรงนี้ขนมจีนครับ มีเครื่องเคียงเยอะ จัดหนัก แล้วก็มีน้ำขนมจีนอยู่ 4 อย่างให้เลือก
มาดูโซนอาหารหลักของคนไทยอย่างเช่น ข้าว + กับข้าว กันบ้าง ^ ^
หอยแมลงภู่กับกุ้งตัวใหญ่ๆก็มี
ปิดท้ายด้วยรูปบรรยากาศของห้องอาหารเช้ากันหน่อย (แต่ในภาพนี่กินบุฟเฟ่ต์เที่ยง จากการประชุมน่ะครับ ^ ^)
ก็เป็นโรงแรมระดับหลายดาวในอุดรธานีที่น่าสนใจดีครับ สำหรับ Centara Hotel & Convention Centre Udon Thani แห่งนี้
อย่างน้อยๆแม้ผมจะไม่ได้พักในห้องพัก แต่เห็นไลน์อาหารเช้าแล้ว ก็พอจะนึกภาพรวมๆออก คนที่เน้นอาหารเช้าดีๆ มีให้เลือกเยอะหน่อย (ไม่ได้มีแค่อเมริกันเบรคฟาสต์ กับข้าวเปล่า ข้าวผัด กับข้่าว 3-4 อย่าง ... ก็แล้วกัน) ยังไงก็มาลองพักดูได้ครับ ^ ^
รอบนี้ก็ขอรีวิวแบบคร่าวๆกับโรงแรม Centara Hotel & Convention Centre Udon Thani มาให้ชมกันหน่อย จริงๆก็ไม่ได้พักที่นี่หรอกครับ แค่ประชุม แต่ก็ถือว่าพอจะมีโอกาสได้ชมไลน์อาหารเช้า และส่วนของล็อบบี้มาบ้าง (ตอนกลางวันทานที่ห้องอาหารที่เซ็นทาราน่ะครับ ถามคนที่พักที่เซ็นทาราแล้ว เค้าบอกว่าไลน์เดียวกับอาหารเช้าเลยล่ะ)
แต่เอาเป็นว่า ก่อนอื่นพาชมห้องประชุมก่อนแล้วกัน ... ห้องศรีอะไรเมืองๆไม่รู้ จำชื่อไม่ได้ ^ ^"
ดูๆแล้ว ถ้าใครอยากมาจัดงานแต่งงาน หรือจัดเลี้ยงงานแต่งงานหรูๆดีๆในอุดรธานี ผมว่าเซ็นทาราอุดรธานีก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆครับ
ห้องประชุมกว้างขวางดี ตกแต่งเรียบๆก็ยังออกมาสวย ถ้าแต่งมากๆก็น่าจะดูดีขึ้นไปอีก
มาดูโซนล็อบบี้ของเซ็นทาราอุดรฯกันบ้างครับ
ก็ดูยิ่งใหญ่หรูหราดีแหละครับ แต่ยังไม่มีจุดเด่นอะไรมาก หากเทียบกับโรงแรมรีสอร์ทตัวท๊อปของเซ็นทาราในไทยที่อื่นๆ แต่สำหรับในจังหวัดอุดรธานี ที่นี่ก็น่าจะเป็นอันดับต้นๆล่ะครับ
หันมาทางรีเซปชั่นซะหน่อย
สำหรับไลน์อาหารเช้าของที่นี่ ก็จัดว่าโอเคดี สมกับระดับของโรงแรมครับ
มีอาหารคาวพวกข้าว ข้าวผัด กับข้าว อาหารเช้าแบบอเมริกัน แล้วก็ก๋วยเตี๋ยว ซูชิ ขนมจีน ติ่มซำ สเต๊ก ขนมเค้ก ขนมปัง ซีซ่าร์สลัด ขนมจีน ... เท่าที่จำได้อ่ะนะครับ
เอาเป็นว่าดูตามรูปแล้วกัน ^ ^ เริ่มด้วยขนมปังต่างๆ
ถัดมาเป็นโซนสลัด มีน้ำสลัดตั้ง 8 อย่างแน่ะ โอเคทีเดียว
ตรงนี้ขนมจีนครับ มีเครื่องเคียงเยอะ จัดหนัก แล้วก็มีน้ำขนมจีนอยู่ 4 อย่างให้เลือก
มาดูโซนอาหารหลักของคนไทยอย่างเช่น ข้าว + กับข้าว กันบ้าง ^ ^
หอยแมลงภู่กับกุ้งตัวใหญ่ๆก็มี
ปิดท้ายด้วยรูปบรรยากาศของห้องอาหารเช้ากันหน่อย (แต่ในภาพนี่กินบุฟเฟ่ต์เที่ยง จากการประชุมน่ะครับ ^ ^)
ก็เป็นโรงแรมระดับหลายดาวในอุดรธานีที่น่าสนใจดีครับ สำหรับ Centara Hotel & Convention Centre Udon Thani แห่งนี้
อย่างน้อยๆแม้ผมจะไม่ได้พักในห้องพัก แต่เห็นไลน์อาหารเช้าแล้ว ก็พอจะนึกภาพรวมๆออก คนที่เน้นอาหารเช้าดีๆ มีให้เลือกเยอะหน่อย (ไม่ได้มีแค่อเมริกันเบรคฟาสต์ กับข้าวเปล่า ข้าวผัด กับข้่าว 3-4 อย่าง ... ก็แล้วกัน) ยังไงก็มาลองพักดูได้ครับ ^ ^
รีวิว The Pannarai Hotel : โรงแรมพรรณราย เปิดใหม่!! ^ ^ อุดรธานี
ได้แวะมาประชุมที่อุดรธานีน่ะครับ แล้วก็ได้เข้าพักที่ The Pannarai Hotel - โรงแรม เดอะ พรรณราย โฮเต็ล ซึ่งเป็นโรงแรมเปิดใหม่ซิงๆของจังหวัดอุดรธานีเลยล่ะครับ
ที่ๆจัดประชุม คือที่โรงแรมเซนทาราอุดรธานีน่ะครับ ตอนแรกก็อยากพักที่เซนทารา เพราะประชุมที่นั่น ไม่อยากพักที่โรงแรมอื่น ... แต่เนื่องด้วยจองที่พักช้าไปหน่อย ที่เซนทาราเต็มหมด ก็เลยมาลงล็อคที่เดอะพรรณรายแห่งนี้
... กลับกลายเป็นว่า เจ๋งซะงั้น!! เพราะที่เดอะพรรณรายนี้ ราคาถูกกว่านิดหน่อย แต่สวยและน่าพักมากๆ แถมยังใหม่มากๆด้วย ทำเลก็ไม่ต่างจากพักที่เซนทาราเลยครับ เพราะด้านหลังโรงแรมก็ติดกับเซนทาราเลยนั่นแหละ จะเดินไปห้างเซนทรัลอุดรธานี ก็แสนจะง่ายดาย ด้านหน้าก็เหมือนย่านๆร้านอาหารผับบาร์ที่เห็นมีฝรั่งมานั่งใช้บริการกันเยอะแยะ ^ ^
เดินเข้ามาก็จะเจอโซนล็อบบี้แบบนี้ครับ พนักงานแข็งขัน เปิดประตูให้ เบลล์บอยก็ทำหน้าที่ได้ดี ที่ฟรอนท์ก็หน้าตารับแขกดี
ห้องที่พักเป็นห้อง standard room ซึ่งเป็นห้องถูกสุดของ The Pannarai Hotel ครับ ราคาพันต้นๆเท่านั้น
ข้าวของเครื่องใช้ในห้อง ก็ตามที่เห็นในรูปครับ ทุกห้องมีระเบียงส่วนตัวด้วยนะครับ แล้วก็มีมุมตู้เสื้อผ้าและชั้นวางของต่างๆที่โซนติดกับประตูด้วยครับ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา
ตามไปดูในห้องน้ำกันบ้าง ทำออกมาดูดีครับ มีการแบ่งโซนเปียกแห้งด้วย (ไม่รู้ว่าถ้าพักแบบ Deluxe จะต่างกันยังไง อาจจะมีอ่างอาบน้ำให้ก็ได้มั้ง)
อันนี้ถ่ายรูปที่หน้ากระจกห้องน้ำ
ถัดมาก็เป็น Amenity ครับ อันนี้ไม่พิเศษมาก ได้ตามมาตรฐาน
จุดเสียบคีย์การ์ดในห้อง ไขกุญแจห้องจากรหัสในคีย์การ์ด ดูดีมีชาติตระกูล (แต่โรงแรมใหม่ๆก็ยังงี้ทั้งหมดแล้วนั่นแหละ ไม่มีแล้วกับลูกกุญแจ)
ที่ประตูก็เห็นแปะเส้นทางหนีไฟ มีข้อแนะนำเพื่อรักษาความปลอดภัยทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษครบครัน ^ ^
แอบมองออกไป ที่นี่มีสระว่ายน้ำด้วยล่ะครับ ขนาดไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็กครับ ว่ายน้ำได้กำลังดีเลยล่ะ ติดๆกับสระมีห้องน้ำเปลี่ยนผ้าอะไรต่างๆชัดเจน จุดล้างตัวก่อนเล่นน้ำ เดย์เบดก็มีให้ใช้พอประมาณ
และที่ชอบคือห้องอาหารของที่ The Pannarai Hotel ที่ชื่อว่า pannavadee แห่งนี้ครับ
สาเหตุก็ไม่ใช่อะไร เมนูหน้าตาน่ากินดูดีมีชาติตระกูล แต่ราคาไม่แรงเลยครับ!! ดังนั้น ต่อให้ไม่ได้พักที่นี่ ก็น่ามาใช้บริการห้องอาหารเค้าเหมือนกัน ลองดูราคาครับ ^ ^ นับว่าราคาถูกดีครับ สำหรับอาหารในห้องอาหารของโรงแรม แถมหน้าตาอาหารก็ทำดูดีด้วย เหลือลองชิมว่าจะอร่อยหรือเปล่า ^ ^
ก็แนะนำครับ ถ้าได้แวะมาจังหวัดอุดรธานี หรือจะได้มาประชุมที่เซนทาราอุดรธานี
การเลือกพักที่เดอะพรรณรายโฮเต็ล ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่เข้าท่าเข้าทางดีครับ ที่นี่สวยและยังใหม่มากๆครับ ^ ^
ที่ๆจัดประชุม คือที่โรงแรมเซนทาราอุดรธานีน่ะครับ ตอนแรกก็อยากพักที่เซนทารา เพราะประชุมที่นั่น ไม่อยากพักที่โรงแรมอื่น ... แต่เนื่องด้วยจองที่พักช้าไปหน่อย ที่เซนทาราเต็มหมด ก็เลยมาลงล็อคที่เดอะพรรณรายแห่งนี้
... กลับกลายเป็นว่า เจ๋งซะงั้น!! เพราะที่เดอะพรรณรายนี้ ราคาถูกกว่านิดหน่อย แต่สวยและน่าพักมากๆ แถมยังใหม่มากๆด้วย ทำเลก็ไม่ต่างจากพักที่เซนทาราเลยครับ เพราะด้านหลังโรงแรมก็ติดกับเซนทาราเลยนั่นแหละ จะเดินไปห้างเซนทรัลอุดรธานี ก็แสนจะง่ายดาย ด้านหน้าก็เหมือนย่านๆร้านอาหารผับบาร์ที่เห็นมีฝรั่งมานั่งใช้บริการกันเยอะแยะ ^ ^
เดินเข้ามาก็จะเจอโซนล็อบบี้แบบนี้ครับ พนักงานแข็งขัน เปิดประตูให้ เบลล์บอยก็ทำหน้าที่ได้ดี ที่ฟรอนท์ก็หน้าตารับแขกดี
ห้องที่พักเป็นห้อง standard room ซึ่งเป็นห้องถูกสุดของ The Pannarai Hotel ครับ ราคาพันต้นๆเท่านั้น
ข้าวของเครื่องใช้ในห้อง ก็ตามที่เห็นในรูปครับ ทุกห้องมีระเบียงส่วนตัวด้วยนะครับ แล้วก็มีมุมตู้เสื้อผ้าและชั้นวางของต่างๆที่โซนติดกับประตูด้วยครับ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา
ตามไปดูในห้องน้ำกันบ้าง ทำออกมาดูดีครับ มีการแบ่งโซนเปียกแห้งด้วย (ไม่รู้ว่าถ้าพักแบบ Deluxe จะต่างกันยังไง อาจจะมีอ่างอาบน้ำให้ก็ได้มั้ง)
อันนี้ถ่ายรูปที่หน้ากระจกห้องน้ำ
ถัดมาก็เป็น Amenity ครับ อันนี้ไม่พิเศษมาก ได้ตามมาตรฐาน
จุดเสียบคีย์การ์ดในห้อง ไขกุญแจห้องจากรหัสในคีย์การ์ด ดูดีมีชาติตระกูล (แต่โรงแรมใหม่ๆก็ยังงี้ทั้งหมดแล้วนั่นแหละ ไม่มีแล้วกับลูกกุญแจ)
ที่ประตูก็เห็นแปะเส้นทางหนีไฟ มีข้อแนะนำเพื่อรักษาความปลอดภัยทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษครบครัน ^ ^
แอบมองออกไป ที่นี่มีสระว่ายน้ำด้วยล่ะครับ ขนาดไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็กครับ ว่ายน้ำได้กำลังดีเลยล่ะ ติดๆกับสระมีห้องน้ำเปลี่ยนผ้าอะไรต่างๆชัดเจน จุดล้างตัวก่อนเล่นน้ำ เดย์เบดก็มีให้ใช้พอประมาณ
และที่ชอบคือห้องอาหารของที่ The Pannarai Hotel ที่ชื่อว่า pannavadee แห่งนี้ครับ
สาเหตุก็ไม่ใช่อะไร เมนูหน้าตาน่ากินดูดีมีชาติตระกูล แต่ราคาไม่แรงเลยครับ!! ดังนั้น ต่อให้ไม่ได้พักที่นี่ ก็น่ามาใช้บริการห้องอาหารเค้าเหมือนกัน ลองดูราคาครับ ^ ^ นับว่าราคาถูกดีครับ สำหรับอาหารในห้องอาหารของโรงแรม แถมหน้าตาอาหารก็ทำดูดีด้วย เหลือลองชิมว่าจะอร่อยหรือเปล่า ^ ^
ก็แนะนำครับ ถ้าได้แวะมาจังหวัดอุดรธานี หรือจะได้มาประชุมที่เซนทาราอุดรธานี
การเลือกพักที่เดอะพรรณรายโฮเต็ล ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่เข้าท่าเข้าทางดีครับ ที่นี่สวยและยังใหม่มากๆครับ ^ ^
เบียคุยะ ตายไม่ตาย รอลุ้นกันต่อไป!! Bleach Spoil
จาก Bleach ตอนล่าสุด ตอนที่ 502
ซึ่งเป็นตอนต่อจาก 501 ที่พี่เขย คุจิกิ เบียคุยะ ที่มาดเท่ตลอดศก ขวัญใจแม่ยก อดีตบอสเก่าในภาคการบุกโซลโซไซตี้
... กลับกลายเป็นว่าโดนถล่มด้วยบังไค(ปลดปล่อยสวัสดิกะ)ของตนเองจนแทบม้วย (ผ่านมาห้าร้อยตอน ปกติตัวละครนี้จะโชว์เท่และโชว์เทพตลอด) หลายๆคนก็เลยลุ้นกันว่า ตอนที่ 502 จะเป็นอย่างไรบ้าง?
...
ก็ เปิดตอนมาที่ตอน 502 พบว่าเบียคุยะ ก็ยังไม่ตาย ... ทำให้แม่ยกโล่งอก (ตามภาพด้านล่าง แม่ยกถอนหายใจเป็นทิวแถว พี่เขยยังไม่ตาย)
...
...
... ทว่า ... การต่อสู้ยังไม่จบ งานนี้ป๋าเบียโดนบังไคของตัวเองที่ถูกขโมยไป ถล่มซะเละมากขึ้นไปอีก!!
...
...
งานนี้ ป๋าเบียตาเหลือกเลย -*- หมดกัน มาดที่อุตส่าห์เก๊กมาทั้งปีทั้งชาติ
จากนั้น ก็ปิดท้ายฉากสุดท้ายของเบียคุยะในตอนนี้ หลังโดนถล่มอัดกำแพงด้วยเซ็มบ้งซากุระไปเรื่อยๆ จนมีสภาพอย่างที่เห็น ...
ด้วยสภาพอย่างที่เห็น แม่ยกทั้งหลายต่างร้องกรี๊ดๆ!! ว่าไม่จริ๊ง พี่เบียของหนู จะมาสิ้นท่าอย่างนี้ได้อย่างไร!!
... และตอกย้ำด้วยคำพูดของควินซี่คนที่น่าจะเก่งรองจากบอสควินซี่ว่า "ดูเหมือนว่า คุจิกิ เบียคุยะ จะตายแล้ว" สร้างความชอกช้ำให้กับเหล่าแม่ยกอย่างมาก
...
อย่างไรก็ตาม ความหวังอยู่ที่มุกของการ์ตูนแนวนี้ ว่าโดนเละแค่ไหน ถ้าไม่ใช่ตัวประกอบไร้ความอดทน ก็คงไม่ตายง่ายๆ
ก่อนหน้านี้ก็มีหลายๆคนที่ทำท่าจะตายแต่ไม่่ตายอีกเยอะ นับประสาอะไรกับแค่นี้
...
อย่างไรก็ตาม รอบนี้คนวาดคนแต่งอย่างอ.คุโบะ อาจจะอยากเล่นบทโหดก็ได้ เพราะส่งตัวประกอบไปตายเยอะแล้ว
อีกอย่าง บลีชช่วงนี้ อันดับก็ตกต่ำเตี๊ยเรี่ยเหว อาจจะเล่นบทโหดกระตุ้นความนิยมก็เป็นได้ (แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน เพราะการสังเวยตัวละครนิยมนั้น ทำเอานูระ ต้องมอดม้วยมาแล้ว (เรื่องนูระ สังเวยฮะโกโรโมะกิตสึเนะปุ๊บ อันดับตกฮวบๆ -*-) บลีชอาจจะไม่คิดเจริญรอยตามก็ได้)
ก็รอดูกันต่อไปครับ ว่าเบียคุยะจะรอดหรือไม่รอด แต่ที่แน่ๆ ตอน 503 คงไม่รู้ผลหรอก คงตัดฉากไปที่อื่นก่อน
ซึ่งเป็นตอนต่อจาก 501 ที่พี่เขย คุจิกิ เบียคุยะ ที่มาดเท่ตลอดศก ขวัญใจแม่ยก อดีตบอสเก่าในภาคการบุกโซลโซไซตี้
... กลับกลายเป็นว่าโดนถล่มด้วยบังไค(ปลดปล่อยสวัสดิกะ)ของตนเองจนแทบม้วย (ผ่านมาห้าร้อยตอน ปกติตัวละครนี้จะโชว์เท่และโชว์เทพตลอด) หลายๆคนก็เลยลุ้นกันว่า ตอนที่ 502 จะเป็นอย่างไรบ้าง?
...
ก็ เปิดตอนมาที่ตอน 502 พบว่าเบียคุยะ ก็ยังไม่ตาย ... ทำให้แม่ยกโล่งอก (ตามภาพด้านล่าง แม่ยกถอนหายใจเป็นทิวแถว พี่เขยยังไม่ตาย)
...
...
... ทว่า ... การต่อสู้ยังไม่จบ งานนี้ป๋าเบียโดนบังไคของตัวเองที่ถูกขโมยไป ถล่มซะเละมากขึ้นไปอีก!!
...
...
งานนี้ ป๋าเบียตาเหลือกเลย -*- หมดกัน มาดที่อุตส่าห์เก๊กมาทั้งปีทั้งชาติ
จากนั้น ก็ปิดท้ายฉากสุดท้ายของเบียคุยะในตอนนี้ หลังโดนถล่มอัดกำแพงด้วยเซ็มบ้งซากุระไปเรื่อยๆ จนมีสภาพอย่างที่เห็น ...
ด้วยสภาพอย่างที่เห็น แม่ยกทั้งหลายต่างร้องกรี๊ดๆ!! ว่าไม่จริ๊ง พี่เบียของหนู จะมาสิ้นท่าอย่างนี้ได้อย่างไร!!
... และตอกย้ำด้วยคำพูดของควินซี่คนที่น่าจะเก่งรองจากบอสควินซี่ว่า "ดูเหมือนว่า คุจิกิ เบียคุยะ จะตายแล้ว" สร้างความชอกช้ำให้กับเหล่าแม่ยกอย่างมาก
...
อย่างไรก็ตาม ความหวังอยู่ที่มุกของการ์ตูนแนวนี้ ว่าโดนเละแค่ไหน ถ้าไม่ใช่ตัวประกอบไร้ความอดทน ก็คงไม่ตายง่ายๆ
ก่อนหน้านี้ก็มีหลายๆคนที่ทำท่าจะตายแต่ไม่่ตายอีกเยอะ นับประสาอะไรกับแค่นี้
...
อย่างไรก็ตาม รอบนี้คนวาดคนแต่งอย่างอ.คุโบะ อาจจะอยากเล่นบทโหดก็ได้ เพราะส่งตัวประกอบไปตายเยอะแล้ว
อีกอย่าง บลีชช่วงนี้ อันดับก็ตกต่ำเตี๊ยเรี่ยเหว อาจจะเล่นบทโหดกระตุ้นความนิยมก็เป็นได้ (แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน เพราะการสังเวยตัวละครนิยมนั้น ทำเอานูระ ต้องมอดม้วยมาแล้ว (เรื่องนูระ สังเวยฮะโกโรโมะกิตสึเนะปุ๊บ อันดับตกฮวบๆ -*-) บลีชอาจจะไม่คิดเจริญรอยตามก็ได้)
ก็รอดูกันต่อไปครับ ว่าเบียคุยะจะรอดหรือไม่รอด แต่ที่แน่ๆ ตอน 503 คงไม่รู้ผลหรอก คงตัดฉากไปที่อื่นก่อน
Upcountry Bungalows รีสอร์ทใหม่เชียงราย ^ ^
Upcountry Bungalows Resort - อัพคันทรี่บังกะโลรีสอร์ท รีสอร์ทใหม่สวยที่เชียงราย วิวจากห้องพักก็เฉียบขาด!!
ราคาก็ไม่แพง แค่พันต้นๆครับ ซึ่งดูจากหน้าตาที่พักผมคิดว่าค่อนไปทางถูกเลยแหละ ก็เลยเอามาแนะนำในบล็อคกันหน่อย เผื่อคนที่กำลังมองหารีสอร์ทน่าสนๆที่เชียงราย แวะผ่านมาพอดี ^ ^
ห้องพักเค้าจะเป็นกระจกใสเต็มๆผนังอยู่ซีกหนึ่งครับ เอาไว้ให้ชมวิวภูเขา สวยเชียวแหละ!!
ออกมานั่งรับบรรยากาศสุดแสนจะสบาย ^ ^ (วิวสวยนะครับ ต้องลองไปดูรูปเพิ่มจากเวบของรีสอร์ทครับ)
ส่วนภายในห้องพักของ Upcountry Bungalows ก็ทำได้ดีครับ
สวยและยังใหม่อยู่ครับ ^ ^ ไปลองพักกันได้ครับ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เวบไซต์ http://www.upcountrybungalows.com
หรือโทรติดต่อได้ที่เบอร์ 089-7589432 ครับ
ราคาก็ไม่แพง แค่พันต้นๆครับ ซึ่งดูจากหน้าตาที่พักผมคิดว่าค่อนไปทางถูกเลยแหละ ก็เลยเอามาแนะนำในบล็อคกันหน่อย เผื่อคนที่กำลังมองหารีสอร์ทน่าสนๆที่เชียงราย แวะผ่านมาพอดี ^ ^
ห้องพักเค้าจะเป็นกระจกใสเต็มๆผนังอยู่ซีกหนึ่งครับ เอาไว้ให้ชมวิวภูเขา สวยเชียวแหละ!!
ออกมานั่งรับบรรยากาศสุดแสนจะสบาย ^ ^ (วิวสวยนะครับ ต้องลองไปดูรูปเพิ่มจากเวบของรีสอร์ทครับ)
ส่วนภายในห้องพักของ Upcountry Bungalows ก็ทำได้ดีครับ
สวยและยังใหม่อยู่ครับ ^ ^ ไปลองพักกันได้ครับ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เวบไซต์ http://www.upcountrybungalows.com
หรือโทรติดต่อได้ที่เบอร์ 089-7589432 ครับ
นครวัด นครธม กับอีกหนึ่งความอลังการที่คนไม่รู้!!
นครวัดนครธม แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของกัมพูชาที่แคล้วๆจะติดหนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอยู่รอมร่อ ที่เป็นโบราณสถานเลื่องชื่อนี้
หลายๆคนคงนึกถึงเฉพาะความอลังการทางด้านสิ่งปลูกสร้างอย่างตัวปราสาทอันสุดอลังการ
แต่รู้หรือไม่? ว่าจริงๆแล้ว กลุ่มปราสาทนครวัดนครธมนี้ มีความอลังการอีกอย่างที่น่าทึ่งซ่อนอยู่ ซึ่งไกด์ทัวร์ที่นครวัดนครธมเองก็ไม่ค่อยได้บอกครับ
เอาเป็นว่าลองดูภาพปราสาทกันก่อน อย่างในรูป คุณจะเห็นภาพชินตาของปราสาทนครวัด ที่มีน้ำอยู่เบื้องล่างแบบนี้
จะเดินเข้าไปชมปราสาทนครวัด ก็ต้องเดินข้ามสะพานแบบนี้ ซึ่งเป็นสะพานหินที่อลังการดี
หันไปมองแม่น้ำ ก็วิวสวยดี แต่คงเทียบไม่ได้กับความงามและยิ่งใหญ่ของตัวปราสาท
...
...
คุณอาจจะไม่เห็นความยิ่งใหญ่ ของ "แม่น้ำ" "สระน้ำ" หรือบางคนก็มองว่าเป็น "บึงขนาดใหญ่" ที่อยู่เบื้องหน้าปราสาทนครวัด เพราะคุณคิดว่ามันคือแหล่งน้ำธรรมชาติ มันจึงไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปอย่างไร
แต่แท้จริงแล้ว เจ้าสระน้ำขนาดใหญ่ที่ต้องทำสะพานยาวยักษ์เพื่อเดินข้ามนั้น หากมองจากบนอากาศ!! จะได้รูปนี้ครับ!!
เห็นแล้วก็คงรู้กันแล้วนะครับ ว่าสี่เหลี่ยมขนาดนี้ มันไม่ใช่แหล่งน้ำธรรมชาติอย่างแน่นอน!!
ดังนั้น เจ้าสระที่คุณเห็นนั้น "คนขุด" ทั้งสิ้นครับ!! แล้วก็ไม่ได้ขุดแค่ด้านหน้าปราสาทนครวัดเท่านั้น!! แต่ขุด "รอบ" เลยล่ะครับ!!
... ใครที่เคยไปมาแล้ว จะรู้ดีครับ ว่ามันลึก และกว้างแค่ไหน แค่สะพานก็เดินกันไกล ...
ดังนั้น ไอ้เจ้าแหล่งน้ำที่คุณเห็นนั้น มันก็คือ "ความอลังการ" อีกอย่างของนครวัดนครธมครับ!!
พอตอนนี้ รู้กันแล้ว ว่าสระน้ำมหึมาด้านหน้านครวัดนั้น เป็นสระที่ขุดขึ้นมา แถมทำรอบตัวปราสาทซะอีก
ถ้าเอะใจ ก็อาจจะนึกได้อีกว่า "เอ๊ะ ... แล้วสระน้ำหน้านครธมล่ะ?"
คำตอบคือ ใช่เลยครับ นั่นก็ขุด แต่ที่นครธมจะไม่กว้างเท่านครวัดครับ แต่ยาวกว่ามาก
และไม่แค่นั้น ... บารายตะวันตก ที่เป็นอ่างเก็บน้ำ ที่ดูเหมือนอ่างเก็บน้ำธรรมชาตินั้น ก็ยิ่งอลังการเข้าไปอีก!!
ดูตามรูปครับ
ด้านขวาล่างคือนครวัดรูปก่อนหน้านี้ครับ เทียบกับบารายตะวันตกแล้ว กระจ้อยร่อยไปเลย!!
และเมื่อเห็นความเป็น "สี่เหลี่ยม" ของมัน ... ก็ตามที่คิดแหละครับ "คนขุด" อีกเช่นกัน!!
คนที่ยังไม่เคยไป อาจจะไม่รู้
แต่คนที่เคยไป จะรู้ครับ ว่าของจริงมันใหญ่ยักษ์แค่ไหน ยิ่งบารายตะวันตกนะครับ ของจริงตอนน้ำเยอะๆนี่ยังกับเขื่อนแน่ะครับ
แต่ที่ไหนได้ ... มันเป็นแหล่งน้ำมนุษย์ทำ มนุษย์ขุดขึ้นมาทั้งนั้น!!
และนี่แหละครับ คือความมหัศจรรย์และยิ่งใหญ่ของโบราณสถานระดับโลกอย่าง "นครวัด นครธม"
หลายๆคนคงนึกถึงเฉพาะความอลังการทางด้านสิ่งปลูกสร้างอย่างตัวปราสาทอันสุดอลังการ
แต่รู้หรือไม่? ว่าจริงๆแล้ว กลุ่มปราสาทนครวัดนครธมนี้ มีความอลังการอีกอย่างที่น่าทึ่งซ่อนอยู่ ซึ่งไกด์ทัวร์ที่นครวัดนครธมเองก็ไม่ค่อยได้บอกครับ
เอาเป็นว่าลองดูภาพปราสาทกันก่อน อย่างในรูป คุณจะเห็นภาพชินตาของปราสาทนครวัด ที่มีน้ำอยู่เบื้องล่างแบบนี้
จะเดินเข้าไปชมปราสาทนครวัด ก็ต้องเดินข้ามสะพานแบบนี้ ซึ่งเป็นสะพานหินที่อลังการดี
หันไปมองแม่น้ำ ก็วิวสวยดี แต่คงเทียบไม่ได้กับความงามและยิ่งใหญ่ของตัวปราสาท
...
...
คุณอาจจะไม่เห็นความยิ่งใหญ่ ของ "แม่น้ำ" "สระน้ำ" หรือบางคนก็มองว่าเป็น "บึงขนาดใหญ่" ที่อยู่เบื้องหน้าปราสาทนครวัด เพราะคุณคิดว่ามันคือแหล่งน้ำธรรมชาติ มันจึงไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปอย่างไร
แต่แท้จริงแล้ว เจ้าสระน้ำขนาดใหญ่ที่ต้องทำสะพานยาวยักษ์เพื่อเดินข้ามนั้น หากมองจากบนอากาศ!! จะได้รูปนี้ครับ!!
เห็นแล้วก็คงรู้กันแล้วนะครับ ว่าสี่เหลี่ยมขนาดนี้ มันไม่ใช่แหล่งน้ำธรรมชาติอย่างแน่นอน!!
ดังนั้น เจ้าสระที่คุณเห็นนั้น "คนขุด" ทั้งสิ้นครับ!! แล้วก็ไม่ได้ขุดแค่ด้านหน้าปราสาทนครวัดเท่านั้น!! แต่ขุด "รอบ" เลยล่ะครับ!!
... ใครที่เคยไปมาแล้ว จะรู้ดีครับ ว่ามันลึก และกว้างแค่ไหน แค่สะพานก็เดินกันไกล ...
ดังนั้น ไอ้เจ้าแหล่งน้ำที่คุณเห็นนั้น มันก็คือ "ความอลังการ" อีกอย่างของนครวัดนครธมครับ!!
พอตอนนี้ รู้กันแล้ว ว่าสระน้ำมหึมาด้านหน้านครวัดนั้น เป็นสระที่ขุดขึ้นมา แถมทำรอบตัวปราสาทซะอีก
ถ้าเอะใจ ก็อาจจะนึกได้อีกว่า "เอ๊ะ ... แล้วสระน้ำหน้านครธมล่ะ?"
คำตอบคือ ใช่เลยครับ นั่นก็ขุด แต่ที่นครธมจะไม่กว้างเท่านครวัดครับ แต่ยาวกว่ามาก
และไม่แค่นั้น ... บารายตะวันตก ที่เป็นอ่างเก็บน้ำ ที่ดูเหมือนอ่างเก็บน้ำธรรมชาตินั้น ก็ยิ่งอลังการเข้าไปอีก!!
ดูตามรูปครับ
ด้านขวาล่างคือนครวัดรูปก่อนหน้านี้ครับ เทียบกับบารายตะวันตกแล้ว กระจ้อยร่อยไปเลย!!
และเมื่อเห็นความเป็น "สี่เหลี่ยม" ของมัน ... ก็ตามที่คิดแหละครับ "คนขุด" อีกเช่นกัน!!
คนที่ยังไม่เคยไป อาจจะไม่รู้
แต่คนที่เคยไป จะรู้ครับ ว่าของจริงมันใหญ่ยักษ์แค่ไหน ยิ่งบารายตะวันตกนะครับ ของจริงตอนน้ำเยอะๆนี่ยังกับเขื่อนแน่ะครับ
แต่ที่ไหนได้ ... มันเป็นแหล่งน้ำมนุษย์ทำ มนุษย์ขุดขึ้นมาทั้งนั้น!!
และนี่แหละครับ คือความมหัศจรรย์และยิ่งใหญ่ของโบราณสถานระดับโลกอย่าง "นครวัด นครธม"
น้ำตกเหลาเหลียง "เก๊" จาก Forward Mail ^ ^"
ไม่รู้ว่ายังอยู่ หรือว่าหายไปแล้ว? สำหรับ FW Mail ที่โชว์รูปภาพน้ำตกสวยอลังการที่ชื่อว่า "น้ำตกเหลาเหลียง" ที่จ.ตรังน่ะครับ
ภาพของน้ำตกนั้น เป็นลากูนน้ำใสสีฟ้าครามอมเขียวมรกต แล้วก็เป็นน้ำตกไปในตัว สวยงามมากๆ ใครเห็นก็อดร้อง "ว้าว" ไม่ได้ ว่าประเทศไทยเราที่เป็นเมืองร้อน มีแหล่งน้ำจืดสวยแบบนี้ด้วยหรือ?
... แล้วชื่อของน้ำตกสวยนั้น ก็คือ "น้ำตกเหลาเหลียง" จ.ตรัง ... ซึ่ง FW Mail ดังกล่าวบอกมาแบบนั้น
ลองดูรูปตามนี้เลยจ้า ^ ^ สวยงดงามมากๆ คล้ายๆจิ่วจ้ายโกวของประเทศจีนเลย แต่ที่นี่มีส่วนที่เป็นน้ำตกด้วย อลังการไหมล่ะ!! ^ ^
แต่แท้จริงแล้ว ... มันเป็นเรื่องพกลม!!
น้ำตกนั้นไม่ใช่น้ำตกเหลาเหลียงครับ แล้วก็ไม่ได้อยู่ในประเทศไทยด้วย!!
ที่นี่คืออุทยานแห่งชาติทะเลสาบ Plitvice ในประเทศโครเอเชียครับ ^ ^ โดยสามารถดูข้อมูลของที่นี่ได้ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Plitvice_Lakes_National_Park ครับผม
อย่างไรก็ตาม หากคุณได้ยินชื่อว่า "เกาะเหลาเหลียง" ที่จ.ตรังล่ะก็
อันนั้นมีจริงนะครับ ไม่เก๊แต่อย่างใด แล้วก็สวยงามมากด้วย
ดังนั้น อย่าสับสนกันนะครับ เกาะเหลาเหลียงมีจริง แต่น้ำตกเหลาเหลียง ไม่มีจริงจ้า ^ ^
ภาพของน้ำตกนั้น เป็นลากูนน้ำใสสีฟ้าครามอมเขียวมรกต แล้วก็เป็นน้ำตกไปในตัว สวยงามมากๆ ใครเห็นก็อดร้อง "ว้าว" ไม่ได้ ว่าประเทศไทยเราที่เป็นเมืองร้อน มีแหล่งน้ำจืดสวยแบบนี้ด้วยหรือ?
... แล้วชื่อของน้ำตกสวยนั้น ก็คือ "น้ำตกเหลาเหลียง" จ.ตรัง ... ซึ่ง FW Mail ดังกล่าวบอกมาแบบนั้น
ลองดูรูปตามนี้เลยจ้า ^ ^ สวยงดงามมากๆ คล้ายๆจิ่วจ้ายโกวของประเทศจีนเลย แต่ที่นี่มีส่วนที่เป็นน้ำตกด้วย อลังการไหมล่ะ!! ^ ^
แต่แท้จริงแล้ว ... มันเป็นเรื่องพกลม!!
น้ำตกนั้นไม่ใช่น้ำตกเหลาเหลียงครับ แล้วก็ไม่ได้อยู่ในประเทศไทยด้วย!!
ที่นี่คืออุทยานแห่งชาติทะเลสาบ Plitvice ในประเทศโครเอเชียครับ ^ ^ โดยสามารถดูข้อมูลของที่นี่ได้ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Plitvice_Lakes_National_Park ครับผม
อย่างไรก็ตาม หากคุณได้ยินชื่อว่า "เกาะเหลาเหลียง" ที่จ.ตรังล่ะก็
อันนั้นมีจริงนะครับ ไม่เก๊แต่อย่างใด แล้วก็สวยงามมากด้วย
ดังนั้น อย่าสับสนกันนะครับ เกาะเหลาเหลียงมีจริง แต่น้ำตกเหลาเหลียง ไม่มีจริงจ้า ^ ^
Kipon Canon EOS EF to M4/3 & NEX Adapter
เอาเข้าแล้วสิ!! การแปลงเมาท์ข้ามค่ายข้ามยี่ห้อที่ใช้งานได้เต็มระบบ ทำท่าจะมาซะแล้ว!!
กับ Kipon Canon EOS EF to M4/3 & NEX Adapter ซึ่งเป็นอแดปเตอร์ ที่สามารถแปลงเอาเลนส์ Canon EOS EF มาใช้กับกล้อง Mirrorless ในระบบ M4/3 กับ NEX ได้อย่างเต็มระบบ!!
เอาเป็นว่าลองดูหน้าตาของ Kipon Adapter กันก่อนดีกว่าครับ
แบ่งเป็นสองรุ่นคือ Kipon Adapter EOS EF to M4/3
และ Kipon Adapter EOS EF to Sony NEX
ดูโล้นๆก็จริง แต่ส่วนตัวคิดว่าเป็นภาพที่เปิดโชว์วงจรภายในน่ะครับ ให้รู้กันไปเลยว่า ตัวแปลงเมาท์อันนี้ ใช้เลนส์ได้เต็มระบบนะเออ (อย่างน้อยก็น่าจะได้ AF และวัดแสงล่ะครับ ซึ่งต้องมีแน่ๆ)
ซึ่งเจ้าตัวแปลงเมาท์นี้ ทำเอาจุดเด่นอีกอย่าง Canon Mirrorless ที่ชื่อว่า EOS M เซ็งกันไปเลย!!
โดยเจ้าอแดปเตอร์ของ Kipon นี้ จะทำให้คุณใช้เลนส์ของแคนนอน EF บนกล้อง Mirrorless ค่าย Olympus, Panasonic และ Sony ได้อย่างเต็มระบบนั่นเอง!!
ดังนั้น ถ้า Canon ไม่ออกเลนส์เฉพาะของ Canon M มาซัพพอร์ทมากๆ แต่จะหวังใบบุญเดิมๆว่า Mirrorless ค่ายตนเอง มีจุดขายที่สามารถเอาเลนส์ EF (ซึ่งมีเกลื่อนตลาด)มาใช้ได้นั้น ก็จะไม่กลายเป็นจุดขายอีกต่อไป เพราะค่ายอื่นๆก็ดันทำได้ ซะงั้น!! (ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องดีครับ ถ้า Canon จะผลิตเลนส์สำหรับ Canon M แท้ๆป้อนเข้าตลาดเยอะๆ ตลาด Mirrorless จะได้แข่งขันกันสูงและคึกคักมากขึ้น ^ ^)
อัพเดทข่าวครับ
เรื่อง AF ยังไม่ชัวร์ครับ อาจจะทำไม่ได้ (ง่ะ) แต่ระบบวัดแสงในโหมดต่างๆ สามารถทำได้ ... ??
ซึ่งส่วนตัวยังงงๆ ว่าถ้าทำได้แค่นั้น? จะทำไปทำไม? เพราะ Mirrorless ของ Olympus กับ Panasonic เอง ก็วัดแสงได้กับเลนส์มือหมุนทุกตัวอยู่แล้ว แค่ปรับ F ที่เลนส์เองไม่ได้ปรับจากปุ่มหรือปรับแบบออโต้ก็เท่านั้น ออโต้โฟกัสต่างหากที่ดูจะน่าสนใจกว่า
กับ Kipon Canon EOS EF to M4/3 & NEX Adapter ซึ่งเป็นอแดปเตอร์ ที่สามารถแปลงเอาเลนส์ Canon EOS EF มาใช้กับกล้อง Mirrorless ในระบบ M4/3 กับ NEX ได้อย่างเต็มระบบ!!
เอาเป็นว่าลองดูหน้าตาของ Kipon Adapter กันก่อนดีกว่าครับ
แบ่งเป็นสองรุ่นคือ Kipon Adapter EOS EF to M4/3
และ Kipon Adapter EOS EF to Sony NEX
ดูโล้นๆก็จริง แต่ส่วนตัวคิดว่าเป็นภาพที่เปิดโชว์วงจรภายในน่ะครับ ให้รู้กันไปเลยว่า ตัวแปลงเมาท์อันนี้ ใช้เลนส์ได้เต็มระบบนะเออ (อย่างน้อยก็น่าจะได้ AF และวัดแสงล่ะครับ ซึ่งต้องมีแน่ๆ)
ซึ่งเจ้าตัวแปลงเมาท์นี้ ทำเอาจุดเด่นอีกอย่าง Canon Mirrorless ที่ชื่อว่า EOS M เซ็งกันไปเลย!!
โดยเจ้าอแดปเตอร์ของ Kipon นี้ จะทำให้คุณใช้เลนส์ของแคนนอน EF บนกล้อง Mirrorless ค่าย Olympus, Panasonic และ Sony ได้อย่างเต็มระบบนั่นเอง!!
ดังนั้น ถ้า Canon ไม่ออกเลนส์เฉพาะของ Canon M มาซัพพอร์ทมากๆ แต่จะหวังใบบุญเดิมๆว่า Mirrorless ค่ายตนเอง มีจุดขายที่สามารถเอาเลนส์ EF (ซึ่งมีเกลื่อนตลาด)มาใช้ได้นั้น ก็จะไม่กลายเป็นจุดขายอีกต่อไป เพราะค่ายอื่นๆก็ดันทำได้ ซะงั้น!! (ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องดีครับ ถ้า Canon จะผลิตเลนส์สำหรับ Canon M แท้ๆป้อนเข้าตลาดเยอะๆ ตลาด Mirrorless จะได้แข่งขันกันสูงและคึกคักมากขึ้น ^ ^)
อัพเดทข่าวครับ
เรื่อง AF ยังไม่ชัวร์ครับ อาจจะทำไม่ได้ (ง่ะ) แต่ระบบวัดแสงในโหมดต่างๆ สามารถทำได้ ... ??
ซึ่งส่วนตัวยังงงๆ ว่าถ้าทำได้แค่นั้น? จะทำไปทำไม? เพราะ Mirrorless ของ Olympus กับ Panasonic เอง ก็วัดแสงได้กับเลนส์มือหมุนทุกตัวอยู่แล้ว แค่ปรับ F ที่เลนส์เองไม่ได้ปรับจากปุ่มหรือปรับแบบออโต้ก็เท่านั้น ออโต้โฟกัสต่างหากที่ดูจะน่าสนใจกว่า
ลุงแซมรีสอร์ท ชะอำ ที่พักสบายๆติดชายหาด ^ ^
Sam Resort Cha-Am - ลุงแซม รีสอร์ท ชะอำ
เป็นอีกหนึ่งที่พักที่น่าสนใจดีครับ สำหรับย่านชะอำ เพราะที่นี่ให้บริการห้องพักที่ติดกับถนนเลียบชายหาดชะอำเลยครับ ถ้าพักชั้นบน จากระเบียงห้องพักก็ชมวิวทะเลซีวิวได้เลย ^ ^
แต่ส่วนตัวไม่ได้ลองพักที่นี่หรอกครับ ก็ไม่ขอรีวิวแล้วกัน แต่แบบว่าเก็บภาพภายนอกโรงแรมมาฝากครับ จดเบอร์โทรมาให้ด้วย เผื่อใครกำลังมองหาที่พักที่ชะอำ หัวหิน ก็จะได้ลองติดต่อที่นี่ดูได้ (จริงๆปกติย่านชะอำ ต่อให้เป็นเสาร์อาทิตย์ ก็วอร์คอินได้ครับ เว้นแต่ว่าจะเป็นวันหยุดยาว โอกาสเต็มสูงเหมือนกัน จองแต่เนิ่นๆดีกว่า)
ที่ลุงแซมรีสอร์ท จะเป็นอาคารสีชมพูๆแบบนี้แหละครับ
สนใจที่พักติดริมหาดราคาไม่แรงแบบนี้ ก็ลองโทรติดต่อสอบถามได้ที่ 032-471197 หรือ 081-8454144 ครับ ^ ^
เป็นอีกหนึ่งที่พักที่น่าสนใจดีครับ สำหรับย่านชะอำ เพราะที่นี่ให้บริการห้องพักที่ติดกับถนนเลียบชายหาดชะอำเลยครับ ถ้าพักชั้นบน จากระเบียงห้องพักก็ชมวิวทะเลซีวิวได้เลย ^ ^
แต่ส่วนตัวไม่ได้ลองพักที่นี่หรอกครับ ก็ไม่ขอรีวิวแล้วกัน แต่แบบว่าเก็บภาพภายนอกโรงแรมมาฝากครับ จดเบอร์โทรมาให้ด้วย เผื่อใครกำลังมองหาที่พักที่ชะอำ หัวหิน ก็จะได้ลองติดต่อที่นี่ดูได้ (จริงๆปกติย่านชะอำ ต่อให้เป็นเสาร์อาทิตย์ ก็วอร์คอินได้ครับ เว้นแต่ว่าจะเป็นวันหยุดยาว โอกาสเต็มสูงเหมือนกัน จองแต่เนิ่นๆดีกว่า)
ที่ลุงแซมรีสอร์ท จะเป็นอาคารสีชมพูๆแบบนี้แหละครับ
สนใจที่พักติดริมหาดราคาไม่แรงแบบนี้ ก็ลองโทรติดต่อสอบถามได้ที่ 032-471197 หรือ 081-8454144 ครับ ^ ^
รีวิว MK Restaurant ร้านสุกี้ที่มีสาขามากที่สุดในไทย!!
ไม่นึกเหมือนกัน ว่าตัวเองจะเอาร้าน MK สุกี้ มารีวิว ... 555+
เพราะเจ้าร้านเอ็มเคเรสเตอรองนี้ คงเป็นร้านสุกี้ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทยแล้วล่ะ (มั้ง) แบบว่าไปที่ไหนก็มี MK ให้กินอ่ะ ไม่รู้ว่าขาดจังหวัดไหนบ้างที่ยังไม่มีเอ็มเค แต่ที่แน่ๆในกทม.นี่แบบว่าเกลื่อนอ่ะ
แต่โดยส่วนตัวผมเองแล้ว ไม่ค่อยได้ไปกินเอ็มเคอ่ะ -*- นานๆจะได้ไปกินซะที ... อย่างที่มากินรอบนี้ ก็น่าจะห่างหายจาก MK มา 2-3 ปีได้เลยล่ะมั้ง ... ได้มากินครั้งนี้ เห็นอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง แม้จะนิดหน่อย ก็ขอเอามารีวิวซะหน่อย (แต่คนอ่านรีวิวส่วนใหญ่น่าจะแบบว่า รู้มานานแล้วอ่ะนะ เหอๆๆ)
แน่นอน ว่า MK Restaurant นี้ รู้จักกันในนามของ MK สุกี้นี่แหละ เดี๋ยวนี้อัพเกรดหรูเป็นภัตตาคารเอ็มเค ... จะว่าไปก็อัพมานานเกินสิบปีแล้วล่ะ (บ่งบอกอายุของผู้รีวิวมาก -*-)
ลักษณะเด่นของที่นี่ก็คือสารพัดจะจุ่ม ชาบูชาบูไม่เปลี่ยนแปลง
วิธีกินก็เดิมๆ คือจำทุกอย่างมายำรวมกัน ต้มๆๆๆ แล้วก็แย่งกันกิน ... ช่วงแรกๆหม้อต้มจะดูสวยงามน่ากิน ต้มไปต้มมา จนกินใกล้จะเสร็จ หน้าตาก็จะออกมาอย่างที่เห็น คือเละไม่น่ากินอีกแล้ว (แต่รสชาติอร่อยแซ่บหลายกว่าช่วงแรกๆมากนะ 555+)
เมนูเด็ดของร้านอาหารสไตล์นี้ก็คือ "เป็ด" นี่เอง สั่งกันหลายโต๊ะ
แต่มากิน MK รอบนี้ เค้ามีแบบว่า เป็ด หมูแดง หมูกรอบ ให้เลือกด้วยอ่ะ? มันมีมานานแล้วเหรอ บอกตรงๆว่าไม่เคยสั่ง (เชยหรือเปล่าเนี่ย) เมื่อก่อนเวลามากินก็สั่งแต่เป็ดๆๆๆ เท่านั้น!! ... ก็นับว่าเข้าท่าดี จานนึงกินได้หลากหลายขึ้น ^ ^
... ไม่อยากจะบอกว่าส่วนตัวชอบหมูกรอบนี่ที่สุด
นอกจากนั้น สิ่งที่อัพเดท(น่าจะอัพเดทมาหลายปีแล้ว ผมช้าเอง -*-) ก็คือมีอาหารจานเดียวด้วย เยอะแยะเลย มีข้าวต่างๆ มีหมี่ต่างๆ ก๋วยเตี๋ยวด้วย
อันนี้ที่เห็นเป็นข้าวผัดอะไรสักอย่าง ชื่อหรูดีทีเดียว แต่กินแล้วเหมือนข้าวห่อใบบัว (ก็อร่อยแหละ) แต่รูปที่เห็นนี่ถ่ายจากเมนูนะครับ
แล้วก็ในรูปนี่มีแบบว่า ข้าวอะไรไม่รู้ มีปีกไก่ชิ้นโตๆมาให้ด้วย ดูน่ากินทีเดียว
ข้อดีของการมีเมนูอาหารจานเดียวใน MK นั้น จะเหมาะกับการไปกินเป็นหมู่คณะมากขึ้น!!
บางคนอาจจะงง? เพราะการกินเป็นหมู่คณะนั้น แย่งๆกันจุ่มกันกิน มันต้องอร่อยและครื้นเครงกว่าสิ!!
แต่ในเวลาช่วงท้ายๆของการกินนั้น มันจะมีคนอยู่สองประเภท นั่นก็คือ พวกที่พูดว่า "ยังไม่ได้ครึ่งของกระเพาะเลย" กับพวกที่พูดว่า "อิ่มแล้วง่า" ... เรื่องไม่สมดุลย์แบบนี้ เกิดได้ประจำในกลุ่มคนหมู่มาก
ดังนั้น ถ้าเกิดหลายๆคนอิ่มแล้ว แต่ดันผ่าเหล่า เหลือ 2-3 คนยังไม่อิ่ม ก็สั่งอาหารจานเดียวเติมท้องให้อิ่มๆไปซะเลยก็ดี (แบบว่างกไง ถ้าสั่งมาจุ่มต่อ มันต้องหารเงินทั้งหมดไง 555+)
นอกจากนั้น รูปแบบของ MK ก็เดิมๆครับ เซทผักต่างๆ มีหมูสไลด์จานใหญ่สำหรับคนที่ชอบหมูโดยเฉพาะ
ติ่มซำก็เป็นหนึ่งในเมนูเด็ดของร้านอาหารแบบนี้เช่นกัน ... แต่กลุ่มผม เมนูดูดีหรูๆหน่อยไม่ชอบ ดันอยากกินซาลาเปาใส้ถั่วดำ (แต่กินแล้วก็นิ่มอร่อยอยู่นะ)
...
หลังจากกินจนเสร็จ ก็มีสภาพเช่นนี้ เละตุ้มเป๊ะ ดูไร้อารยธรรมยังไงชอบกล
...
ก็ยังสมกับโฆษณาของร้านอาหาร MK ที่มีคนมากินกันมากมาย มีครอบครัว มีเพื่อนฝูง ที่มากินกันอย่างมีความสุข
คิดไม่ออก บอกไม่ถูกว่าอยากกินอะไร เดินไปเข้า MK ได้เลยครับ ไม่ผิดหวัง ^ ^
เพราะเจ้าร้านเอ็มเคเรสเตอรองนี้ คงเป็นร้านสุกี้ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทยแล้วล่ะ (มั้ง) แบบว่าไปที่ไหนก็มี MK ให้กินอ่ะ ไม่รู้ว่าขาดจังหวัดไหนบ้างที่ยังไม่มีเอ็มเค แต่ที่แน่ๆในกทม.นี่แบบว่าเกลื่อนอ่ะ
แต่โดยส่วนตัวผมเองแล้ว ไม่ค่อยได้ไปกินเอ็มเคอ่ะ -*- นานๆจะได้ไปกินซะที ... อย่างที่มากินรอบนี้ ก็น่าจะห่างหายจาก MK มา 2-3 ปีได้เลยล่ะมั้ง ... ได้มากินครั้งนี้ เห็นอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง แม้จะนิดหน่อย ก็ขอเอามารีวิวซะหน่อย (แต่คนอ่านรีวิวส่วนใหญ่น่าจะแบบว่า รู้มานานแล้วอ่ะนะ เหอๆๆ)
แน่นอน ว่า MK Restaurant นี้ รู้จักกันในนามของ MK สุกี้นี่แหละ เดี๋ยวนี้อัพเกรดหรูเป็นภัตตาคารเอ็มเค ... จะว่าไปก็อัพมานานเกินสิบปีแล้วล่ะ (บ่งบอกอายุของผู้รีวิวมาก -*-)
ลักษณะเด่นของที่นี่ก็คือสารพัดจะจุ่ม ชาบูชาบูไม่เปลี่ยนแปลง
วิธีกินก็เดิมๆ คือจำทุกอย่างมายำรวมกัน ต้มๆๆๆ แล้วก็แย่งกันกิน ... ช่วงแรกๆหม้อต้มจะดูสวยงามน่ากิน ต้มไปต้มมา จนกินใกล้จะเสร็จ หน้าตาก็จะออกมาอย่างที่เห็น คือเละไม่น่ากินอีกแล้ว (แต่รสชาติอร่อยแซ่บหลายกว่าช่วงแรกๆมากนะ 555+)
เมนูเด็ดของร้านอาหารสไตล์นี้ก็คือ "เป็ด" นี่เอง สั่งกันหลายโต๊ะ
แต่มากิน MK รอบนี้ เค้ามีแบบว่า เป็ด หมูแดง หมูกรอบ ให้เลือกด้วยอ่ะ? มันมีมานานแล้วเหรอ บอกตรงๆว่าไม่เคยสั่ง (เชยหรือเปล่าเนี่ย) เมื่อก่อนเวลามากินก็สั่งแต่เป็ดๆๆๆ เท่านั้น!! ... ก็นับว่าเข้าท่าดี จานนึงกินได้หลากหลายขึ้น ^ ^
... ไม่อยากจะบอกว่าส่วนตัวชอบหมูกรอบนี่ที่สุด
นอกจากนั้น สิ่งที่อัพเดท(น่าจะอัพเดทมาหลายปีแล้ว ผมช้าเอง -*-) ก็คือมีอาหารจานเดียวด้วย เยอะแยะเลย มีข้าวต่างๆ มีหมี่ต่างๆ ก๋วยเตี๋ยวด้วย
อันนี้ที่เห็นเป็นข้าวผัดอะไรสักอย่าง ชื่อหรูดีทีเดียว แต่กินแล้วเหมือนข้าวห่อใบบัว (ก็อร่อยแหละ) แต่รูปที่เห็นนี่ถ่ายจากเมนูนะครับ
แล้วก็ในรูปนี่มีแบบว่า ข้าวอะไรไม่รู้ มีปีกไก่ชิ้นโตๆมาให้ด้วย ดูน่ากินทีเดียว
ข้อดีของการมีเมนูอาหารจานเดียวใน MK นั้น จะเหมาะกับการไปกินเป็นหมู่คณะมากขึ้น!!
บางคนอาจจะงง? เพราะการกินเป็นหมู่คณะนั้น แย่งๆกันจุ่มกันกิน มันต้องอร่อยและครื้นเครงกว่าสิ!!
แต่ในเวลาช่วงท้ายๆของการกินนั้น มันจะมีคนอยู่สองประเภท นั่นก็คือ พวกที่พูดว่า "ยังไม่ได้ครึ่งของกระเพาะเลย" กับพวกที่พูดว่า "อิ่มแล้วง่า" ... เรื่องไม่สมดุลย์แบบนี้ เกิดได้ประจำในกลุ่มคนหมู่มาก
ดังนั้น ถ้าเกิดหลายๆคนอิ่มแล้ว แต่ดันผ่าเหล่า เหลือ 2-3 คนยังไม่อิ่ม ก็สั่งอาหารจานเดียวเติมท้องให้อิ่มๆไปซะเลยก็ดี (แบบว่างกไง ถ้าสั่งมาจุ่มต่อ มันต้องหารเงินทั้งหมดไง 555+)
นอกจากนั้น รูปแบบของ MK ก็เดิมๆครับ เซทผักต่างๆ มีหมูสไลด์จานใหญ่สำหรับคนที่ชอบหมูโดยเฉพาะ
ติ่มซำก็เป็นหนึ่งในเมนูเด็ดของร้านอาหารแบบนี้เช่นกัน ... แต่กลุ่มผม เมนูดูดีหรูๆหน่อยไม่ชอบ ดันอยากกินซาลาเปาใส้ถั่วดำ (แต่กินแล้วก็นิ่มอร่อยอยู่นะ)
...
หลังจากกินจนเสร็จ ก็มีสภาพเช่นนี้ เละตุ้มเป๊ะ ดูไร้อารยธรรมยังไงชอบกล
...
ก็ยังสมกับโฆษณาของร้านอาหาร MK ที่มีคนมากินกันมากมาย มีครอบครัว มีเพื่อนฝูง ที่มากินกันอย่างมีความสุข
คิดไม่ออก บอกไม่ถูกว่าอยากกินอะไร เดินไปเข้า MK ได้เลยครับ ไม่ผิดหวัง ^ ^
Lemongrass Hotel Patong โรงแรมสวยที่ราคาน่าพักสุดๆ!!
มีโรงแรมเด็ดๆมานำเสนอกันอีกแล้วครับ
ครั้งนี้ขอพาไปย่านหาดป่าตอง ภูเก็ต กันบ้าง ซึ่งโรงแรมที่จะพาไปชมครั้งนี้ เป็นโรงแรมที่ได้รับการรีวิวในเวบเอเย่นและเวบรีวิวต่างๆในระดับดีมาก จนผมสนใจเข้าไปชมข้อมูล ... ซึ่งก็ต้องแปลกใจอีกรอบ เพราะราคาถูก หลักร้อย น่าพักโคตรๆครับที่นี่!!
โรงแรมนี้ชื่อว่า Lemongrass Patong Hotel Phuket ครับ เป็นโรงแรมที่มีราคาค่าที่พักที่น่าทึ่ง เพราะว่าไม่ใช่หลักร้อยธรรมดา!!
ที่นี่นั้นช่วง Low Season ราคาอย่างที่เห็นครับ แถมบางที มีจัดโปร Hot Deal ซึ่งจองที่พักกับโรงแรมโดยตรง ก็ได้ในราคาที่ "ต่ำกว่า 500 บาท" เสียด้วย!!
ดูรูปเลยครับ นี่คือรูปที่ผม crop มาจากหน้าเวบไซต์ของ Lemongrass Patong ครับ
เห็นราคากันแล้วก็อาจจะสงสัยว่าเป็นโรงแรมเก่าหรือเปล่า? ห้องน้ำรวมหรือเปล่า?
ขอบอกว่าเปล่าครับ!! ดูตามรูปเลยครับ!!
ไม่ต้องกลัวนะครับ ว่าจะเอารูปห้องที่สวยสุดของโรงแรมมาโชว์ เพราะดูราคา hot deal ห้องสวยสุดสิครับ ก็แค่ 450 บาทเองอ่ะ!!
หน้าตาที่พักก็น่าคบค้าสมาคม
ห้องพักเอย ห้องน้ำเอย ดูโอเคไปหมด
สรุปแล้ว ที่นี่ก็ไม่ใช่โรงแรมหรู 5 ดาวอะไร แต่ราคากับสิ่งที่ได้จากห้องพักนั้น แถมเป็นโรงแรมรีสอร์ทในทำเลเด็ดดวงอย่างหาดป่าตองด้วยแล้ว ต้องนับว่าเป็นที่พักที่ไม่ธรรมดาเลยครับ สวยแต่ราคาแค่นี้ จัดว่าหายากมากๆแล้วครับ
ดังนั้น สาเหตุที่ได้รับคำชมมาก ก็อาจจะเป็นเพราะว่าได้รับความคุ้มค่าเกินราคาจากที่พักแห่งนี้นั่นเอง
ถ้าหากคุณสนใจก็ดูข้อมูลของ Lemongrass Hotel Patong ได้ที่เวบไซต์ http://www.lemongrasspatong.com ครับผม ^ ^
ครั้งนี้ขอพาไปย่านหาดป่าตอง ภูเก็ต กันบ้าง ซึ่งโรงแรมที่จะพาไปชมครั้งนี้ เป็นโรงแรมที่ได้รับการรีวิวในเวบเอเย่นและเวบรีวิวต่างๆในระดับดีมาก จนผมสนใจเข้าไปชมข้อมูล ... ซึ่งก็ต้องแปลกใจอีกรอบ เพราะราคาถูก หลักร้อย น่าพักโคตรๆครับที่นี่!!
โรงแรมนี้ชื่อว่า Lemongrass Patong Hotel Phuket ครับ เป็นโรงแรมที่มีราคาค่าที่พักที่น่าทึ่ง เพราะว่าไม่ใช่หลักร้อยธรรมดา!!
ที่นี่นั้นช่วง Low Season ราคาอย่างที่เห็นครับ แถมบางที มีจัดโปร Hot Deal ซึ่งจองที่พักกับโรงแรมโดยตรง ก็ได้ในราคาที่ "ต่ำกว่า 500 บาท" เสียด้วย!!
ดูรูปเลยครับ นี่คือรูปที่ผม crop มาจากหน้าเวบไซต์ของ Lemongrass Patong ครับ
เห็นราคากันแล้วก็อาจจะสงสัยว่าเป็นโรงแรมเก่าหรือเปล่า? ห้องน้ำรวมหรือเปล่า?
ขอบอกว่าเปล่าครับ!! ดูตามรูปเลยครับ!!
ไม่ต้องกลัวนะครับ ว่าจะเอารูปห้องที่สวยสุดของโรงแรมมาโชว์ เพราะดูราคา hot deal ห้องสวยสุดสิครับ ก็แค่ 450 บาทเองอ่ะ!!
หน้าตาที่พักก็น่าคบค้าสมาคม
ห้องพักเอย ห้องน้ำเอย ดูโอเคไปหมด
สรุปแล้ว ที่นี่ก็ไม่ใช่โรงแรมหรู 5 ดาวอะไร แต่ราคากับสิ่งที่ได้จากห้องพักนั้น แถมเป็นโรงแรมรีสอร์ทในทำเลเด็ดดวงอย่างหาดป่าตองด้วยแล้ว ต้องนับว่าเป็นที่พักที่ไม่ธรรมดาเลยครับ สวยแต่ราคาแค่นี้ จัดว่าหายากมากๆแล้วครับ
ดังนั้น สาเหตุที่ได้รับคำชมมาก ก็อาจจะเป็นเพราะว่าได้รับความคุ้มค่าเกินราคาจากที่พักแห่งนี้นั่นเอง
ถ้าหากคุณสนใจก็ดูข้อมูลของ Lemongrass Hotel Patong ได้ที่เวบไซต์ http://www.lemongrasspatong.com ครับผม ^ ^
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)