รีวิว Legendha Sukhothai Resort - เลเจนด้าสุโขทัยรีสอร์ท สวยน่าพักย่านเมืองเก่า ^ ^

ทริปพักผ่อนช่วงวันหยุดยาวอาสาฬหบูชากับวันเข้าพรรษาปีนี้ ผมได้เลือกไปเที่ยวที่สุโขทัยครับ
เพราะว่ามันก็ดูจะเหมาะดี ที่จะได้ไปไหว้พระ ชมโบราณสถาน ในช่วงวันหยุดสำคัญทางศาสนา ^ ^ ... ก็เลยเลือกไปสุโขทัยแล้วกัน
ทริปนี้เป็นทริป 3 วัน 2 คืน ซึ่งคืนแรกได้เลือกพักที่ Legendha Sukhothai Resort (เลเจนด้าสุโขทัยรีสอร์ท) ครับ
แบบว่าดูรีวิวต่างๆแล้ว ถูกใจที่นี่ที่สุด เพราะว่าการตกแต่งของเค้ามีความเป็นไทยเยอะ แต่ตกแต่งให้ออกมาร่วมสมัยนิดๆ ดูบูติคดีด้วยครับ ก็เลยเลือกที่นี่

ว่าแล้ว ก็ขอพาชม The Legendha Sukhothai Resort กันเลยครับ ว่าที่นี่เป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง ^ ^
เริ่มต้นด้วยที่ Lobby หรือ Reception ของทางรีสอร์ทครับ ตกแต่งแบบไทยๆ แต่ก็ออกมาดูร่วมสมัยมากๆ มีโน่นนี่นั่นกุ๊กกิ๊ก มีจักรยานคันเล็กๆบนโต๊ะเป็นแจกันดอกไม้ด้วย
จากนั้นทางฟรอนท์ก็นำ Welcome Drink มาให้ เป็นน้ำฝรั่งที่มีใบตองครอบเอาไว้ ดูสวยงามดี
บริเวณที่ล็อบบี้อีกรูปครับ จุด Reception ครับ
ในบริเวณ Reception จะมี Free Internet ให้บริการอยู่ 2 เครื่องครับ ... อ้อ ที่นี่มี Wi-Fi ด้วยนะครับ ฟรีครับ แต่ต้องล็อคอินเข้า Password หน่อยเท่านั้นเอง ซึ่งเค้าจะแจก Password ให้ตั้งแต่ที่ Check-In เลยครับ ไม่ต้องร้องขอ ^ ^
ว่าแล้วก็ขอพาชมห้องพักกันเลยดีกว่า ห้องที่ผมพักเป็นห้อง Deluxe ครับ ผม Request ไปตอนจอง Online ไปว่าของห้องที่ใกล้สระว่ายน้ำครับ แล้วก็ได้ห้องที่ใกล้สมใจ เดี๋ยวพาไปดูทำเลอีกที ... แต่ตอนนี้ขอพาชมบรรยากาศในห้องก่อนแล้วกัน
มีหมอนอิงสามเหลี่ยมตกแต่งที่ปลายเตียงแบบนี้ครับ สำหรับนั่งเล่นดูทีวี ... แต่จริงๆแล้วส่วนใหญ่ก็นอนบนเตียงดูกันมากกว่า ^ ^"
อีกมุมมองในห้อง ห้องกว้างกำลังดี และมีเพดานที่สูงโปร่งมากๆครับ
มีโต๊ะนั่งทำงานให้ บริเวณนี้มีไดร์เป่าผม กระจกแล้วก็กระดาษทิชชู่ ... แล้วก็มีหนังสือคู่มือการใช้บริการที่แนะนำบริการต่างๆของทางรีสอร์ทครับ
และนี่ครับ บริเวณหน้าต่างของห้องพัก ภายนอกมองเห็นสระว่ายน้ำของรีสอร์ทชัดเจนครับ เห็นทั้งสองฟากเลยครับ ^ ^
บริเวณหัวเตียงครับ มองเห็นสระว่ายน้ำแบบนี้ ... ถ้าคนมาเล่นน้ำกันเยอะแล้วเราต้องการความเป็นส่วนตัวก็ปิดม่าน เท่านั้นเอง ^ ^
ถ้ามานั่งเดย์เบดที่ปลายเท้า ก็จะได้วิวประมาณนี้
ตรงนี้เป็นราวแขวนเสื้อ (ไม่มีตู้ครับ) มีมินิบาร์ให้นิดๆหน่อย กาต้มน้ำ โต๊ะสำหรับวางของ
จากนั้นก็พาชมห้องน้ำกันบ้าง ห้องน้ำไม่แคบครับ มีอ่างอาบน้ำให้
Amenities ครับ มีให้อย่างละ 2 เลยล่ะครับ ไม่ว่าจะแชมพู ครีมนวดผม ครีมอาบน้ำ สบู่ก้อน หมวกคลุมอาบน้ำ ทุกอย่างเป็นเซ็ท 2 ทั้งหมดครับ (ส่วนใหญ่จะเจอขวดครีมอาบน้ำแชมพู อะไรพวกนี้แค่ขวดเดียว)
ออกไปที่ระเบียงหน้าห้องกันบ้าง ห้องที่ผมพักเป็นห้อง 325 ประเภท Deluxe ครับ จะมีระเบียงที่เห็นวิวสระว่ายน้ำแบบนี้เลยครับ
ถ้าไปถ่ายรูปบริเวณสระว่ายน้ำ แล้วถ่ายรูปย้อนมา ก็จะเห็นห้องพักแบบนี้ครับ ห้อง Deluxe ของผมดูเหมือนเป็นวิลล่าหลังย่อมๆไม่เหมือนห้องอื่น ^ ^
ดูสระว่ายน้ำกันบ้างดีกว่า สระว่ายน้ำที่นี่ลึก 1.4 เมตรเท่ากันทั่วทั้งสระครับ แต่มีสระว่ายน้ำตื้นๆที่มีการเป่าฟองจากุซซี่เล็กๆอีกสระทางด้านขวาของภาพครับ
สระว่ายน้ำเต็มๆกันอีกมุมครับ บรรยากาศเค้าสวยดีครับที่นี่
จากนั้นก็เดินข้ามสะพานออกจากโซนที่พัก ไปยังห้องอาหารที่อยู่ทางด้านหน้าของรีสอร์ทที่ชื่อว่าห้องอาหารน้ำค้าง เปิดให้แขกภายนอกเข้ามารับประทานอาหารได้ด้วยครับ ซึ่งมีข้อดีตรงที่แขกที่มาพักรีสอร์ทกับแขกที่มาทานอาหารจะแยกโซนกันชัดเจนดี ไม่ปะปนกัน

ด้านหน้าห้องอาหารก็จะจัดมุมนั่นๆนี่ๆ เอาพวกเครื่องปั้นดินเผา หม้อ ไห อะไรต่างๆที่เป็นอุปกรณ์ทำครัวแบบไทยๆมาประดับประดาตกแต่ง ... จนออกมาดูดีได้ครับ
อีกมุมครับ ตรงนี้จะมีรายการอาหารแนะนำด้วย อาหารขึ้นชื่อก็เห็นว่าเป็นไก่อบฟาง แกงเลียงปลาย่าง ห่อหมกปลาช่อน ... เป็นอาหารแบบไทยๆครับ
แต่อันนี้ขอโชว์อาหารเช้าของคุณภรรยาครับ มีทั้งอเมริกันเบรคฟาสต์แล้วก็ข้าวต้มและข้าวกับกับข้าวแบบไทยๆ ไลน์อาหารไม่เยอะเว่อร์ แต่ก็ไม่น้อยครับ กำลังดีเลยครับ
ว่าแล้วก็ขอพาชมบริเวณต่างๆในรีสอร์ทให้ดูว่าเค้าตกแต่งร่มรื่นสวยงามประมาณไหน ^ ^
หญ้าเขียวๆ กับอาคารเรือนพักทรงแบบไทยๆ
บริเวณต่างๆก็จะมีแคร่(เรียกถูกป่าว?) มีหมอนอิงสามเหลี่ยมให้มานั่งเล่นกันใต้ร่มไม้ครับ
การดูแลบริเวณก็สะอาดสะอ้านโอเคครับ สวยงาม
ทางเดินในรีสอร์ทครับ ผ่านอาคารห้องพักต่างๆ ... แม้แต่ทางเดินต่างๆก็ทำออกมาสวยครับที่นี่
หากเดินไปบริเวณด้านหลังโรงแรมรีสอร์ท จะเห็นว่ามีมุมน่ารักๆอยู่อีก มีชิงช้าด้วย
ม้านั่งโยกสีขาว ประดับประดาสวยๆ
ดอกไม้บริเวณริมรั้วด้านหลัง สวยมากๆครับ หากถ่ายรูปทำมุมกึ่งๆขนานกับรั้ว จะดูเหมือนมีดอกไม้เยอะแยะไปหมด
มีตุ๊กตาปูนปั้นคุณเป็ดเดินเล่นไปมาในสนามหญ้าเป็นแถว ^ ^
มีสะพานแขวนที่เชื่อมกับห้องประชุมด้วยครับ
ไฮไลท์ในด้านทำเลของที่นี่อย่างหนึ่งก็คือ ด้านหลังจะมีประตู ที่สามารถเดินออกไปชมวัดช้างล้อมที่อยู่ติดกับตัวรีสอร์ททางด้านหลังได้ครับ ทำให้สามารถเดินไปชมโบราณสถานแห่งหนึ่งได้ใกล้ๆง่ายๆจากตัวรีสอร์ทกันเลย
และนี่คือเจดีย์วัดช้างล้อม โบราณสถานใกล้แค่เอื้อม ทำให้ทำเลของเลเจนด้า เด่นกว่าใครในด้านนี้ครับ
บริเวณฐานของเจดีย์จะมีช้างมาล้อมไว้แบบนี้ครับ ส่วนใหญ่ก็แตกหักไปหมดแล้วครับ ที่เห็นเหลืออยู่นี่อาจจะเป็นการบูรณะจำลองขึ้นมาในภายหลัง โดยการเทียบส่วนที่ยังสมบูรณ์อยู่ของช้างแต่ละตัวครับ
มีร่องรอยของเสาโบสถ์ข้างๆกับเจดีย์วัดช้างล้อมครับ
ในช่วงกลางคืน ก็สามารถเดินมาชมได้นะครับ เค้าเปิดสปอทไลท์ไว้ด้วย แต่มันก็มืดน่ากลัวแหละครับ ถ้าจะมากันแค่คนสองคน แนะนำให้มากันเยอะๆดีกว่า ... แต่ตอนผมไปเค้ามีเวียนเทียนกันที่นี่พอดี (เป็นกรุ๊ปจากไหนก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ น่าจะมาทำบุญเก้าวัด) ผมก็เลยได้เวียนเทียนร่วมกับเค้าด้วย โชคดีมากๆเลย อนุโมทนาบุญแค่กรุ๊ปที่มาจัดพิธีเวียนเทียนที่นี่ครับ
จากนั้นก็ไปทานอาหารเย็นที่รีสอร์ท ที่ห้องอาหารน้ำค้างครับ แบบว่าเห็นว่าที่นี่มีการแสดงด้วย เลยขอกินมันในรีสอร์ทนี่แหละ ไม่ได้ออกไปทานข้างนอกที่ไหน อาหารเย็นเป็นบุฟเฟ่ต์ด้วยนะครับ หรือจะสั่งเพิ่มก็ได้
ประมาณทุ่มครึ่ง การแสดงก็เริ่ม ด้วยการเล่นดนตรีไทยกันก่อน จากนั้นก็จะเริ่มมีรำมีอะไรต่างๆครับ
มุมนี้จะใกล้กับเวทีที่จัดแสดงครับ
คนที่มารำมาอะไรต่างๆบนเวที อยู่ในระดับสูงกันหลายคนครับ (แม้ผมจะไม่สันทัดด้านนี้แต่ก็ดูออกนะ)
อย่างในรูปด้านล่าง เฮียคนนี้รำได้ดีมากๆจังหวะเป๊ะมากๆ แล้วก็อ่อนช้อยสุดๆ (ด้านหลังเฮียเค้าจะมีโปรเจคเตอร์ฉายการรำทางวิดีโอควบคู่กับการรำของเค้าครับ ท่าพร้อมกันทุกท่าเลย)
หลังจากอิ่มกันแล้ว ก็ขอพาชมบริเวณต่างๆของเลเจนด้ารีสอร์ทยามค่ำคืนครับ
บริเวณสะพานครับ
บริเวณด้านหน้าห้องอาหารน้ำค้างครับ ตอนผมถ่ายรูปนี่ประมาณสี่ทุ่มกว่าๆครับ คนไม่มีแล้ว
ปิดท้ายด้วยภาพบริเวณสระว่ายน้ำยามค่ำคืน ... อ้อ สระว่ายน้ำเค้าปิดสี่ทุ่มนะครับ ซึ่งจะเปิดไฟในสระว่ายน้ำจนถึงสี่ทุ่มเลย อันนี้ถ่ายหลังสี่ทุ่มไปแล้วน่ะครับ ... ซึ่งก่อนจะสี่ทุ่ม ผมก็มาว่ายน้ำเล่นที่นี่แหละ ^ ^
รวมๆแล้วเหมือนจะดูดีไปซะหมดครับ สำหรับเลเจนด้าสุโขทัย
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อติเตียนบ้าง แต่ไม่รุนแรงครับ มองข้ามได้สบายๆ
เช่น พนักงานโซนห้องอาหาร ดูงงๆ เอ๋อๆ บริการแปลกๆ ไม่มืออาชีพ แต่ก็มีใจบริการนะครับ เรียกว่าบริการดีแหละครับ แต่อาจจะไม่ได้จบการโรงแรมมาโดยตรงก็เท่านั้นเอง
แล้วก็บริเวณด้านหน้ารีสอร์ทที่ติดกับถนนน่ะครับ (จะเห็นว่าผมไม่ได้ถ่ายรูปมา) ต้องปรับปรุงเยอะครับ ขอบอกตรงๆว่าไม่สวยเลยแหละ ^ ^" ตอนมาถึงครั้งแรกแอบตกใจกับภรรยา ว่านี่หรือ Legendha สวยๆที่เราเห็นในรูป หรือว่ารีวิวเค้าถ่ายรูปสวยหลอกตาหรือเปล่า? ... สรุปคือ Legendha เค้าสวยจริงครับ แต่ด้านหน้าดูไม่หรูหราอลังการเท่าด้านในก็เท่านั้นเอง ^ ^

สรุปโดยรวม ที่นี่เป็นรีสอร์ทที่ดีทั้งทำเล facilities ก็ดี ความสวยงามก็จัดว่าทำได้เยี่ยม เป็นรีสอร์ทที่แนะนำอยากบอกต่อครับ
คือถัดมาหลังจากออกจากที่พักที่ Legendha Sukhothai Resort ผมก็ได้เข้าพักที่ Thai Thai Guesthouse ครับ ที่นั่นก็ดีเหมือนกัน แล้วจะรีวิวให้ชมอีกทีครับ ^ ^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น