เกย์ หรือชายรักชาย มีสถิติติดเอดส์ HIV พุ่งแรงแซงทางโค้ง!!

ตอนนี้สถิติหรือยอดผู้ป่วยผู้ติดเชื้อเอดส์ - HIV ที่เพิ่งพบว่าเพิ่งป่วยเป็นเอดส์ใหม่ๆในช่วง 2554 นั้น
ไม่ใช่กลุ่มนักเรียน-นักศึกษา ไม่ใช่กลุ่มทหารตำรวจ และไม่ใช่กลุ่มผู้ขายบริการอีกต่อไปแล้ว!!
แต่ที่มาแรงแซงทางโค้งนั้น คือกลุ่มชายรักชาย หรือเกย์นั่นเองครับ (สถิติน่าจะนับรวมตุ๊ดหรือกระเทยเข้าไปด้วย)
โดยพบว่า 33% (1 ใน 3) จากผู้ติดเชื้่อรายใหม่ทั้งหมดนั้น เป็นกลุ่มชายรักชายครับ
พูดง่ายๆคือ ทุกๆคนที่มีผลตรวจหาเชื้อเอดส์ คนเว้นสองคน จะต้องเป็นชายรักชายนั่นเอง

จริงๆแล้วแนวโน้มกลุ่มชายรักชายที่เพิ่มมากขึ้นนั้น เพิ่มขึ้นตั้งแต่ 3-5 ปีก่อนแล้วครับ แล้วก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างน่าตกใจ
จนมาอยู่ที่ 33% ในปีนี้ ซึ่งถือว่ามากสุดๆเลยทีเดียว
... บางคนอาจจะมองว่า ห๊ะ 33% เหรอ? ไม่เห็นเยอะเลย ไม่ถึง 50% ซะหน่อย
ให้นึกภาพอย่างนี้ครับว่า ในสังคมปกตินั้นสัดส่วนเกย์หรือชายรักชายอยู่ที่เท่าไหร่?
จริงอยู่ว่าปัจจุบันนี้ เกย์ กระเทย มีเยอะขึ้นมากและพบเห็นได้ทั่วไป
แต่อย่างมาก ก็แค่ประมาณว่า "ห้องเรียนหนึ่งห้อง มีเกย์หรือกระเทยอยู่ 1-2 คน จากนักเรียนทั้งห้อง 50 คน" หรือบางห้องก็ไม่มีเกย์กระเทยเลยก็มีเช่นกัน สมมุติว่ามีเกย์ที่ไม่เปิดเผยอีกสัก 1-2 คน ให้มากสุดก็คือ จากคน 50 คนจะมีชายรักชายอยู่มากสุดแค่ 3-4 คนเท่านั้น
นั่นหมายความว่า จากคน 100 คนรวมทั้งชายและหญิง น่าจะมีเกย์หรือชายรักชายไม่เกิน 6-8 คน (ย้ำว่า "ไม่เกิน" นะครับ ส่วนใหญ่อาจจะมีแค่ 1-2 หรือไม่มีเลยก็ได้)
แต่จากผู้ติดเชื้อเอดส์หรือเอชไอวีรายใหม่นั้น กลับมากถึง 33 คน จาก 100 คน!! ... เริ่มจะมองภาพออกหรือยังครับ ว่าทำไมตัวเลขนี้จึงได้น่าตกใจอย่างมาก

ปัญหาก็คือ ค่านิยมการมีเพศสัมพันธ์ในกลุ่มชายรักชายนั่นเองครับ
คุณเคยได้ยินไหมครับ? "ผู้ชายมีอะไรกับผู้หญิงคนไหนก็ได้ แม้ไม่ใช่คนรัก" ซึ่งน่าจะเป็นเช่นนี้กับผู้ชายทุกคนร้อยละ 95-99%
แต่ชายที่ชอบผู้หญิงนั้น ถ้าจะไปมีอะไรกับผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยานั้น ถ้าไม่ได้ไปทำผิดศีลธรรม ก็ต้องเที่ยวหญิงบริการ
ซึ่งในกลุ่มชายผิดศีลธรรมนั้น ใช่ว่าจะไปหาหญิงผิดศีลธรรมมามีอะไรด้วยได้ง่ายๆ (แม้หญิงเช่นนั้นจะมีเยอะขึ้น แต่ก็ไม่ได้มากนักหรอกครับ) ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นเที่ยวหญิงขายบริการนั่นเอง ซึ่งหญิงกลุ่มนี้นั้น ชายส่วนใหญ่ก็มักจะป้องกันด้วยถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ด้วยอยู่แล้ว
...
พอกลายมาเป็นกลุ่มชายรักชายนั้น ต่างฝ่ายต่างเป็นประเภท "ผู้ชายมีอะไรกับผู้ชายคนไหนก็ได้ แม้ไม่ใช่ชายที่ตนรัก" ... ซึ่งเป็นนิสัยส่วนใหญ่ของผู้ชายนั่นเอง ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่เจอคู่ที่เป็นชายรักชายเหมือนกัน จึงมีเพศสัมพันธ์ได้ง่ายกว่าชายผิดศีลธรรม และกลุ่มนี้ยิ่งไม่ค่อยใช้ถุงยางอนามัยกันเลย!! (พอจะนึกภาพออกกันใช่ไหมล่ะครับ)
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ต่อให้คนๆนั้นเป็นชายรักชายประเภทรักเดียวใจเดียว มีเพศสัมพันธ์กับคนรักแค่คนเดียว ... แต่คู่ของชายรักชายคนนั้นก็อาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นไม่ ... พูดง่ายๆคือ ชายรักชายประเภทรักเดียวใจเดียวมาจับคู่กันพอดิบพอดีนั้น มันเป็นเรื่องหายากเหมือนกันครับ
...
และด้วยประการฉะนี้เอง ที่ทำให้ยอดการติดเชื้อเอดส์ในกลุ่มนี้พุ่งแรงแซงทางโค้งมาได้!!

ก็อยากจะบอกชายรักชายทุกคนครับ ว่าการซื่อสัตย์รักเดียวใจเดียวนั้น สำคัญมากๆแม้ว่าคุณจะเป็นชายรักชาย หรือหากจะมีเพศสัมพันธ์ก็ควรจะใช้ถุงยางอนามัย ไม่ต่างจากหญิงชายทั่วไปนะครับ
ใครมีเพื่อนเป็นเกย์ ก็กระซิบบอกๆเพื่อนไว้บ้างก็ดีครับ

หมายเหตุ : ตัวเลข 33% เป็นตัวเลขจากกรมควบคุมโรคนะครับ
แต่ตัวเลขจากการยกตัวอย่างนั้น เป็นการยกตัวอย่างตามความรู้สึกส่วนตัวของเจ้าของบล็อกเองให้คนอ่านเห็นภาพตามน่ะครับ อย่าเอาไปอ้างอิงที่ไหนนะ ^ ^

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ18 ธันวาคม 2554 เวลา 23:53

    ถ้าแฟนเรา เคยมีไรกับคนอื่นมา 3 คนแล้วและเราเป็นคนที่ 4 แต่ไปตรวจมาแล้วว่าแฟน้เราไม่มีเชื้อไม่ใส่ถึงจะเป็นไรมั้ยค้ะ

    ตอบลบ