เพิ่งรถคว่ำมาครับ พังหมดเลย แต่ปลอดภัยดีครับ ^ ^

เจ้าของบล็อคเพิ่งรถคว่ำมาครับและโชคดีมากๆที่ไม่เป็นอะไร (ประมาณ 2 ชม.ก่อนหน้านี้เอง เพิ่งกลับมาถึงบ้านสดๆร้อนๆเลย -*- จัดการทุกอย่างหมดแล้วอย่างง่ายดาย เพราะไม่มีคู่กรณีและ ... ไม่ได้ทำประกัน -*-)
เลยอยากมาเล่าประสบการณ์ให้หลายๆคนได้อ่านกัน

ใจนึงนั้น เสียดายรถมากๆเพราะเพิ่งผ่อนหมดได้แค่ปีเดียวเอง และพ่อแม่ก็ช่วยออกให้เยอะด้วย แต่รถก็มาพังซะแล้ว ดูรูปร่างแล้วคิดว่า ... ค่าซ่อมน่าจะ 2-3 แสน ... มั้ง -*-
แต่เมื่อคิดว่าเราปลอดภัย แถมแทบไม่เจ็บอะไรเลย ถือว่าโชคดีอย่างที่สุดแล้ว รถหาใหม่ได้ แต่ชีวิตเราหาใหม่ไม่ได้นะครับ ดีแล้วที่ปลอดภัยกลับมา

เหตุการณ์ก็คือว่า "ขับรถหลบงู" ครับ คาดว่าเป็นงูเหลือมเพราะสีเหลืองๆดำๆและตัวใหญ่มากขึ้นมาได้กลางถนนแล้ว เข้าโค้งมาเจอมันบนถนน ก็หักหลบและรถเสียศูนย์ลงไปข้างทางพร้อมกับพลิกหงายแล้วก็กลับมาคว่ำได้อีกครั้งหนึ่ง คนที่เห็นเหตุการณ์บอกว่ามีรถลอยตอนลงถนนด้วยล่ะครับ
ก็เลยอยากจะบอกเตือนหลายๆคนที่ได้อ่านบล็อคนี้ครับว่า

1. อย่าขับรถเร็วจะดีที่สุด
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ผมเองไม่ใช่ไม่ทราบนะครับ ว่า้ถ้าเจออะไรกระทันหันและขับมาไวเช่นสุนัข อย่าหลบ เพราะเราอาจจะแย่แทนได้
แต่เอาเข้าจริงๆนั้น ... มือมันหักพวงมาลัยไปเอง นอกเหนือจากการคิดวิเคราะห์จริงๆ
เพราะตรงส่วนที่ผมเจองูนั้น เป็นโค้ง เรียกว่าเข้าโค้งไปปุ๊บ ก็เจองูปั๊บเลยครับ เรียกว่าไม่ได้ทันคิดอะไรเลย แล้วมันก็หักหลบไปตามสัญชาตญาณแ่ล้วล่ะครับ
ดังนั้น ถ้าผมขับรถมาช้าอีกสักนิด ผมก็อาจจะหักหลบได้โดยง่ายและรถก็ไม่คว่ำจนพังยับอย่างนี้
หรือไม่เช่นนั้น ผมก็จะมีสติ คิดวิเคราะห์ได้ทัน พูดง่ายๆคือมีเวลาให้คิดเพิ่มขึ้นแม้เสี้ยววินาทีก็ตาม
แต่เพราะขับเร็วจึงไม่ทันได้คิดอะไรเลย
...
หากติดขับรถเร็วจนติดเป็นนิสัียจริงๆ ขณะเข้าโค้ง ก็เบาไว้ก่อนดีกว่า ไม่ใช่ว่าเค้าโค้งฉุบฉับทันที เพราะเราไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่ที่โค้ง อาจจะมีรถจักรยานหรือรถอื่นๆที่แล่นช้ามากๆ คอยอยู่หลังโค้งก็ได้ครับ

2. คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง
ผมคาดเข็มขัดนิรภัยครับ และรู้ได้ทันทีจากการนั่งรถครั้งนี้เลยว่า เรารอดได้เพราะคาดเข็มขัดนิรภัยจริงๆ
แน่นอนว่าโชคดีก็ส่วนหนึ่งที่รถไม่ได้กระแทกบริเวณคนขับ
แต่ถ้าผมไม่ได้ขาดเข็มขัดนิรภัย ก็น่าจะแย่กว่านี้มากๆครับ เพราะตัวก็คงกระเด้งไปลอยไปมากระแทกอะไรต่อมิอะไรได้ง่ายๆ (คนเห็นเหตุการณ์บอกว่ารถลอยด้วยครับ แถมพลิกหนึ่งตลบแล้วก็กลับมาคว่ำ(ไม่ได้หงาย)ใหม่อีกรอบ ... ซึ่งก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน รู้สึกยิ่งกว่านั่งรถไฟเหาะอีก
...
ซึ่งขณะที่รถพลิกคว่ำนั้น ผมรู้ตัวอยู่ตลอด และรู้ตัวชัดเจนเลยว่าตัวผมไม่ได้ขยับไปไหนจากเบาะนั่ง และ "ไม่กระแทก" อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว และนี่คือประสบการณ์ด้วยตัวเองจริงๆ ว่าเข็มขัดนิรภัย มันช่วยชีวิตอย่างนี้นี่เอง

3. เป็นคนดีกันนะครับ
ส่วนตัวมั่นใจค่อนข้างมาก ว่าตัวเองเป็นคนดีมากๆคนหนึ่ง แม้จะไม่ค่อยได้ทำบุญที่วัดอะไรก็ตามที
แต่เป็นคนที่แทบไม่เคยทำเวรทำกรรม หรือทำร้ายใครไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่เลย และรู้ว่าตนเองเป็นคนที่ซื่อสัตย์คนหนึ่ง
แค่นี้เท่านั้น ที่ผมเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมปลอดภัยและมาพิมพ์บล็อคอยู่ได้อย่างสบายๆทั้งๆที่เหตุการณ์เพิ่งเกิดแค่ 2 ชม.ก่อนหน้านี้เอง
ถ้าขณะที่รถผมเสีียหลักมีรถสวนมา ก็คงแย่กว่านี้
หรือมีใครเดินอยู่บริเวณนั้น ผมก็คงไปทำผู้อื่นเสียชีวิตได้
... แต่เพราะโชคดี ทำให้ไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น
และที่ผมโชคดี ผมคิดว่าเป็นเพราะผลบุญที่ผมมีจริงๆ


ทั้งข้อ 1. และ 2. นั้น
หลายๆคนคงทราบอยู่แล้ว และเป็นหลักการทั่วๆไปของการขับรถที่เรียกว่าเกร่อมากๆ คาดเ็ข็มขัด อย่าขับเร็ว
แต่ก็ต้องบอกเลยว่า เรื่องพื้นฐานง่ายๆแค่นี้แหละครับ ที่ช่วยได้ ไม่ต้องมามีเทคนิคอะไรมากมายเลย
ถ้าผมไม่ขับเร็ว รถก็คงไม่คว่ำ
และที่รถคว่ำ และผมไม่เป็นไร ก็เพราะผมคาดเข็มขัดนิรภัย
มันช่วยได้จริงๆครับ
...
ส่วนข้อ 3. นั้น ก็แล้วแต่ความเชื่อกันนะครับ
เพียงแต่ว่า ไม่ว่าผลบุญมันจะมีจริงหรือไม่ก็เถอะ แต่เป็นคนดีนี่มันรู้สึกดีจริงๆนะครับ ^ ^
นอกจากประโยชน์ด้านความรู้สึกส่วนตัวแล้ว สิ่งที่เราได้จากคนรอบข้างก็ดีตามกันด้วย
ก็เหมือนกับว่าเราเคยทำประโยชน์ให้ใครไว้ แล้วเค้าก็ตอบแทนเรามานั่นแหละครับ
เมื่อเราก่อกรรมดีไว้ กรรมดีก็ตอบแทนเรามา ^ ^


แน่นอนครับว่า อุบัติเหตุหลายๆอย่าง มัีนก็มีสิ่งที่เราป้องกันไม่ได้อยู่ด้วย แต่อย่างน้อยก็มีอุบัติเหตุหลากหลายอย่างที่เราป้องกันได้ มีอุบัติเหตุหลายๆอย่างที่เรา้เปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นเบาได้
กันไว้ก่อนดีกว่านะครับ

สุดท้ายก็ขอให้ทุกๆคนปลอดภัยจากการใช้รถใช้ถนนและอื่นๆกันนะครับ ^ ^
ถ้าคิดว่าประสบการณ์ของผมมีประโยชน์ก็ส่งต่อให้คนอื่นๆอ่านกันได้ครับ ก๊อปข้อความไปได้เลยครับ ^ ^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น